พนักงานการบินไทยค้านเร่งย้ายเที่ยวบินในประเทศจากดอนเมืองไปสุวรรณภูมิ ติงเร่งรีบเกินไปโดยอ้างนโยบาย Single Airport แต่กลับเป็นการเอื้อสายการบินต้นทุนต่ำยึดดอนเมืองเป็นฮับและย้ายผลประโยชน์จากผู้โดยสารกว่า 2.4 ล้านคนต่อปี ให้กับกลุ่มทุนการเมือง ขณะที่ทอท.เตรียมขาดทุนดอนเมืองเพิ่มหากเหลือ 2สายใช้บริการเหตุ รายได้ไม่คุ้ม ด้าน“โชคชัย”ยันพนักงานเห็นด้วย ระบุใช้สุวรรณภูมิแห่งเดียวลดต้นทุนการบินปีละ700 ล้านบาท ด้านสหภาพฯ ยันขอความชัดเจน "โสภณ" นโยบายต้องไม่เปลี่ยนบ่อย
วานนี้ (19 ก.พ.) นายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้เป็นตัวแทนฝ่ายบริหารบริษัท ประชุมร่วมกับพนักงานการบินไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ในท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อทำความเข้าใจถึงการเตรียมความพร้อมที่จะมีการย้ายการให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศของการบินไทยจากท่าอากาศยานดอนเมืองกลับไป ให้บริการมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันที่ 29 มี.ค. 52 โดยมีพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในท่าอากาศยานดอนเมืองเกือบ 100 คนเข้าร่วม
แหล่งข่าวจากบริษัทการบินไทย กล่าวว่า พนักงานเสนอให้ฝ่ายบริหารชะลอการย้ายเที่ยวบินภายในประเทศจากดอนเมืองกลับไปให้บริการที่สุวรรณภูมิ ออกไปอีกอย่างน้อย 3 – 4 เดือน เพื่อเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้านให้เรียบร้อยก่อน เนื่องจากวันที่ 29 มี.ค.ใกล้จะถึงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีการขายตั๋วล่วงหน้าไปแล้ว จะทำให้ผู้โดยสารสับสนและเป็นปัญหาได้ ซึ่งมีบทเรียนก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งย้ายเที่ยวบินจากสุวรรณภูมิมาดอนเมือง
นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารเคยระบุว่า การให้บริการที่ดอนเมืองของบริษัท มีกำไรและจะพิจารณาเพิ่มเที่ยวบินด้วย แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลและมีนโยบายให้ย้ายกลับไปสุวรรณภูมิฝ่ายบริหารกลับบอกว่า ขาดทุน ซึ่งเป็นการพูดไม่หมด เพราะการขาดทุนรวมของบริษัทที่เกิดจากการบริหารงานในส่วนอื่นๆ
“ในภาพรวมการย้ายไปให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียว เป็นประโยชน์กับบริษัทดังนั้นพนักงานไม่ได้คัดค้านแต่ ควรกำหนดเวลาการย้ายที่จะไม่เกิดปัญหา และเห็นว่าควรให้ผ่านเทศกาลสงกรานต์ไปก่อนแต่ฝ่ายบริหารยืนยันว่าเป็นนโยบายที่ต้องปฏิบัติตาม เปลี่ยนแปลงไม่ได้”แหล่งข่าวกล่าว
ทอท.อ่วมขาดทุนดอนเมืองเพิ่ม
แหล่งข่าวจากการบินไทยกล่าวว่า สายการบินวันทูโก และนกแอร์ ยืนยันที่จะใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองต่อไปเพราะนโยบายระบุว่า การย้ายหรือไม่เป็นไปตามความสมัครใจของสายการบิน ดังนั้นการที่มีเพียง 2 สายการบินใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองอาจจะกระทบทำให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ต้องขาดทุนมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาผู้โดยสารหลักมาจากการบินไทย
สหภาพฯ ชี้นโยบายเอื้อ Low cost
ด้านนางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทยกล่าวว่า ฝ่ายบริหารแจ้งให้พนักงานทราบถึงการย้ายเที่ยวบินภายในประเทศจากดอนเมืองกลับไปให้บริการที่สุวรรณภูมิ ซึ่งพนักงานยังมีข้อสงสัยถึงการเร่งรีบย้ายเที่ยวบินของการบินไทยกลับไปที่สุวรรณภูมิ และนโยบายสนามบินเดี่ยว (Single Airport) โดยในสัปดาห์หน้าสหภาพฯ จะประชุมเพื่อสรุปความเห็นของพนักงานทั้งหมด เสนอนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการบริหารท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิของรัฐบาล
