xs
xsm
sm
md
lg

เจ๊สดรับลูกพท.สอบเงินปชป.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งจะนำกรณีบริษัทแห่งหนึ่งโอนเงิน จำนวน 250 ล้านบาทไปให้พรรคการเมืองหนึ่งมาซักฟอกรัฐบาลว่า เรื่องนี้ไม่ได้ออกมาจากปากตน ยังไม่อยากบอกว่าจะอภิปรายเรื่องใด แต่ข้อมูลที่มีอยู่มั่นใจว่าดีกว่าสมัยที่อภิปรายเรื่อง สปก.4-01 ส่วนตัวได้แจ้งไปยังนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน เพื่อดำเนินการต่อแล้ว หากทางพรรคเพื่อไทยว่า อย่างไรก็ว่าตามนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงหรือไม่ว่าการอภิปรายจะไม่ทันในสมัยประชุมนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ถ้าสมัยนี้ไม่ได้ก็ต้องรอถึงปีหน้าเพราะสมัยต่อไปเป็นเรื่องของ นิติบัญญัติ ยืนยันว่าการอภิปรายครั้งนี้ยากที่สุด มีความสลับซับซ้อน เรื่องที่จะพูดเรื่องเดียวก็ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงครึ่งแล้ว
ส่วนข้อมูลที่จะนำมาอภิปรายนั้นเป็นของเก่าหรือไม่นั้น ร.ต.อ.เฉลิม ย้อนถามว่า สมัยที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ก็ไปนำข้อมูลว่านายบรรหารเกิดที่ประเทศจีน อยากถามว่าอย่างนั้นเก่าหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าการอภิปรายครั้งนี้จะมีข้อมูลในเรื่องการจ่ายเงิน 250 ล้านบาท เพิ่มเติมจากเดิมหรือไม่นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จะแตกต่างหรือไม่ขึ้นอยู่กับประธานวิปฝ่ายค้านว่า ต้องการข้อมูลตรงนี้หรือไม่ เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นขึ้นอยู่กับมติของพรรคเพื่อไทย หากพรรคตัดสินใจจะยื่นตนก็พร้อมที่จะแสดงข้อมูลให้ดู ซึ่งจะพาดพิงไปถึงตัวนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่านำเสนอแล้วจะไม่ผิดหวัง
ส่วนจะสามารถล้มรัฐบาลได้หรือไม่นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ฝ่ายค้านมีเสียง ไม่ถึงกึ่งหนึ่งจะไปล้มรัฐบาลได้อย่างไร แต่เรามั่นใจในข้อมูล โดยมีทั้งเอกสาร คำพูดยืนยันจากแหล่งข้อมูล นำไปใช้ในการอภิปรายได้ ก็หวังว่าสื่อฟังแล้วจะเก็ท พร้อมทั้งนำไปเสนอต่อต่อข้อถามว่ารู้สึกน้อยใจหรือไม่หากพรรคเพื่อไทย มีมติไม่ยื่นอภิปรายฯในสมัยประชุมนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่น้อยใจอะไร ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ ถ้ามติพรรคให้ยื่นก็ยื่น ที่หาว่าตนประชดนั้นไม่ใช่ แค่บอกว่าถ้าสมัยนี้ไม่ได้ ก็ต้องสมัยหน้า ก็เท่านั้นเอง

