xs
xsm
sm
md
lg

แฉเสี่ยก.-เสี่ยฮ.นายทุนซีดีเถื่อนบัญชี2ถึงคิวทหาร-นักการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "อลงกรณ์" ลั่นรัฐปราบจริงขบวนการละเมิดลิขสิทธิ์ เผย "เสี่ย ก.-เสี่ย ฮ" นายทุนใหญ่ซีดีเถื่อนเมืองนนท์ ลั่นใครหน้าไหนใหญ่โตเป็นตำรวจเป็นรัฐมนตรีหรือนักการเมือง ถ้าพัวพันลุยแน่ ชี้ถ้าอยากลองไม่ต้องการเป็นตำรวจจะหาที่อยู่ให้ใหม่ ขู่เปิดบัญชี 2 รอบนี้สะท้านกันทั้งวงการ พบมีทหาร นักการเมือง เด็กนักการเมืองไม่ต่ำกว่า 100 ราย เล็งทาบ "ผู้การวิสุทธิ์" อดีตมือปราบเทปผีซีดีเถื่อนคัมแบ็ก

วานนี้ (11 ก.พ.)นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงข้อมูลนายตำรวจตั้งแต่ระดับนายพลถึงชั้นประทวน จำนวน 41 นาย ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการละเมิดลิขสิทธิ์ ว่ารายชื่อตำรวจที่พัวพันกับขบวนการดังกล่าวรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ทำแบบไฟไหม้ฟาง ไม่ได้ปราบปรามเพื่อให้เป็นข่าว แต่เป็นไปตามข้อเท็จจริงตามการขยายผลการจับกุม โดยสาวถึงผู้อยู่เบื้องหลังมีทั้งตำรวจในต่างจังหวัด ตำรวจในส่วนกลาง ระดับตั้งแต่ชั้นประทวน ถึงนายพล มีการรับส่วย มีการรับเงินเพื่อช่วยเหลือคดี แม้กระทั่งทำการค้าขายซีดีเถื่อนเอง ซึ่งในการเข้าจู่โจมทลายแหล่งผลิตซีดีเถื่อนที่โรงงานในจังหวัดนนทบุรี มีเจ้าของเป็นนายทุนชื่อ "เสี่ย ก." และ "เสี่ย ฮ." โดยบุคคลทั้ง 2 เป็นผู้ที่อยู่ในแวดวง อยู่เบื้องหลังธุรกิจมืดในการละเมิดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งก็เป็นที่รู้กันมานานแล้ว แต่ไม่มีการจับกุม เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่รัฐคอยเก็บส่วย รับสินบนจากผู้ผลิตรายใหญ่

ส่วนจะมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังอยู่หรือไม่ ตนยังไม่ได้รับรายงาน แต่ได้กำชับเจ้าหน้าที่ด้านปราบปรามสินค้าเถื่อนแล้วว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม จะเป็นระดับรัฐมนตรี หรือ ส.ส. ,สมาชิกวุฒิสภา และเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐคนใดเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าว ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ตามระเบียบราชการ ทางวินัยอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะ ถ้ามีผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพัวพันด้วยจะยิ่งลงโทษรุนแรง หนักเกิน 2 เท่า

**จี้ ผบ.ตร.ฟันวินัย-อาญา 41 ตำรวจ**

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลให้แน่นหนาทั้งหลักฐานต่าง ๆเพื่อเอาผิดกับนายทุนทั้ง 2 คนต่อไป ซึ่งเชื่อว่าในส่วนของข้าราชการตำรวจทั้ง 41 รายชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)จะเร่งดำเนินการกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้อย่างเหมาะสม โดยที่ผ่านมาได้พูดคุยกับ ผบ.ตร.แล้วให้ลงโทษทางวินัยและทางอาญากับนายตำรวจตั้งแต่ระดับนายพล และที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้เด็ดขาด เนื่องจากหน่วยงานรัฐต้องการเจ้าหน้าที่ทำงานด้านการปราบปรามที่ซื่อสัตย์

"กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ร่วมทำงานกับกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีและคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง จึงพบว่าการปราบปรามมีนายตำรวจในพื้นที่ มีทั้งระดับนายพลคอยคุ้มครอง ช่วยเหลือเกื้อกูลธุรกิจใต้ดินละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งรายชื่อตำรวจ 41 นายที่ได้นำเสนอนายกรัฐมนตรีไปแล้วเป็นรายชื่อที่กรรมใดใครก่อต้องรับกรรม ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่นี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยขัดขวางการปราบปรามธุรกิจอยู่อีก ซึ่งได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละสังกัดสอบสวนลงโทษทางวินัยต่อไป ส่วนตัวขอเรียกร้องให้ตำรวจที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจใต้ดินกลับตัวกลับใจ ไม่เช่นนั้นจะย้ายที่อยู่ให้"

นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปว่า ได้สั่งการให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่มีข้อมูลการปราบปราบ ข้อมูลรายชื่อนายตำรวจ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงจรละเมิดลิขสิทธิ์รั่วไหลได้อย่างไร ซึ่งก็ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีแล้ว เห็นควรให้เร่งตรวจสอบทั้งกระทรวงพาณิชย์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากการปราบปรามธุรกิจใต้ดินที่มีอำนาจมืดเกี่ยวข้อง และเรื่องความลับของทางราชการที่สำคัญ เป็นเรื่องที่เปิดเผยไม่ได้ แต่กลับมีข้อมูลรั่วไหลออกมา ดังนั้นต้องไม่ให้มีข้อมูลทางลับในการปราบปรามรั่วไหลได้ในทุกด้าน

**ลั่นกวาดล้างรายใหญ่ให้หมดสิ้น**

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า พื้นที่ ที่ได้กวาดล้างปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงมีการปราบปรามได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ลักลอบขายแผ่นซีดีเถื่อนในย่านแหล่งท่องเที่ยว ในจังหวัดหัวเมืองหลัก รวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 บช.ก ตำรวจนครบาล และกองปราบปราม เริ่มปราบปรามกวาดล้างแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์อย่างจริงจัง ตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยจะส่งรายงานผลการปราบปรามถึงตนโดยตรงก่อนเที่ยงของทุกวัน และภายใน 5 วันต้องสรุปผลเสนอให้ทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการทำงานขอไปที โดยจับผู้ค้าซีดีเถื่อนจริงแต่ไม่สืบสวนขยายผลถึงต้นตอผู้ผลิตรายใหญ่ ซึ่งเราต้องการกวาดล้างแหล่งผลิตรายใหญ่ให้หมดสิ้น ไม่ใช่ไล่จับเพียงผู้ค้ารายย่อย ซึ่งหากผู้ค้ารายย่อยถูกจับกุมทางกระทรวงพาณิชย์ก็มีนโยบายสนับสนุนให้ผู้ค้ารายย่อยเปลี่ยนอาชีพ ทำธุรกิจถูกกฎหมาย โดยมีโครงการเรนโบว์โปรเจ็กต์ที่คอยให้ทุนสนับสนุนอยู่

"ล่าสุดเราก็ไปทลายแหล่งผลิตแผ่นซีดีรายใหญ่สุดเท่าที่เคยจับมาที่จังหวัดนนทบุรี มีเครื่องไรท์แผ่นถึง 49 เพาเวอร์ มีกำลังการผลิตวันละ 210,000 แผ่น คิดเป็นมูลค่าราคาขายส่งสินค้าเถื่อนทั้งแผ่น ดีวีดี ซีดี วีซีดี จำนวนกว่า 8 ล้านบาทต่อวัน หรือ 2,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งยึดของกลางได้ทั้งหมด และยังบุกจับแหล่งผลิตที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีด้วย ซึ่งแหล่งผลิตซีดีเถื่อนนี้สามารถทำลายอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ดนตรี และซอฟแวร์ ได้มูลค่าวันละ 8 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของเมืองนนท์ หลังจากถูกจับในโรงงานของนายทุนใหญ่ก็หยุดผลิตไว้ชั่วคราว ทำเหมือนกบจำศีล ตนขอร้องให้นายทุนที่อยู่เบื้องหลังซีดีเถื่อนเปลี่ยนใจ อย่าคิดว่าตัวเองดำน้ำอึด อย่าคิดว่ารัฐบาลจะทำงานลูบหน้าปะจมูก หรือแบบไฟไหม้ฟาง เพราะทางเราไม่หยุดปราบปรามคนชั่วแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งตำรวจหรือนายทุนใครก็ตามมีส่วนเกี่ยวเราจะหาแหล่งที่อยู่ให้ใหม่ ถ้าอยากลองของก็เอา ถ้าไม่อยากเป็นตำรวจก็ว่ามาเราจะสนองให้"

**เตรียมเปิดอีกรายชื่อเอี่ยวซีดีเถื่อนรอบ 2**

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ขณะนี้ นายอลงกรณ์ ได้ขอความร่วมมือไปยังภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมบันเทิงและลิขสิทธิ์ ให้แจ้งบัญชีรายชื่อผู้ที่มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการซีดีเถื่อน ซึ่งให้รวมไปถึงนักการเมืองระดับท้องถิ่น นักการเมืองระดับชาติ และตำรวจที่ยังมีส่วนเกี่ยวข้องที่หลงเหลือจากบัญชีรายชื่อ 41 รายที่ได้รายงานให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.)ไปก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ในการขอให้แจ้งบัญชีรายชื่อ ขอให้แจ้งอย่างตรงไปตรงมา ตรวจสอบได้ อย่าให้เป็นการกลั่นแกล้ง เพราะผู้ที่ถูกระบุชื่อจะถูกดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบในเบื้องต้น ในส่วนของผู้มีอิทธิพลจะมีไม่ต่ำกว่า 100 ราย ซึ่งจะเป็นในส่วนของมาเฟียท้องถิ่น และทหารบางส่วนที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ขณะที่ส่วนของนักการเมือง บางรายในอดีตที่เคยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวงการ ไม่สามารถตรวจสอบได้ชัดว่ายังดำเนินการอยู่หรือไม่ แต่กลับพบว่ามีคนที่อยู่รอบข้างนักการเมือง เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องมากขึ้น ซึ่งกำลังรวบรวมรายชื่ออยู่ และในส่วนของตำรวจ ก็พบว่ายังมีอีกจำนวนมากที่เข้าไปเกี่ยวข้อง

