xs
xsm
sm
md
lg

ย้ายสนามบิน เร่งรีบไปไย!

เผยแพร่:   โดย: สุวิชชา เพียราษฎร์

ฟังดูคราวแรกคิดถึงเด็กเล่นขายของ ย้ายไป-ย้ายมาทำกันง่ายๆ

แต่วันที่ 29 มีนาคมนี้ สายการบินไทยจะย้ายจากดอนเมืองกลับไปสุวรรณภูมิอีกคำรบ

นับเป็นการย้ายไปย้ายมาระหว่างดอนเมือง สนามบินดั้งเดิมไปสนามบินใหม่อย่างสุวรรณภูมิครั้งที่สองในรอบ 2 ปีเศษของสายการบินแห่งชาติสายนี้

ครั้งแรกที่ย้ายนั้น เพราะสุวรรณภูมิเปิดใช้ในช่วงปลายปี 2549 แต่ไม่กี่เดือนต่อมา วันที่ 25 มีนาคม 2550 ก็ต้องย้ายกลับมาใช้สนามบินเดิม โดยรัฐบาล “ขิงแก่” พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ให้เหตุผลว่า ลดความแออัด ความขลุกขลักไม่เข้าที่ และ ประการสำคัญภาวะที่ต้องเผชิญปัญหา “ซ่อมไป-บินไป” ของสนามบินสุวรรณภูมิที่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ดันทุรังเปิดทั้งๆ ที่ไม่พร้อมมันเต็มกลืนฝืนทน

พอย้ายกลับมาดอนเมือง จังหวะนั้นสนามบินที่เคยถูกปล่อยทิ้งร้างก็กลับมาคึกคัก สายการบินที่บินในประเทศ 3 สาย คือ การบินไทย นกแอร์ และวันทูโก สร้างชีวิตชีวาทำให้กับผู้คน พ่อค้า แม่ขายในย่านนั้นมีวิถีชีวิตใกล้เคียงเดิม ขณะที่ผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการสนามบินมีทางเลือกที่สะดวกสบายมากขึ้น ประหยัดเงิน และเวลามากขึ้น เพราะไม่ต้องเดินทางไกลไปสุวรรณภูมิ

เวลาผ่านกว่า 2 ปี กล่าวได้ว่า ความชัดเจนของนโยบายการใช้สนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิควบคู่กันไป หรือสนามบินคู่ (Dual Airport) เด่นชัดขึ้น

ทว่า...หลังจากการเปิดตัวนาย ศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งก็ทราบกันดีว่า มาจากแรงผลักดันของกลุ่มก๊วนการเมืองภายใต้การดูแลของนายเนวิน ชิดชอบ ที่กลับมาเบ่งบารมีอำนาจในรัฐบาลชุดนี้เข้ามาในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูพัฒนาโครงข่ายขนส่งทางอากาศ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางทางการบินและการท่องเที่ยวในภูมิภาค เค้าลางทะแม่งๆ ก็เกิดขึ้นกับการบินไทย-สนามบินดอนเมือง

เป็นเค้าลางที่มาพร้อมกลิ่นไม่สู้ดี ไม่โปร่งใสเหมือนๆ เมกะโปรเจกต์ในสังกัดกระทรวงคมนาคมอื่นๆ อาทิ โครงการรถไฟฟ้า 4 สาย โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน!

กล่าวเฉพาะ นายศรีสุข เป็นข้าราชการผู้ใหญ่ในกระทรวงคมนาคมผ่านมาหลายรัฐบาลได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่รู้เรื่องธุรกิจการบิน สนามบินสุวรรณภูมิดีระดับ “ตำนาน” ผู้หนึ่ง ควบคู่ไปกับสนามบินที่เป็นระดับ “ตำนานโคตรโกง” จากใช้เงินลงทุนมโหฬารใช้เวลาก่อสร้างยาวนานกว่า 40 ปีอย่างหนองงูเห่า

นายศรีสุข หวนคืนมาคมนาคมครั้งนี้ไม่นานก็เริ่มลงมือผลักดันโครงการใหญ่ๆให้สุวรรณภูมิ แม้จะมีปัญหาที่เขาตกเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ถูกกล่าวหาพัวพันในคดีทุจริตคอร์รัปชันของสนามบินอื้อฉาวแห่งนี้อยู่ด้วยก็ตาม

การย้ายสายการบินไทยนายศรีสุข ให้เหตุหลักๆ ว่า เพื่อทำให้สุวรรณภูมิเป็นสนามบินเดี่ยว (Single Airport) จะได้ไปโลดสู่เป้าหมายนโยบายการเป็นสนามบินพาณิชย์ศูนย์กลางการบินของภูมิภาค (ฮับ) ขณะที่ดอนเมืองก็ใช้เป็นศูนย์ซ่อมอากาศยาน รองรับเที่ยวบินเหมาลำ หรือเครื่องบินส่วนตัว

พร้อมกับเล็งผลเลิศวาดฝันจะเห็นรายได้มากมาย ผลประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับมากกว่าการแยกกันอยู่แยกกันบริหารสองสนามบิน วิธีคิด แนวคิด เรียกได้ว่า ก๊อบปี้มาจากสมัยรัฐบาลทักษิณ!