สุนัยอ้างแกนนำเห็นพ้องให้ยื่นซักฟอก
ด้านนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีความขัดแย้งภายในพรรคเกี่ยวกับการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในวันที่ 11 มี.ค.ว่า ทุกอย่างไม่มีปัญหาแล้ว เพราะเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยกันที่ห้องทำงานบนชั้น 3 อาคารรัฐสภา 1 อาทิ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ ส.ส.นนทบุรี นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยส.ส. ของพรรคกว่า 20 คน รวมทั้งตน ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันทุกคนแล้ว โดยทุกคนยอมรับว่า ข้อเสนอของ ร.ต.อ.เฉลิม ในเบื้องต้นนั้นถือว่าที่ประชุมเห็นด้วยในหลักการที่จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
อย่างไรก็ตาม ในการเสนอเรื่องดังกล่าวอาจมีส.ส.ไม่เข้าใจหรือบางคนอาจนั่งหลับเพราะมีวาระการประชุมพิจารณาหลายเรื่องในวันนั้น แต่ส่วนใหญ่เห็นด้วย ดังนั้นขั้นตอนจากนี้จะมีการตั้งคณะทำงานไปดำเนินการรวบรวมข้อมูลประกอบการอภิปราย ถือว่างานเดินไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นจะต้องมีการขอมติต่อที่ประชุมพรรคอีกครั้งหรือไม่ นายสุนัย กล่าวว่า เมื่อ ร.ต.อ.เฉลิมได้ลุกขึ้นเสนอบนเวทีโดยไม่มีใครคัดค้านก็ถือว่า เป็นมติที่ประชุมแล้ว ดังนั้นคงไม่มีการขอมติพรรคอีกครั้ง ยกเว้นจะมีการโต้แย้ง ให้เสนอเป็นอย่างอื่น
พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการหารือของแกนนำ ร.ต.อ.เฉลิมได้นำข้อมูลหลักฐานมาอธิบายให้ที่ประชุมทราบ และสรุปตรงกันว่าจะมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 11 มี.ค.ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะนำเข้าที่ประชุมพรรคในวันที่ 17 ก.พ. อีกครั้งเพื่อขอมติจากที่ประชุม ส่วนเรื่องบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ทุกคนเห็นตรงกันว่าจะปล่อยให้เป็นมติของที่ประชุมส.ส. หากเสียงส่วนใหญ่เห็นว่า ใครเหมาะสมทั้งร.ต.อ.เฉลิม พ.อ.อภิวันท์ และนายมิ่งขวัญทุกคนก็พร้อมยอมรับ

เหลิมนั่งผู้นำกระแสกทม.ฮวบแน่
นายอนุสรณ์ ปั้นทอง ส.ส.กทม. กล่าวว่า การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นยืนยันว่าไม่ใช่มติพรรค และไม่ทราบว่าเหตุใดร.ต.อ.เฉลิมจึงออกมาสรุป เพียงคนเดียว เพราะตามระบบของพรรคแล้วจะต้องนำมาหารือในที่ประชุมก่อน ทั้งนี้ ตนเข้าใจว่ากระบวนการทำงานของพรรคในขณะนี้อาจจะต้องรีบยื่นเพื่อให้ทันสมัยประชุมนี้ แต่ตรงนี้เกรงว่าพรรคจะหาตัวบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯแทนไม่ทัน เพราะเร่งรัดจนเกินไป อีกทั้งการหาตัวหัวหน้าพรรคนั้นก็ยังต้องรอให้มีการประชุมใหญ่สามัญของพรรคก่อน ซึ่งขณะนี้พรรคก็ยังไม่มีการกำหนด
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเป็นความพยายามที่จะสร้างบทบาทในฐานะผู้นำของพรรคหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจ แต่มองว่าหากร.ต.อ.เฉลิม ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯจริงจะกระทบต่อกระแสความนิยมในกทม.ของพรรคแน่นอน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแคนดิดเดตน่าจะมีมากกว่า 3 คนที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้

ประชัยรับจ่ายค่าโฆษณา250ล.ให้ปชป.
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย และผู้บริหาร บริษัท พีทีไอโพลิน จำกัด กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าพรรคฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องที่ตนเองเคยบริจาคเงิน 250 ล้านบาท ให้พรรคประชาธิปัตย์ ว่า เคยมีการ จ่ายเงินจำนวน 250 ล้านบาทให้กับพรรคประชาธิปัตย์จริง แต่เป็นการจ่ายเงิน ค่าโฆษณา และไม่คิดว่าจะมีความผิด เนื่องจาก ในช่วงดังกล่าว ยังมีการใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2540 ซึ่งไม่มีการระบุความผิด ในการบริจาคเงินจำนวนดังกล่าว ซึ่งผิดกับในปัจจุบัน ที่มีการใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งมีการระบุถึงความผิดในการให้เงินบริจาค พรรคการเมือง

