กทม.เตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจเต็มสูบ ประสานสถานบันการเงินปล่อยเงินกู้ซื้อบ้านรวม 8,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยสุดต่ำ เอาใจข้าราชการ ลูกจ้างกทม.สุดฤทธิ์ คาดมีเงินสะพัดถึง 24,000 ล้านบาท ส่วนแม่ค้าข้าวแกงก็ได้เฮกทม.ประสานออมสินปล่อยสินเชื่อดอกร้อยละ 1 เท่านั้น
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกทม.ว่า กทม.ได้เตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไว้ 2 มาตรการ คือ มาตรการแรกนโยบายสวัสดิการการจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับข้าราชการลูกจ้างกทม.โดยผ่านสถาบันการเงินมูลคารวม 8,000 ล้านบาท และมาตรการที่ 2 คือ ประสานธนาคารปล่อยเงินกู้ให้กับผู้ประกอบการร้านข้าวแกง กทม.ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งทั้ง 2 มาตรการนี้จะไม่มีการใช้งบประมาณของ กทม.แต่เป็นการใช้ศักยภาพ กทม.ในการประสานเครือข่ายของกทม.ให้เป็นประโยชน์
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า นโยบายด้านการจัดสวัสดิการที่อยู่อาศัยจะเป็นมาตรการต่อเนื่องจากสวัสดิการค่าครองชีพของ กทม.ที่เพิ่มเงินอีก 2,000 บาท ให้กับข้าราชการและลูกจ้าง กทม.ที่รายได้ต่ำกว่า 13,500 บาทต่อเดือน โดยโครงแรก กทม.จะร่วมกับการเคหะแห่งชาติเพื่อจัดทำโครงการอาคารชุดจำนวน 10,000 หน่วย ให้กับข้าราชการลูกจ้าง กทม.ที่รายได้ต่ำกว่า 13,500 บาท พร้อมทั้งร่วมมือกับสถาบันการเงินทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน ในการปล่อยสินเชื่อรวม 4,500 ล้านบาท โดยหารซื้ออาคารชุดจะปล่อยวงเงินสินเชื่อ 450,000 บาทต่อ 1 คน ซึ่งจะสามารถผ่อนชำระเดือนละ 1,850 บาทต่อเดือนในอัตรารวมดอกเบี้ย 2.75% คงที่ 30 ปี โดยอาคารชุดดังกล่าวจะมีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน เช่น แอร์ มุ้งลวด เหล็กดัด ทั้งนี้การเคหะฯ จะไม่เก็บค่าส่วนกลางเป็นเวลา 5 ปี รวมทั้งจะประสานกับขสมก.จัดวิ่งรถโดยสานประจำทางรับส่งถึงโครงการอีกด้วย
ส่วนโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการกทม.ทั่วไปสถาบันการเงินทั้ง 3 แห่งจะปล่อยสินเชื่อรวม 3,500 ล้านบาท โดยสามารถขอกู้เงินเพื่อนำไปซื้อบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าท์ คอนโด โดยจะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษพิเศษ 2.75% ในอัตราคงที่ 30 ปี เหมือนกัน เช่น กู้ 1 ล้านบาทจะผ่อนเพียง 4,000 บาทต่อเดือน อย่างไรก็ตาม ทางสถาบันการเงินจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้กู้ด้วยการตรวจสอบเครดิตบูโรผู้ที่จะมาขอสินเชื่อด้วย ทั้งนี้จะมีการลงนามความเข้าใจ (MOU) กับหน่วยงานดังกล่าวต่อไป
นายธีระชน กล่าวอีกว่า มาตรการดังกล่าวนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจประมาณการณ์อย่างน้อย 3 เท่าโดยภาคการเงินจะมีการปล่อยสินเชื่อถึง 8,000 ล้านบาท ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์จะเป็นการกระตุ้นอสังหาริมทรัยพ์ในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเกิดการจ้างงาน มีเงินหมุนเวียน โดยมีการประเมินว่าภายใน 1 ปีจะมีเงินหมุนเวียนในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลถึง 24,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากข้าราชการลูกจ้าง กทม.ให้ความสนใจก็จะมีการพิจารณาขยายวงเงินในจำนวนให้ถึง 10,000 ล้านบาท
นายธีระชน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กทม.ยังได้ประสานกับธนาคารออกสินให้ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ค้าร้านข้าวแกงราคาถูก ตามนโยบาย กทม.หลังจากที่ลงพื้นที่และพบผู้ค้าประสบปัญหาด้านเงินทุนซึ่งต้องกู้เงินนอกระบบในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อเดือน เพื่อนำเงินมาลงทุน ดังนั้น กทม.จึงประสานธนาคารดังกล่าวโดยจะปล่อยสินเชื่อวงเงินไม่เกิน 15,000-30,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อเดือนเท่านั้น โดยสามารถกู้ได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัยพ์ค้ำประกัน แต่จะต้องมีผู้ค้ำประกัน 2 รายซึ่งอาจจะให้ผู้ค้าข้าวแกงเป็นผู้ค้ำประกันให้ได้และผู้ค้าที่มาค้ำประกันก็สามารถขอกู้ได้เหมือนกัน
ทั้งนี้ ผู้ค้าข้าวแกงราคาถูก กทม.สามารถไปลงทะเบียนได้ที่ฝ่ายพัฒนาชุมชนเขตทั้ง 50 เขต และทางเขตจะประสานธนาคารออมสินในพื้นที่เพื่อดำเนินการปล่อยสินเชื่อต่อไป โดยคาดว่าทางธนาคารออมสินจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ก่อนที่จะอนุมัติสินเชื่อ