การย้ายกลับไปสุวรรณภูมิของการบินไทยจะเป็นการเปิดทางให้สายการบินต้นทุนต่ำ ใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นศูนย์กลางของสายการบินต้นทุนต่ำ และได้เปรียบเรื่องต้นทุน ความสะดวกในการให้บริการในขณะที่การบินไทยกลับไปให้บริการที่สุวรรณภูมิ จะมีปัญหาแออัด ซึ่งการแก้ปัญหาของสุวรรณภูมิยังไม่ 100% ดังนั้น รัฐบาลต้องมีความชัดเจนว่า เมื่อย้ายกลับไปสุวรรณภูมิแล้วจะไม่มีการสั่งให้การบินไทยย้ายมาดอนเมืองอีก โดยเฉพาะในช่วงการขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 เพราะจะต้องเกิดปัญหาเรื่องความแออัดแน่นอน
โดยนางแจ่มศรี กล่าวว่า พนักงานต้องการให้ชะลอการย้ายออกไปสักระยะ เพื่อให้มีความพร้อมมากกว่า และเพื่อไม่ให้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมีผู้โดยสารเดินทางค่อนข้างมากเกิดความวุ่นวายหรือผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวก แต่ฝ่ายบริหารยืนยันแผนการย้ายวันที่ 29 มี.ค. 52 โดยให้เหตุผลการย้ายกลับไปสุวรรณภูมินอกจากเป็นนโยบายแล้ว จะได้ประโยชน์ในแง่ Network การบินของบริษัท การเชื่อมต่อการเดินทางของผู้โดยสารต่อเครื่อง และประโยชน์ในการใช้เครื่องบินของบริษัทที่จะรวมอยู่ที่เดียว ซึ่งมีความคุ้มค่าในภาพรวม
บิ๊กจำปีแจงย้ายกลับประหยัด 700 ล.ต่อปี
ในขณะที่นายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ การบินไทย กล่าวว่า จากการพูดคุยกับพนักงานฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ในท่าอากาศยานดอนเมืองมีข้อเสนอแนะ ให้บริษัทเร่งทำประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารทราบ รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดตารางการบิน ซึ่งต้องแจ้งให้ทุกฝ่ายทราบล่วงหน้า โดยพนักงานทั้งหมดยืนยันว่า สนับสนุนและเห็นด้วยกับแนวทางที่การบินไทยจะย้ายเที่ยวบินทั้งหมดกลับมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งแนวทางนี้จะทำให้บริษัทลดต้นทุนการบินได้ถึงปีละ 700 ล้านบาท
โดยบริษัทมีความพร้อมทั้งในเรื่องตารางการบินในวันที่ 29 มี.ค.แล้ว โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับลดเที่ยวบินภายในประเทศที่ให้บริการที่สนามบินดอนเมืองลงต่อเนื่อง จากช่วงแรกที่มี 31 เที่ยวบิน เหลือ 23 เที่ยวบินในปัจจุบันเท่านั้น ดังนั้น การย้ายเที่ยวบินกลับมาจึงสามารถดำเนินการทันทีและไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตถึงนโยบาย Single Airport ของนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมว่าจะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ในกิจกรรมการเชิงพาณิชย์ของสนามบินหรือไม่ เพราะมีการเร่งรีบประกาศการย้ายเที่ยวบินของการบินไทยกลับภายใน 3 เดือน โดยมีการมอบหมายให้นายศรีสุข จันทรางศุ อดีตประธานคณะกรรมการ ทอท. ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาเครือข่ายการขนส่งทางอากาศเป็นผู้ดำเนินการ โดยระบุว่าเป็นการแก้ปัญหาการบินไทย
