กคช.เผยบ้านเอื้ออาทรขาดทุน หนี้บานถึง 93,600 ล้านบาท เตรียมดันแผนฟื้นฟูกิจการ ด้าน “วิฑูรย์” รับนำข้อมูลมาศึกษา พร้อมประสานกระทรวงการคลัง-รมต.ด้านเศรษฐกิจ พิจารณาแผนก่อนเสนอเข้า ครม.
วันนี้ (30 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่สำนักงานใหญ่การเคหะแห่งชาติ นายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการมอบนโยบายแก่การเคหะแห่งชาติว่า วันนี้ได้เข้ามารับทราบปัญหา และข้อเสนอแนะจากทางการเคหะแห่งชาติ เพื่อนำไปเป็นแนวทางในการกำหนดนโยบาย ซึ่งหลังจากรับฟังปัญหาพบว่าที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มมีการทำโครงการบ้านเอื้ออาทรตั้งแต่ปี 2546 ปรากฏว่าโครงการดังกล่าวได้ขาดทุน และมีหนี้สูงถึง 93,600 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ทาง กคช. ได้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อนำเสนอ ครม. โดยจะมีคณะทำงานเพื่อประสานร่วมกับกระทรวงการคลัง และรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ โดยแผนดังกล่าวตนจะนำข้อมูลทั้งหมดไปศึกษาก่อนเสนอเข้า ครม.พิจารณาต่อไป
นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในเรื่องที่สามารถเร่งรัดดำเนินการที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนก็ให้ทาง กคช.รีบดำเนินการทันที อย่างเรื่องที่มีการร้องเรียนด้านที่อยู่อาศัย ก็ได้มอบให้ กคช.ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เรื่องไหนที่สามารถทำได้ก็ทำ แต่เรื่องไหนที่ไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องได้ ก็ขอให้มีการชี้แจงให้กลุ่มผู้เรียกร้องได้มีความเข้าใจอย่างชัดเจน พร้อมทั้งยังต้องการให้งดการประชุมหรือดูงานนอกพื้นที่ของผู้บริหาร กคช.เพื่อนำงบประมาณดังกล่าวมาช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติม ให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค
ด้านนายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการ การเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การดำเนินงานของ กคช.ที่ผ่านมาได้ทำการพัฒนาที่อยู่อาศัยและแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดทั่วประเทศจนถึงปัจจุบันนี้ รวมทั้งสิ้น 656,094 หน่วย ประกอบด้วยโครงการเคหะชุมชน 140,927 หน่วย โครงการเคหะข้าราชการ 49,766 หน่วย โครงการราชภัฏฯ 2,374 หน่วย โครงการพิเศษและบริการชุมชน 3,980 หน่วย โครงการแก้ปัญหาอสังหาริมทรัพย์ 258 หน่วย โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ 845 หน่วย โครงการปรับปรุงชุมชนแออัด 289,314 หน่วย และโครงการบ้านเอื้ออาทร 168,630 หน่วย
สำหรับปัญหาภาระหนี้สินของโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่มีกว่า 96,300 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ทาง กคช.ได้ขอจัดทำแผนฟื้นฟูเพื่อเสนอแก่ ครม.ซึ่งมีดังนี้ 1.การให้ยกเลิกข้อจำกัดในการโอน 5 ปี ให้สามารถโอนได้ทันที 2.ขอให้มีการขายยกชุดอาคารได้ โดยเปิดโอกาสให้เอกชน ซื้อได้ในราคาเดียวกันกับประชาชนทั่วไป 3.ให้มีการสนับสนุนในการอนุมัติสินเชื่อให้มากขึ้น 4.ให้สามารถปรับราคาบ้านได้ตามทำเลที่ตั้ง 5.ให้มีการสนับสนุนเส้นคมนาคมที่ดีในบางพื้นที่ 6.ของบเงินทุนหมุนเวียนซื้อคืนให้ธนาคารออมสิน วงเงิน 500 ล้านบาท 7.ขอให้รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ย 6 เดือนสำหรับโครงการที่ยกเลิกระหว่างก่อสร้างและโครงการบ้านที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จ และขอให้มีกองทุนดอกเบี้ยต่ำระยะยาว เพื่อผู้กู้ที่มีรายได้น้อยมีความมั่นคงในการซื้อบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมถึงกรณีโครงการบ้านเอื้ออาทร ปัญญาอินทรา-คู้บอน ที่มีปัญหาโดนสำนักงานเขตคลองสามวา ได้สั่งรื้อถอนหลังพบการก่อสร้างไม่ขอใบอนุญาต และยังไม่ได้ดำเนินการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งผู้ว่าการ กคช.ชี้แจงว่า สำหรับโครงการในพื้นที่ดังกล่าวขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรอผล EIA ซึ่งต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการขึ้นมาก่อน แต่ยืนยันได้ว่าการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรดังกล่าวดำเนินการถูกต้องทุกขั้นตอนตามหลัก ข้อกำหนดของ EIA ทั้งขนาดความกว้างของถนน การมีพื้นที่สีเขียวภายในโครงการ ตลอดจนในส่วนของโครงสร้างต่างๆ ที่ได้มาตรฐาน มีความมั่นคง แข็งแรง ซึ่งทุกอย่างดำเนินการตามรูปแบบ EIA วางไว้ โดยยืนยันได้ว่าจะไม่มีการรื้อถอนโครงการเนื่องจากการก่อสร้างถือเป็นทรัพย์สินของทางราชการ ไม่มีความจำเป็นต้องรื้อถอน ซึ่งคาดว่าจะได้รับใบอนุญาต EIA ในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ยังรวมไปถึงอีกกว่า 100 โครงการที่ยังอยู่ระหว่างการรอรับใบอนุญาต EIA เช่นกัน