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ภาคเอกชน กล่าวว่า ภาคเอกชนกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมรายชื่อผู้มีอิทธิพลที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้าซีดีเถื่อน ซึ่งพบว่ามีเป็นจำนวนมาก เพราะในการปราบปรามที่ผ่านมา มักจะทำได้ยาก เพราะมีผู้มีอิทธิพลคอยขัดขวางตลอด เช่น เมื่อไปจับกุมก็จะถูกทำร้าย โดยเฉพาะบางพื้นที่ ที่มีทหารเข้ามาคุมผลประโยชน์ มักจะถูกขัดขวางการปฎิบัติงานตลอด

**ผู้การ "วิสุทธิ์" พร้อมลุยซีดีเถื่อน**

รายงานข่าวแจ้งว่า นายตำรวจที่ได้รับการทาบทามให้เข้ามาดูแลเรื่องการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญานั้น ได้แก่ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ผบก.ภ.จว.อ่างทอง ซึ่งเคยเป็นผบก.ปศท.ที่เข้ามาทำหน้าที่ปราบปรามซีดีเถื่อนอย่างเข้มงวด จนทำให้ปัญหาการละเมิดลดลงไป และได้รับเสียงตอบรับจากภาคเอกชนเป็นอย่างมาก

ด้าน พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอ่างทอง อดีตผบก.ปศท.กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า พร้อมที่จะเข้าไปช่วยรัฐบาลที่มีนโยบายปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างจริงจัง ที่ผ่านมาในขณะที่เป็น ผบก.ปศท.ได้สืบสวนจับกุมขบวนการผลิตและจำหน่ายซีดีเถื่อนอย่างต่อเนื่องจน สถานทูตสหรัฐฯมอบรางวัลเอ็มพีเอ หรือรางวัลการปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาอย่างจริงจังและสัมฤทธิผลให้เมื่อปลายปี 2550

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.วิสุทธิ์ ยอมรับว่าการกวาดล้างเทปผีซีดีเถื่อนให้สิ้นซากนั้นทำได้ยาก เนื่องจากขบวนการผลิต จำหน่ายและนำเข้าจากต่างประเทศทุกช่องทางมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมากและฝังรากลึกมานาน

“หากผู้ใหญ่ไว้วางใจ ภายในเวลา 6 เดือน ผมจะปราบปรามซีดีเถื่อนทั้งระบบให้ได้ 70 เปอร์เซ็นต์ โดยให้เจ้าของลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นผู้เสียหายเป็นผู้ประเมินการปฏิบัติงาน หากทำไม่ได้อย่างที่พูดก็จะไม่ขอรับเงินเดือนตำรวจแม้แต่บาทเดียว”

**ตร.รอตรวจสอบรายชื่อ 41 ตำรวจ**

พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก ตร.กล่าวถึงกรณีเปิดเผยรายชื่อตำรวจ 41 นาย ว่า ในส่วนของตนยังไม่เห็นรายชื่อตำรวจดังกล่าว และทราบรายละเอียด แต่ในส่วนของการดำเนินการในเรื่องนี้ถ้าได้รับข้อมูลก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงก่อนว่าข้อมูลที่ได้มีพยานหลักฐานอะไรบ้างที่ดำเนินการได้ ซึ่งการดำเนินการอาจต้องแยกอีกหลายกรณี หากมีข้าราชการตำรวจไปยุ่งเกี่ยวกับขบวนการซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดีอาญา รวมทั้งเรื่องวินัย และการดำเนินการตามมาตรการปกครอง ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ถือว่าเป็นข้อมูลที่ต้องตรวจสอบต่อไป

“เท่าที่ทราบไม่มีนายตำรวจระดับ พล.ต.อ.ใน 41 รายชื่อ เท่าที่ทราบยืนยันว่ามีเพียง พล.ต.ต. 2 ท่าน ส่วนการดำเนินการก็เป็นหน้าที่ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ยินดีที่จะรับฟังหากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่เราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน การมีชื่อเข้าไปพัวพันอาจเป็นไปได้ในหลายลักษณะ การยืนยันการกระทำผิดจึงต้องยืนอยู่บนข้อมูลหลักฐานพยาน ต้องตรวจสอบก่อน”โฆษก ตร.กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น