มาร์คระบุเงิน250ล.เป็นค่าโฆษณา
นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายประชัย ยอมรับว่า เคยจ่ายเงินให้พรรคประชาธิปัตย์ 250 ล้านบาทว่า ตนเคยเห็นในข่าวว่า เป็นภาพโฆษณา ส่วนจะโยงใยกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้นยังไม่ทราบว่าทั้งหมดมันช่วงไหน อย่างไรและเป็นประเด็นอะไร ก็ต้องไปรอฟังข้อมูลของทางฝ่ายค้านก่อน
ส่วนที่มีการอ้างข้อมูลว่ามีการโอนเงิน 1-2ล้านบาท ภายใน 3 เดือน จากการเลือกตั้งช่วงปี 2548 เข้าบัญชีของ ส.ส.หญิงคนหนึ่ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่ทราบจริงๆ ช่วงปี 48 ช่วงนั้นก็เป็นก่อนที่ตนจะเป็นหัวหน้าพรรค ส่วนตรงส่วนนั้นจะเป็นผลผูกพันถึงคณะกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ก็ต้องขอฟังข้อมูลก่อนว่า เกี่ยวข้องกับใครบ้าง และใครที่ถูกพาดพิงก็คงต้องชี้แจงกันไป ส่วนจะไปตรวจสอบว่ามี ส.ส.หญิงของพรรคคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น อยากจะให้มีความชัดเจนในการนำเสนอข้อมูลที่เป็นระบบ

บัญญัติยันไม่มึใครบริจาค250ล.
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในปี 2548 กล่าวยืนยันว่าสมัยเป็นหัวหน้าพรรค ไม่เคยมีใครบริจาคเงินให้ถึง 250 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่มากมาย ซึ่งการบริจาคเงินให้กับพรรคโดยปกติจะมี 2 ทาง คือ 1. เป็นการจัดระดมทุน ซึ่งตอนที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคได้มีการจัดงานระดมทุน 2-3 ครั้ง ซึ่งก็จำไม่ได้ว่า มีใครบริจาคบ้าง แต่ไม่มีเงินจำนวนมากขนาดนั้นแน่นอน 2. เป็นการบริจาคจากผู้สนับสนุนเป็นครั้งคราวแต่ก็ไม่มียอดเงินที่มากขนาดนั้นเช่นกัน
ผมนึกไม่ออกว่าฝ่ายค้านเอาอะไรมาพูด จะด้วยความเข้าใจผิดหรืออะไรก็ไม่ทราบ แต่หากมีการอภิปรายในสภาผมก็พร้อมชี้แจง แต่ยืนยันว่าการประชาสัมพันธ์ของพรรคทั้งในช่วงปกติและช่วงเลือกตั้ง ก็จะใช้เงินที่ได้รับการสนับสนุนจากการระดมทุน พร้อมกับเงินสนับสนุนกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง ของกกต.ควบคู่กัน ยืนยันไม่มีใครจ่ายเงินให้ และหากกกต.จะเรียกให้ผมไปชี้แจงก็พร้อม

ซัดพท.ใช้แผนปล่อยข่าวให้เข้าใจผิด
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้สบายใจหรือไม่สบายใจกรณีที่ พรรคเพื่อไทยยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่ เพราะรัฐบาลพร้อมรับการตรวจสอบทุกรูปแบบ ส่วนการตรวจสอบจากฝ่ายค้านในสภา ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่เขาประพฤติกันในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่จะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ว่าเป็นภาระของผู้ที่จะเสนอยื่นญัตติอภิปรายเอง ว่า มีข้อมูลมีหลักฐานที่จะใช้ในการอภิปรายเพียงพอหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาตอนนี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่เรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เป็นยุทธศาสตร์การปล่อยข่าวเพื่อให้เกิดความสับสนและทำให้เข้าใจผิดว่ารัฐบาลทำผิด นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ประชาชนต้องรับฟังข่าวให้รอบด้านทุกฝ่าย
ผมเห็นด้วยกับคำถามเมื่อสักครูว่า ได้มีความพยายามที่จะปล่อยข่าว สร้างข่าวให้เกิดความสับสน ในหมู่พี่น้องประชาชนว่ารัฐบาลทำผิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผมขอกราบเรียนประชาชนว่า คำพูดของผมชื่อถือได้ ท่านนายกฯท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ต้องการบริหารบ้านเมืองเพื่อความประโยชน์สุขของประชาชน ด้วยความโปร่งใส ถ้ามีอะไรที่เป็นความบกพร่องไม่ถูกต้องรัฐบาลพร้อมที่จะดำเนินการแก้ไข

เทพเทือกปัดรับเงินประชัย
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลว่าจะถูกยุบพรรคหรือไม่ กรณีเงินสนับสนุน 250 ล้านที่ทาง กกต. ได้ออกมารับลูกพร้อมตรวจสอบ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่กังววล เพราะตั้งแต่เข้ามารับหน้าที่ นายอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรค ตนเป็นเลขาธิการพรรคฯ ขอยืนยันว่าไม่มีอะไรที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ทำผิดกฎหมาย ส่วนเรื่องที่กกต. ได้มีความคิดเห็นออกมาตนก็ต้องระวัง ไม่กล้าที่จะไปทะเลาะกับ กกต.
ส่วนเรื่องดังกล่าวมีมาตั้งแต่ ปี 2548 จะมีผลผูกพันธ์กับกรรมการบริหารพรรค หรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ถึงยุคนั้น ตนก็ว่าไม่มีอะไรที่เป็นความผิด พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเปิด ไม่มีครอบครัวใดเป็นเจ้าของ รายจ่ายของพรรค เราทำบัญชีชี้แจงต่อ กกต.ไว้ตลอด สามารถตรวจสอบกับทางกกต.ได้ไม่มีอะไรน่ากังวลใจ
ส่วนที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน ออกมายืนยันว่าได้บริจาคเงิน 250 ล้านบาท ให้พรรคประชาธิปัตย์จริงนั้น รองนายกฯกล่าวว่า ไม่จริง ไม่จริง เรื่องนี้ตรวจสอบได้ ไม่ต้องห่วง พร้อมที่จะแสดง เอาเถอะอภิปรายในสภาก็แล้วกันก็จะเห็น

สดศรีจ้องบี้เงินบริจาคปชป.
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า กกต.มีหน้าที่ ตรวจสอบเกี่ยวกับงบประมาณและการเงินของพรรคการเมืองทุกพรรค โดยจะมีการประสานงานกันระหว่าง 4 องค์กร เพื่อช่วยกันตรวจสอบคือ สตง. ,ปปง. กรมสรรพากร และกรมบัญชีกลาง เบื้องต้นจากการตรวจสอบทราบว่า เงิน 250 ล้านบาทที่นายประชัย บริจาคให้พรรคประชาธิปัตย์นั้น เกิดขึ้นเมื่อปี 2548 ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2540 ยังไม่ได้กำหนดเพดานเงินบริจาคเอาไว้ อย่างไรตาม หากเงินบริจาคจำนวนดังกล่าวมิชอบ กกต.ก็สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้
นางสดศรี กล่าวว่า ในช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำหนังสือถึง กกต.เพื่อขอเอกสารและข้อมูลในกรณีดังกล่าว เนื่องจาก มีผู้ร้องเรียนเข้ามา โดยในรายละเอียดระบุว่า ทางบริษัท ทีพีไอโพลีน ได้บริจาคเงินให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ทางดีเอสไอยังยื่นเรื่องขอดูรายละเอียดเกี่ยวกับเงินงบประมาณของพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งยังขอสอบปากคำเจ้าหน้าที่ กกต.ที่ดูแลในเรื่องดังกล่าวด้วย
ถ้าเงินบริจาคจำนวนดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย กกต.ก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าไป ตรวจสอบ แต่ต้องให้มีการร้องเรียนเข้ามาก่อน โดยขณะนี้เรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องที่ดีเอสไอดำเนินการอยู่ กกต.คงไม่เข้าเกี่ยวข้อง ซึ่งทางดีเอสไอต้องพิจารณา และตรวจสอบว่า เงินจำนวนดังกล่าวเข้าไปเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองบางพรรค หรือไม่ ซึ่งยังไม่มีการยืนยันกลับมา แต่คาดว่าทางดีเอสไอน่าจะกำลังสรุปผลให้ ป.ป.ช.รับทราบ
นางสดศรี กล่าวว่าการบริจาคแฝงผ่านบริษัทให้กับพรรคการเมืองต้องมีการ ตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของเงินดังกล่าว เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจาก การบริจาคเงินดังกล่าวอาจมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริษัทอื่นบริจาค หรือชำระเงินผ่านเข้ามาอีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบ ตามมาตรา 94 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่ระบุว่า หากพบการกระทำผิด อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคโดยเฉพาะการฝ่าฝืนมาตรา 65 ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้ โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น