เนื่องจาก บริษัทคิงเพาเวอร์ซึ่งได้รับสัมปทานการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ และมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับกลุ่มเพื่อนเนวิน รวมถึงนายศรีสุข ที่เป็นผู้อนุมัติสัญญาสัมปทานให้กลุ่มคิงเพาเวอร์ในขณะที่เป็นประธานบอร์ดทอท. จะกลายเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากรายได้เชิงพาณิชย์ในการย้ายเที่ยวบินของการบินไทยกลับไปสุวรรณภูมิ เพราะการบินไทยมีผู้โดยสารที่ให้บริการที่ดอนเมืองประมาณ 2 แสนคนต่อเดือนหรือ 2.4 ล้านคนต่อปี ที่จะกลับไปใช้จ่ายสินค้าในร้านค้าคิงเพาเวอร์ที่สุวรรณภูมิ
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2550 คณะรัฐมนตรี มีมติให้ใช้ สนามบินดอนเมืองควบคู่กับสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีมติให้สายการบินภายในประเทศที่ไม่มี การเชื่อมต่อเที่ยวบินระหว่างประเทศใช้สนามบินดอนเมือง ตามความสมัครใจ เป็นการดำเนินนโยบาย สนามบินเดี่ยว (Single Airport) ให้สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นสนามบินหลัก และดอนเมืองเป็นสนามบินรองรับ (Reliever Airport) เพื่อช่วยลดความแออัดภายในอาคารผู้โดยสารในขณะนั้น
คลังยังรอการบินไทยส่งแผน
นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ยังไม่ได้ส่งแผนการขอกู้เงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับกระทรวงการคลังผ่านทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และ สบน. ตามกำหนดเวลาที่ตั้งไว้ ซึ่งกระทรวงการคลังเอง ก็พร้อมพิจารณาหากการบินไทยเสนอแผนดังกล่าวเข้ามา เพราะในปัจจุบันกระทรวงการคลัง ยังไม่ทราบสภาพความเป็นจริงว่า การขาดสภาพคล่องของการบินไทยอยู่ที่จุดไหน และต้องดูแผนการฟื้นฟูกิจการด้วยว่าเงินที่ให้ไปนั้น จะมีผลในทางปฏิบัติออกมาได้ผลที่ดีขึ้นมากน้อยเพียงใดจึงจะสามารถตอบได้ว่ากระทรวงการคลังจะช่วยการบินไทยได้ในระดับใด หากการบินไทยส่งแผนมา กระทรวงการคลัง ก็พร้อมพิจารณาได้ทันทีถึงข้อดีข้อเสียและความเป็นไปได้ของแผน เพราะ สบน.ได้ตั้งวงเงินไว้ 200,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับรัฐวิสาหกิจในระยะสั้นไว้อยู่แล้ว การพิจารณาช่วยเหลือหากทำให้เกิดผลในทางที่ดีขึ้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด.
วานนี้ (19 ก.พ.) นายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้เป็นตัวแทนฝ่ายบริหารบริษัท ประชุมร่วมกับพนักงานการบินไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ในท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อทำความเข้าใจถึงการเตรียมความพร้อมที่จะมีการย้ายการให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศของการบินไทยจากท่าอากาศยานดอนเมืองกลับไป ให้บริการมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันที่ 29 มี.ค. 52 โดยมีพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในท่าอากาศยานดอนเมืองเกือบ 100 คนเข้าร่วม
แหล่งข่าวจากบริษัทการบินไทย กล่าวว่า พนักงานเสนอให้ฝ่ายบริหารชะลอการย้ายเที่ยวบินภายในประเทศจากดอนเมืองกลับไปให้บริการที่สุวรรณภูมิ ออกไปอีกอย่างน้อย 3 – 4 เดือน เพื่อเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้านให้เรียบร้อยก่อน เนื่องจากวันที่ 29 มี.ค.ใกล้จะถึงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีการขายตั๋วล่วงหน้าไปแล้ว จะทำให้ผู้โดยสารสับสนและเป็นปัญหาได้ ซึ่งมีบทเรียนก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งย้ายเที่ยวบินจากสุวรรณภูมิมาดอนเมือง
นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารเคยระบุว่า การให้บริการที่ดอนเมืองของบริษัท มีกำไรและจะพิจารณาเพิ่มเที่ยวบินด้วย แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลและมีนโยบายให้ย้ายกลับไปสุวรรณภูมิฝ่ายบริหารกลับบอกว่า ขาดทุน ซึ่งเป็นการพูดไม่หมด เพราะการขาดทุนรวมของบริษัทที่เกิดจากการบริหารงานในส่วนอื่นๆ
