xs
xsm
sm
md
lg

กทม.ดึงแบงก์ปล่อยกู้หมื่นล.บูมอสังหาฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – “ คุณชายสุขุมพันธุ์” เดินหน้าเต็มลูกสูบ ประชานิยมฉบับกทม. ผุดอภิมหาโปรเจกต์กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการอสังหาฯครั้งใหญ่ ผนึกธอส.-ออมสิน-กรุงไทยฯปล่อยกู้1หมื่นล้านบาทโครงการสวัสดิการที่อยู่อาศัยขรก.-พนง.กทม.ดอกเบี้ยแสนถูกคงที่ 2.75% ยาว 30 ปี ดึงออมสินสกัดเงินกู้นอกระบบ ปล่อยกู้พ่อค้า-แม่ค้าร้านข้าวแกง 1.5-3หมื่นบาท ดอกเบี้ยแค่ 1%ต่อเดือน

ภาคอสังหาฯนับเป็นหนึ่งในตัวจักรของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศให้เติบโต ท่ามกลางที่ภาคการส่งออกกำลังประสบปัญหาจากการชะลอตัวของประเทศคู่ค้า ดังนั้น รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและทีมเศรษฐกิจ ต่างหาหนทางที่จะกระตุ้นให้ภาคอสังหาฯเกิดการเติบโตขึ้น ซึ่งจะมีผลให้ธุรกิจเกี่ยวเนื่องได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ
โดยแนวทางที่รัฐบาลได้ดำเนินการ คือการให้สิทธิทางภาษีสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านใหม่หรือซื้อบ้านในปีที่ผ่านมาแต่ทำการโอนในปีนี้ สามารถนำเงินต้นมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงถึง 3 แสนบาท และนำภาระจากดอกเบี้ยมาหักได้อีก 1 แสนบาท
นอกจากนี้ มาตรการอื่นๆที่ยังคงใช้อยู่ คือ การลดภาษีธุรกิจเฉพาะเหลือ 0.1% (เดิม 3.3%) ลดค่าธรรมเนียมการโอนเหลือ 0.01%(เดิม 2% ของราคาประเมินของทางราชการ )และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯเหลือ 0.01% (เดิม1% ) ส่วนผู้ประกอบการที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้รับสิทธิทางภาษีนิติบุคคลเหลือ 25% (จากเดิมถูกเก็บอัตรา 30% ) ซึ่งมาตรการนี้ได้ขยายเวลาออกไปจนถึง 28 มี.ค. 53

กทม.กระตุ้นศก.ครั้งใหญ่ผ่านอสังหาฯ
ดึง3แบงก์รัฐฯปล่อยกู้หมื่นล้าน

ล่าสุด กรุงเทพฯ ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเป็นการสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล โดยเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกหน่วยงานหนึ่ง โดยได้จัดทำโครงการสวัสดิการที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการและพนักงานกทม. ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาการขาดทุนสะสมของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อย่างการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ที่รับหน้าที่บริหารโครงการบ้านเอื้ออาทร จนขาดทุนสะสมมาแล้ว2 ปี มีหนี้สินกว่า 80,000 ล้านบาท

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกรุงเทพฯ มีมติอนุมัติโครงการสวัสดิการที่อยู่อาศัยเพื่อข้าราชการและพนักงานกทม. โดยให้เปิดวงเงินกู้ 10,000 ล้านบาทกับสถาบันการเงินของรัฐ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ,ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) และธนาคารออมสิน เพื่อปล่อยกู้ให้แก่ข้าราชการและพนักงานกทม.ในการซื้อที่อยู่เป็นของตนเอง ผ่านเงื่อนไขจูงใจทางด้านอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.75% ตลอดระยะเวลา 30 ปี

นำร่องโครงการบ้านเอื้อฯ-จ่อคิวจัดสรร

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. อธิบายถึงรายละเอียดของโครงการครั้งนี้ว่า กทม.ได้เจรจาเปิดวงเงินกู้กับธอส.แล้ว 5,000 ล้านบาท และธนาคารออมสิน 3,000 ล้านบาท รวม 8,000 ล้านบาท ส่วนธนาคารกรุงไทยฯ อยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะเปิดวงเงินกู้ให้ 2,000-2,5000 ล้านบาท ดังนั้นในช่วงแรกนี้ กทม. จึงเริ่มดำเนินการโครงการนำร่อง โดยได้แบ่งวงเงินกู้เป็น2 ส่วน