ก็ว่ากันไป...

ความจริงนโยบายสนามบินเดี่ยวเท่าที่ดูๆ ปฏิกิริยาจากส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน ทั้งสายการบิน ธุรกิจท่องเที่ยวไม่มีใครคัดค้าน หากแต่การย้ายหรือไม่ย้ายสายการบินไทยที่เป็นประเด็นคำถามมากมาย กลับไม่ได้เป็นสาระในเรื่องนี้ ที่คาใจคือ ทำไมฝ่ายการเมืองและผู้บริหารการบินไทยต้องรีบเร่งย้ายสนามบินในตอนนี้?

ประการแรก ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ และการบินไทยประสบปัญหาขาดทุน การเงินไม่คล่องตัวแม้กระทั่งบากหน้ากู้เงินใครก็ลำบาก ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการย้ายบ้าน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะเกิดตามมา ใครรับผิดชอบ?

เท่าที่ทราบ หรืออย่างที่ นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์ที่จะไม่ย้ายตามการบินไทยเคยพูดไว้ว่า การย้ายแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องสนุก เพราะ สายการบินต้องแบกรับต้นทุนไม่น้อยกว่า 20-30 ล้าน เมื่อครั้งย้ายกลับจากสุวรรณภูมิก็ครั้งหนึ่ง ตอนนี้ก็จะอีกครั้งหนึ่ง

ประการที่สอง สนามบินสุวรรณภูมิมีความพร้อมเพิ่มขึ้นจาก 2 ปีที่แล้วเช่นนั้นหรือความแออัดขจัดไปได้แล้ว? ภาวะซ่อมไป บินไป หรือช่วงที่เครื่องบินลงพร้อมๆ กันหลายไฟลต์ ตารางบินระบุอย่าง กว่าจะได้บินต้องหลับรอนานนับ 5-6 ชั่วโมง แก้ไขปัญหาให้ลุล่วงได้แล้ว? ทำไมไม่รอให้เฟส 2 แล้วเสร็จ?

เท่าที่ทราบ การซ่อมบำรุงรันเวย์ แท็กซี่เวย์ ยังมีมาเป็นระยะๆ

ประการต่อมา หากจะย้าย ทำไมไม่รอไปทำหลังจากหมดหน้าเทศกาลเดินทางของผู้โดยสารในประเทศ โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ระหว่างเดือนเมษายนต่อยาวไปถึงพฤษภาคมที่แต่ละปี การบินไทย โกยรายได้เป็นกอบเป็นกำ

ทั้งนี้ 2 ปีที่ผ่านมา การบินไทยที่ดอนเมืองมีรายได้จากการขายตั๋วโดยตรงจากเอเยนต์ประมาณ 35-40 ล้านบาทต่อเดือน

ประเด็นเหล่านี้ให้คิดอย่างไรก็ยังไม่เข้าใจ แต่พอมอง ‘วาระ’ ที่ปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ คำให้สัมภาษณ์ต่างกรรมต่างวาระของผู้เกี่ยวข้อง อะไรมันช่างประจวบเหมาะเป็นความบังเอิญที่ลงตัวโดยแท้

นายศรีสุขแจ้งนโยบาย (ราวๆ กลางเดือนมกราคม) นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ขานรับทันที ขณะที่ผู้บริหารการบินไทยบางคนก็สนองรับฝ่ายการเมืองอย่างไม่สงวนท่าที ไม่สนใจรับฟังพนักงานของตน ความเห็นของประชาชนโดยรอบดอนเมือง

น่าแปลกที่ว่า ผู้บริหารคนนี้แต่เดิมเป็นผู้สนับสนุนให้ใช้ดอนเมืองเป็นยุทธศาสตร์ชิงส่วนแบ่งตลาดผู้โดยสารภายในประเทศจากสายการบินจากบรรดาโลว์ครอสทั้งหลาย แต่วันนี้เปลี่ยนไปพร้อมๆ กับข่าวการสรรหาผู้มากุมบังเหียน ชิงชัย “ดีดี” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ แก้ปัญหาภายในการบินไทย!

ประการสำคัญ การย้ายการบินไทยไปบินขึ้น-ลงที่สุวรรณภูมิคือการเพิ่มปริมาณการใช้สุวรรณภูมิ ผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้น ร้านค้าเจ้าผูกขาดสัมปทานมิพักต้องพูดถึงนอนรอได้ประโยชน์เต็มๆ

ทว่า ให้โปรดสังเกต ข่าวการขยายสนามบินเฟส 2 มูลค่า 72,000 ล้านบาทนับจากนี้จะออกมาถี่ขึ้นเรื่อยๆ

...รวมถึง ปากของใครบางคนและพวกพ้องที่จะมันวาวเป็นพิเศษ.


ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อก http://mblog.manager.co.th/suwitcha67 หรือ E-mail suwitcha@manager.co.th
กำลังโหลดความคิดเห็น