“ในภาพรวมการย้ายไปให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียว เป็นประโยชน์กับบริษัทดังนั้นพนักงานไม่ได้คัดค้านแต่ ควรกำหนดเวลาการย้ายที่จะไม่เกิดปัญหา และเห็นว่าควรให้ผ่านเทศกาลสงกรานต์ไปก่อนแต่ฝ่ายบริหารยืนยันว่าเป็นนโยบายที่ต้องปฏิบัติตาม เปลี่ยนแปลงไม่ได้”แหล่งข่าวกล่าว
ทอท.อ่วมขาดทุนดอนเมืองเพิ่ม
แหล่งข่าวจากการบินไทยกล่าวว่า สายการบินวันทูโก และนกแอร์ ยืนยันที่จะใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองต่อไปเพราะนโยบายระบุว่า การย้ายหรือไม่เป็นไปตามความสมัครใจของสายการบิน ดังนั้นการที่มีเพียง 2 สายการบินใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองอาจจะกระทบทำให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ต้องขาดทุนมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาผู้โดยสารหลักมาจากการบินไทย
สหภาพฯ ชี้นโยบายเอื้อ Low cost
ด้านนางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทยกล่าวว่า ฝ่ายบริหารแจ้งให้พนักงานทราบถึงการย้ายเที่ยวบินภายในประเทศจากดอนเมืองกลับไปให้บริการที่สุวรรณภูมิ ซึ่งพนักงานยังมีข้อสงสัยถึงการเร่งรีบย้ายเที่ยวบินของการบินไทยกลับไปที่สุวรรณภูมิ และนโยบายสนามบินเดี่ยว (Single Airport) โดยในสัปดาห์หน้าสหภาพฯ จะประชุมเพื่อสรุปความเห็นของพนักงานทั้งหมด เสนอนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการบริหารท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิของรัฐบาล
การย้ายกลับไปสุวรรณภูมิของการบินไทยจะเป็นการเปิดทางให้สายการบินต้นทุนต่ำ ใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นศูนย์กลางของสายการบินต้นทุนต่ำ และได้เปรียบเรื่องต้นทุน ความสะดวกในการให้บริการในขณะที่การบินไทยกลับไปให้บริการที่สุวรรณภูมิ จะมีปัญหาแออัด ซึ่งการแก้ปัญหาของสุวรรณภูมิยังไม่ 100% ดังนั้น รัฐบาลต้องมีความชัดเจนว่า เมื่อย้ายกลับไปสุวรรณภูมิแล้วจะไม่มีการสั่งให้การบินไทยย้ายมาดอนเมืองอีก โดยเฉพาะในช่วงการขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 เพราะจะต้องเกิดปัญหาเรื่องความแออัดแน่นอน
โดยนางแจ่มศรี กล่าวว่า พนักงานต้องการให้ชะลอการย้ายออกไปสักระยะ เพื่อให้มีความพร้อมมากกว่า และเพื่อไม่ให้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมีผู้โดยสารเดินทางค่อนข้างมากเกิดความวุ่นวายหรือผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวก แต่ฝ่ายบริหารยืนยันแผนการย้ายวันที่ 29 มี.ค. 52 โดยให้เหตุผลการย้ายกลับไปสุวรรณภูมินอกจากเป็นนโยบายแล้ว จะได้ประโยชน์ในแง่ Network การบินของบริษัท การเชื่อมต่อการเดินทางของผู้โดยสารต่อเครื่อง และประโยชน์ในการใช้เครื่องบินของบริษัทที่จะรวมอยู่ที่เดียว ซึ่งมีความคุ้มค่าในภาพรวม
บิ๊กจำปีแจงย้ายกลับประหยัด 700 ล.ต่อปี
ในขณะที่นายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ การบินไทย กล่าวว่า จากการพูดคุยกับพนักงานฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ในท่าอากาศยานดอนเมืองมีข้อเสนอแนะ ให้บริษัทเร่งทำประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารทราบ รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดตารางการบิน ซึ่งต้องแจ้งให้ทุกฝ่ายทราบล่วงหน้า โดยพนักงานทั้งหมดยืนยันว่า สนับสนุนและเห็นด้วยกับแนวทางที่การบินไทยจะย้ายเที่ยวบินทั้งหมดกลับมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งแนวทางนี้จะทำให้บริษัทลดต้นทุนการบินได้ถึงปีละ 700 ล้านบาท