ส่วนแรกเป็นวงเงินกู้4,500 ล้านบาท สำหรับปล่อยกู้ข้าราชการและพนักงานกทม. ที่มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน13,500บาทต่อเดือน กลุ่มดังกล่าวสามารถซื้อห้องชุดในโครงการบ้านเอื้ออาทรของกคช.ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และเป็นห้องชุดตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์แบรนด์อินเด็กซ์ ลีฟวิ่งมอลล์ ติดตั้งแอร์จากแบรนด์พานาโซนิก ส่วนมุ้งลวดและเหล็กดัดจะใช้ของบริษัท คริสตัลวิลล์ รวมทั้งหมดต่อยูนิต สนนราคา 450,000 บาท อัตราค่าผ่อนชำระ 1,850บาทต่อเดือน

ล่าสุดกทม.ได้เจรจากับกคช. เพื่อจัดซื้ออาคารชุดในโครงการบ้านเอื้ออาทรในราคา 3900,000 บาทต่อยูนิต ซึ่งข้อสรุปในเบื้องต้น กทม.จะรับซื้ออาคารชุด จำนวน 10,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 3,900 ล้านบาท โดยอาศัยวงเงินกู้ทั้งหมด
นอกจากนี้ ผู้กู้ซื้ออาคารชุดในโครงการดังกล่าว จะได้รับสิทธิพิเศษฟรีค่าส่วนกลาง 5 ปีแรก รวมถึงทางกทม.ได้เจรจาให้รถขสมก.จัดรถให้บริการประชาชนอีกทางหนึ่ง

สำหรับวงเงินส่วนที่ 2 จำนวน3,500ล้านบาท จะปล่อยกู้สำหรับข้าราชการและพนักงานกทม.ที่มีรายได้มากกว่า 13,500 บาทต่อเดือนขึ้นไป ซึ่งกลุ่มนี้จะสามารถกู้ซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการจัดสรรทั่วไปในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลได้ ซึ่งในส่วนของกลุ่มดังกล่าว กทม.อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อกำหนด และเงื่อนไขในการขอกู้ว่า จะมีรูปแบบและวิธีการอย่างไรบ้าง

กระตุ้นศก.พลิกฟื้นหนี้การเคหะฯ

นายธีระชน กล่าวว่า สำหรับการซื้ออาคาชุดในโครงการบ้านเอื้ออาทรเพื่อจัดทำโครงการสวัสดิการที่อยู่อาศัย กทม. และการเปิดวงเงินกู้ให้แก่ข้าราชการและพนักงานกทม.ในครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาความร่วมมือ(MOU)ร่วมกันทั้ง3หน่วยงานได้ภายใน2สัปดาห์ และสามารถเปิดให้จองซื้อบ้านเอื้ออาทรได้ในเดือนมี.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยของข้าราชการและพนักงานกทม. จำนวน 100,000 ราย ณ สิ้นเดือน ม.ค.51 ที่ผ่านมาพบว่า มีข้าราชการและพนักงาน กทม.จำนวน 30,000 ราย ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของตนเอง คิดเป็น 30 % ของจำนวนข้าราชการและพนักงานของกทม.ทั้งหมด แต่หากความต้องการบ้านในโครงการดังกล่าวสูงมาก ทางกทม.เตรียมขยายวงเงินกู้เพิ่มอีก2,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ข้าราชการและพนักงานกทม.ต่อไป โดยทางกคช.พร้อมที่จะเปิดโควตาอาคารชุดเพิ่มให้ได้อีก 5,000 หน่วย

สำหรับนโยบายด้านการจัดสวัสดิการที่อยู่อาศัย จะเป็นมาตรการต่อเนื่องจากสวัสดิการค่าครองชีพของกทม.ที่เพิ่มเงินอีก 2,000 บาท ให้ข้าราชการและลูกจ้างกทม.ที่รายได้ต่ำกว่า 13,500 บาทต่อเดือน

“ผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ จะเพิ่มรอบหมุนให้แก่เศรษฐกิจถึง 3 เท่า โดยภาคการเงินจะมีการปล่อยสินเชื่อถึง 8,000 ล้านบาท ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์จะเกิดการกระตุ้นในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับตลาดอสังหาฯ เกิดการจ้างงาน มีเงินหมุนเวียนในระบบ โดยมีการประเมินว่าภายใน 1 ปี จะมีเงินหมุนเวียนในพื้นที่กทม.และปริมณฑลถึง 24,000 ล้านบาท ”นาย ธีระชนกล่าวและว่า

นอกจากนี้ ทาง กคช.ยังจะได้รับผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าว เนื่องจาก กคช.มีผลการดำเนินงานขาดทุนสะสมติดต่อ 2 ปี จากการเข้ามาบริหารโครงการบ้านเอื้ออาทร และหากในปีนี้ มีผลการดำเนินขาดทุนเกิดขึ้นอีกติดต่อเป็นปีที่ 3 จะทำให้หนี้สินของกคช. ถูกบันทึกเป็นหนี้ภาคสาธารณะ ดังนั้น การที่กทม. เข้าไปซื้อต่ออาคารชุดจำนวน10,000 หน่วยจะช่วยให้กคช. มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น และสามารถพลิกฟื้นกลับมามีกำไรได้ในปีนี้

“โมเดลการจัดทำโครงการที่อยู่อาศัย และโมเดลด้านการเงินในการดำเนินการโครงการนี้ เป็นแนวทางที่กคช.สามารถนำไปดำเนินการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยในสลัมหรือชุมชนแออัดในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศได้ ”นายธีระชนกล่าว

แก้แฟลตดินแดง-คลองเตยต่อ

รองผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า จากรูปแบบดังกล่าว สามารถมาแก้ปัญหาความแออัดย่านดินแดงและคลองเตยได้ ซึ่งในส่วนของแฟลตดินแดงนั้น ปัจจุบันกคช.มีที่ดินว่างเปล่าอยู่ติดกับแฟลตดินแดง และหากกคช.ต้องการความช่วยเหลือเพื่อแก้ปัญหาที่อยู่แออัด ก็ยินดีเข้าไปร่วมแก้ปัญหาให้

โดย กคช.สามารถนำที่ดินที่ว่างอยู่มาดำเนินการก่อสร้างอาคารสูง30 ชั้น และจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำคงที่ระยะยาวให้ผู้อยู่อาศัยใ นแฟลต5ชั้น จำนวน 5 อาคารในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อเคลื่อนย้ายคนเข้าไปอยู่ในอาคารสูงที่ก่อสร้างใหม่ ภายใต้ข้อเสนอคุณภาพชีวิตที่ดี ราคาถูก และสามารถทุบแฟลตเดิมเพื่อก่อสร้างอาคารใหม่ เพื่อพัฒนาโครงการสูงและรองรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยได้อีกจำนวนมาก

เอาใจแม่พ่อค้า-ค้าดึงออมสินปล่อยกู้ดบ.1%

นอกจากนี้ กทม.ยังได้ประสานกับธนาคารออมสิน ให้ปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ค้าร้านข้าวแกงราคาถูกตามนโยบายกทม. หลังจากที่ลงพื้นที่และพบผู้ค้าประสบปัญหาด้านเงินทุน ที่ต้องกู้เงินนอกระบบในอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 20 %ต่อเดือน เพื่อนำเงินกู้มาลงทุน ดังนั้น กทม.จึงประสานธนาคารออมสิน สนันสนุนสินเชื่อวงเงินไม่เกิน 15,000-30,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อเดือน โดยสามารถกู้ได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่จะต้องมีผู้ค้ำประกัน 2 ราย ซึ่งอาจจะให้ผู้ค้าข้าวแกงเป็นผู้ค้ำประกันให้ได้และผู้ค้าที่มาค้ำประกันก็สามารถขอกู้ได้เช่นกัน

               ทั้งนี้ ผู้ค้าข้าวแกงราคาถูก กทม.สามารถไปลงทะเบียนได้ที่ฝ่ายพัฒนาชุมชนเขตทั้ง 50 เขต และทางเขตจะประสานธนาคารออมสินในพื้นที่ เพื่อดำเนินการปล่อยสินเชื่อต่อไป โดยคาดว่าทางธนาคารออมสินจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ก่อนที่จะอนุมัติสินเชื่อ
กำลังโหลดความคิดเห็น