xs
xsm
sm
md
lg

กกต.ปล่อย “ดีเอสไอ” สอบเงินบริจาค ปชป.250 ล้าน-“สดศรี” ชี้เอาผิดย้อนหลังได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สดศรี สัตยธรรม กกต.
“สดศรี”เผยดีเอสไอ ยื่นเรื่องขอข้อมูลตรวสอบทีพีไอบริจาคเงินให้ ปชป. 250 ล้าน ขณะนี้ กกต.คงไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ยันหากพบทั้งเงินหรือแหล่งที่มาไม่ชอบ สามารถเอาผิดย้อนหลังส่งผลพรรคมีสิทธิ์ถูกยุบ ด้าน กกต.นัดลงมติ “เนวิน” จุ้นตั้งรัฐบาลสัปดาห์หน้า

วันนี้ (12 ก.พ.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยอ้างว่ามีการบริจาคเงินให้กับพรรคประชาธิปัตย์ 250 ล้านบาทโดยไม่ถูกต้อง และจะนำมาเป็นข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า กกต.มีหน้าที่ตรวจสอบเกี่ยวกับงบประมาณและการเงินของพรรคการเมืองทุกพรรค โดยจะมีการประสานงานกันระหว่าง 4 องค์กร เพื่อช่วยกันตรวจสอบ คือ สตง. ปปง.กรมสรรพากร และกรมบัญชีกลาง เบื้องต้นจากการตรวจสอบทราบว่า เงินจำนวนดังกล่าวมีการบริจาคในปี 2548 ซึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2540 โดยในขณะนั้นยังไม่มีการกำหนดเพดานเงินบริจาคเอาไว้ อย่างไรก็ตาม หากเงินบริจาคจำนวนดังกล่าวมิชอบ กกต.ก็สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้

นางสดศรี กล่าวต่อว่า ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้ทำหนังสือแจ้งมายัง กกต.เพื่อขอเอกสารและข้อมูลในกรณีดังกล่าว เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนเข้ามา โดยในรายละเอียดระบุว่า ทางบริษัท ทีพีไอโพลีน ได้มีการบริจาคเงินให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ ทางดีเอสไอยังยื่นเรื่องขอดูรายละเอียดเกี่ยวกับเงินงบประมาณของพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งยังขอสอบปากคำเจ้าหน้าที่ กกต.ที่ดูแลในเรื่องดังกล่าวด้วย

“ถ้าเงินบริจาคจำนวนดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย กกต.ก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปตรวจสอบ แต่ต้องให้มีการร้องเรียนเข้ามาก่อน โดยขณะนี้เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดีเอสไอดำเนินการอยู่ กกต.คงไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งทางดีเอสไอต้องพิจารณาและตรวจสอบว่า เงินจำนวนดังกล่าวเข้าไปเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองบางพรรคหรือไม่ ซึ่งยังไม่มีการยืนยันกลับมา แต่คาดว่าทางดีเอสไอน่าจะกำลังสรุปผลให้ ป.ป.ช.รับทราบ”

นางสดศรี ยังกล่าวถึงการบริจาคแฝงผ่านบริษัทให้กับพรรคการเมืองว่า เราต้องมีการตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของเงินจำนวนดังกล่าว เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากการบริจาคเงินดังกล่าวอาจมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริษัทอื่นบริจาคหรือชำระเงินผ่านเข้ามาอีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบ ตามมาตรา 94 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่ระบุว่าหากพบการกระทำผิด อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคโดยเฉพาะการฝ่าฝืนมาตรา 65 ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้ โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นางสดศรี ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เข้าไปเกี่ยวข้องกับพิจารณางบประมาณจัดสร้างสนามกีฬาที่จังหวัดปทุมธานีว่า ในเรื่องนี้ตนยังไม่ทราบรายละเอียด โดยจะต้องรวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปพิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่

วันเดียวกัน นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.แถลงว่า ในการประชุม กกต.ประธาน กกต.ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าคณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณี นายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล ได้สรุปผลการสอบสวนและเสนอรายงานมาแล้ว โดยประธาน กกต.ได้สำเนาแจกให้กับกรรมการทุกคน นำไปศึกษา และมีการกำหนดวันในการลงมติอีกครั้งหนึ่ง คาดว่า ถ้าไม่มีปัญหาก็คงนำเข้าสู่ที่ประชุมสัปดาห์หน้า

นอกจากนี้ ที่ประชุม กกต.ยังได้หารือเกี่ยวกับเรื่องการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ของด้านกิจการสืบสวนสอบสวนเพื่อรองรับจำรวนเรื่องร้องเรียนที่มีเป็นจำนวนมาก โดยได้มอบหมายให้ทางสำนักงานไปตรวจสอบจำนวนสถิติเรื่องร้องเรียนเพื่อกำหนดกรอบอัตรากำลังที่ควรเพิ่ม

เลขาธิการ กกต.ยังได้กล่าวถึงการเข้าชี้แจงกรณีการเสนอประธานวุฒิสภาเพื่อให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสมาชิกภาพ ส.ว.ของนายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี ต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภาเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ได้ชี้แจงว่า ตามกฎหมายจำเป็นต้องเสนอให้ประธานวุฒิเป็นผู้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญ เพราะกรณีดังกล่าวไม่ใช่เรื่องคุณสมบัติ หรือเรื่องการร้องคัดค้านการเลือกตั้ง แต่เป็นเรื่องการสิ้นสุดแห่งสมาชิกภาพ นอกจากนี้ ตามกฎหมายแล้ว กกต.ไม่มีอำนาจที่จะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยตนเอง โดยในกรณีของ นายสุรเดช นั้น พบว่า ตามเอกสารรายงานการเปลี่ยนแปลงเพิ่มและลดสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ประจำปีนั้นไม่ตรงกัน ดังนั้น กกต.จึงต้องตรวจสอบจากพยานบุคคลเพิ่มเติมซึ่งทั้งพยาน และนายทะเบียนของพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่านายสุรเดชเป็นสมาชิกพรรคจริง นอกจากนี้ยังไม่ปรากฏใบลาออกของนายสุรเดชแต่อย่างใด ซึ่งในที่สุดก็มีมติเอกฉันท์เสนอเรื่องให้ประธานวุฒิเพื่อยื่นเรื่องต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัยสมาชิกภาพของนายสุรเดช
กำลังโหลดความคิดเห็น