โดยบริษัทมีความพร้อมทั้งในเรื่องตารางการบินในวันที่ 29 มี.ค.แล้ว โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับลดเที่ยวบินภายในประเทศที่ให้บริการที่สนามบินดอนเมืองลงต่อเนื่อง จากช่วงแรกที่มี 31 เที่ยวบิน เหลือ 23 เที่ยวบินในปัจจุบันเท่านั้น ดังนั้น การย้ายเที่ยวบินกลับมาจึงสามารถดำเนินการทันทีและไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตถึงนโยบาย Single Airport ของนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมว่าจะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ในกิจกรรมการเชิงพาณิชย์ของสนามบินหรือไม่ เพราะมีการเร่งรีบประกาศการย้ายเที่ยวบินของการบินไทยกลับภายใน 3 เดือน โดยมีการมอบหมายให้นายศรีสุข จันทรางศุ อดีตประธานคณะกรรมการ ทอท. ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาเครือข่ายการขนส่งทางอากาศเป็นผู้ดำเนินการ โดยระบุว่าเป็นการแก้ปัญหาการบินไทย
เนื่องจาก บริษัทคิงเพาเวอร์ซึ่งได้รับสัมปทานการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ และมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับกลุ่มเพื่อนเนวิน รวมถึงนายศรีสุข ที่เป็นผู้อนุมัติสัญญาสัมปทานให้กลุ่มคิงเพาเวอร์ในขณะที่เป็นประธานบอร์ดทอท. จะกลายเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากรายได้เชิงพาณิชย์ในการย้ายเที่ยวบินของการบินไทยกลับไปสุวรรณภูมิ เพราะการบินไทยมีผู้โดยสารที่ให้บริการที่ดอนเมืองประมาณ 2 แสนคนต่อเดือนหรือ 2.4 ล้านคนต่อปี ที่จะกลับไปใช้จ่ายสินค้าในร้านค้าคิงเพาเวอร์ที่สุวรรณภูมิ
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2550 คณะรัฐมนตรี มีมติให้ใช้ สนามบินดอนเมืองควบคู่กับสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีมติให้สายการบินภายในประเทศที่ไม่มี การเชื่อมต่อเที่ยวบินระหว่างประเทศใช้สนามบินดอนเมือง ตามความสมัครใจ เป็นการดำเนินนโยบาย สนามบินเดี่ยว (Single Airport) ให้สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นสนามบินหลัก และดอนเมืองเป็นสนามบินรองรับ (Reliever Airport) เพื่อช่วยลดความแออัดภายในอาคารผู้โดยสารในขณะนั้น
คลังยังรอการบินไทยส่งแผน
นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ยังไม่ได้ส่งแผนการขอกู้เงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับกระทรวงการคลังผ่านทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และ สบน. ตามกำหนดเวลาที่ตั้งไว้ ซึ่งกระทรวงการคลังเอง ก็พร้อมพิจารณาหากการบินไทยเสนอแผนดังกล่าวเข้ามา เพราะในปัจจุบันกระทรวงการคลัง ยังไม่ทราบสภาพความเป็นจริงว่า การขาดสภาพคล่องของการบินไทยอยู่ที่จุดไหน และต้องดูแผนการฟื้นฟูกิจการด้วยว่าเงินที่ให้ไปนั้น จะมีผลในทางปฏิบัติออกมาได้ผลที่ดีขึ้นมากน้อยเพียงใดจึงจะสามารถตอบได้ว่ากระทรวงการคลังจะช่วยการบินไทยได้ในระดับใด หากการบินไทยส่งแผนมา กระทรวงการคลัง ก็พร้อมพิจารณาได้ทันทีถึงข้อดีข้อเสียและความเป็นไปได้ของแผน เพราะ สบน.ได้ตั้งวงเงินไว้ 200,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับรัฐวิสาหกิจในระยะสั้นไว้อยู่แล้ว การพิจารณาช่วยเหลือหากทำให้เกิดผลในทางที่ดีขึ้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด.