บอร์ดการบินไทยยังไม่ลาออกอ้างติดเงื่อนเวลา ประชุมผู้ถือหุ้นขณะที่”สุรชัย”ประกาศลาออกแน่ เพราะเป็นมารยาทเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล ส่วนบอร์ดคนอื่นจะออกหรือไม่เป็นสิทธิ์ส่วนตัว สั่ง เด้ง“อภิชัย”สังเวยทุจริตโรงแรมลูกเรือ และสั่งตั้งกรรมการสอบเอาผิดวินัยต่อ ขณะที่เห็นชอบหลักการแผนปรับปรุงธุรกิจแต่ต้องทำรายละเอียดเพิ่ม ลดเป้ารายได้ปี 52 เหลือ 1.7 แสนล้านบาท และลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น มั่นใจทำได้ ปี 52 มีกำไรแน่นอน ส่วนพนักงานแห้วโบนัส บอร์ดสั่งงดจ่าย เหตุการเงินมีปัญหา
นายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังการประชุมวานนี้ (11 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าแนวทางและหลักการของแผนการปรับปรุงธุรกิจบริษัท ของคณะทำงานที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร กรรมการบริษัทเป็นประธาน โดยเบื้องต้นมีการปรับเป้ารายได้ของบริษัทปี 2552 จาก 2.2 แสนล้านบาทเหลือ 1.7 แสนล้านบาท และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงโดยตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 10% ของค่าใช้จ่ายรวม โดยในระยะแรกจะปรับลดค่าใช้จ่ายลง 3% หรือประมาณ 6,000 ล้านบาท นอกจากนี้จะไม่มีการบรรจุใหม่สำหรับตำแหน่งที่ว่าง ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้ตามแผนใหม่จะทำให้ผลประกอบการปี 2552 ของบริษัทมีกำไรแน่นอน
ทั้งนี้ในส่วนของแผนการลงทุนนั้นได้จัดทำใหม่แบ่งเป็นระยะสั้นเร่งด่วน 3 ปี (2552-2554) ระยะกลางและระยะยาว ซึ่งในแผนเร่งด่วนนี้จะยังไม่มีการลงทุนจัดซื้อเครื่องบิน ทั้งนี้ คณะทำงานจะต้องจัดทำรายละเอียดแผนการปรับปรุงธุรกิจเพิ่มเติม เพื่อเสนอบอร์ดพิจารณาอีกครั้ง และ คาดว่าจะสรุปแผนทั้งหมดเสนอกระทรวงการคลังพิจารณาได้ภายในเดือนก.พ.-มี.ค. นี้ โดยยืนยันว่า ในช่วงนี้บริษัทยังไม่มีปัญหาในการใช้จ่ายเงิน ส่วนการขอกู้เงินนั้น จะดำเนินการคู่ขนานไปด้วย เพราะต้องรอแผนการปรับปรุงธุรกิจของบริษัทก่อน
“ทั้งการปรับเพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย บริษัทมีเป้าหมายตัวเลข และวิธีการ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งคณะทำงานต้องทำรายละเอียดเพิ่มเติมอีก ส่วนเรื่องการยกเลิกการจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลแทนพนักงานนั้น ยังไม่ได้มีการนำเสนอ อย่างไรก็ตามในส่วนของจำนวนผู้โดยสารในเดือนม.ค. 52 หรือ Cabin Factor นั้นอยู่ที่ประมาณ 75.4% เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. 51 ที่มี Cabin Factor ประมาณ 50% ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ดีขึ้น”นายสุรชัยกล่าว
งดจ่ายโบนัสพนักงานปี 51 ขาดทุน
นายสุรชัยกล่าวถึงการพิจารณาจ่ายเงินรางวัล หรือโบนัสให้พนักงานว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบไม่จ่ายเงินรางวัลในปี 2551 เนื่องจากผลประกอบการและสถานะทางการเงินไม่ดี แม้ว่าจากการวิเคราะห์และติดตามผลการปฎิบัติงานของพนักงานในปี 2551 พบว่า พนักงานจะมีความวิริยะอุตสาหะในการทำงาน และต้องทำงานในช่วงวิกฤติ และสมควรจะได้รับเงินรางวัลก็ตาม และหากในอนาคตผลประกอบการและสถานะทางการเงินของบริษัทดีขึ้น บอร์ดจะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า แผนการปรับปรุงธุรกิจ (Business Improvement Plan) ของปี 2552-2554 เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานรองรับสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และแก้ไขปัญหาสถานการณ์การเงิน ซึ่งจะเน้นการเพิ่มรายได้ เช่น การเพิ่มรายได้ต่อหน่วย (Yield) การปรับปรุงระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) เพื่อเพิ่มสัดส่วนการขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ต รวมถึงการการปรับลดเที่ยวบินในเส้นทางที่มีความต้องการเดินทางน้อยและไม่ทำกำไร การบริหารจัดการค่าใช้จ่าย เช่น การลดอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงการบิน การควบคุมค่าใช้จ่ายบุคลากร ชะลอการลงทุนที่ยังไม่จำเป็น และ การทบทวนแผนการปรับปรุงฝูงบิน และการปลดระวางเครื่องบินเก่า
“สุรชัย”ยันลาออกแน่
นายสุรชัยกล่าวยืนยันว่า ตนตั้งใจจะลาออกจากประธานบอร์ดการบินไทย เพราะเป็นมารยาทเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่เนื่องจากเวลากระชั้นชิดกับการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 เม.ย.นี้ จึงขอดูเงื่อนไขเวลาก่อนว่าจะออกได้ในช่วงใด ทั้งนี้ในส่วนของกรรมการอื่นๆ จะลาออกหรือไม่ เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แต่ตนได้ประกาศให้กรรมการทราบแล้วว่ามีแนวคิดที่จะลาออก
ด้านพลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการ บริษัทฯ ปฏิบัติหน้าที่ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย กล่าวว่า จำนวนผู้โดยสารในเดือนม.ค. 52 นี้ เพิ่มขึ้นจากเดือนธ.ค.51 ค่อนข้างมา เป็นสัญญาณที่ดีแต่จะต้องจับตามในเดือนก.พ.และมี.ค.อีกครั้ง ทั้งนี้ยืนยันว่า จากแผนการปรับปรุงธุรกิจบริษัทที่จัดทำใหม่ จะทำให้บริษัทมีกำไรในปี 2552 แน่นอน
ตั้งกรรมการสอบวินัย “อภิชัย”สังเวยทุจริตโรงแรมลูกเรือ
รายงานข่าวจากที่ประชุมบอร์ดแจ้งว่า พลเรือเอกเดชา อยู่พรต ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดหาการเช่าโรงแรมที่พักลูกเรือในต่างประเทศได้รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงต่อที่ประชุม และบอร์ดมีมติให้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยผู้ที่เกี่ยวข้องพร้อมกับให้โยกย้ายผู้ที่ถูกสอบสวนทางวินัยออกจากตำแหน่งในระหว่างที่ดำเนินการสอบสวนทางวินัยไว้ก่อน
โดยมอบหมายให้ฝ่ายบริหารมาดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ซึ่งเบื้องต้นได้มีการตั้ง เรืออากาศโทพอพงษ์ สรรพกิจ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สังกัดสำนักงาน กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาแทนผู้ที่สอบสวนวินัย
ซึ่งจากผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการจัดหาการเช่าโรงแรมที่พักลูกเรือในต่างประเทศ สรุปว่า เรืออากาศโทอภิชัย แสงศศิ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการบิน (DP) มีความผิดทางวินัย และทางแพ่ง เนื่องจากผู้ดำเนินการอนุมัติวงเงิน ไม่มีอำนาจตามข้อกำหนดของระเบียบบริษัทว่าด้วยการพัสดุเนื่องจากมีผู้ถือหุ้นร้องเรียน มีพฤติการณ์หรือการกระทำที่มีลักษณะไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ภักดีต่อบริษัท ไม่รักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯทุกวิถีทาง และการกระทำมีลักษณะอันเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้บริษัทฯได้รับความเสียหาย
โดยกรรมการสอบข้อเท็จจริงมีความเห็นว่า เรืออากาศโทอภิชัย มีการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎ ระเบียบและมติของคณะกรรมการ บริษัท ไม่รักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ ตามระเบียบบริษัทว่าด้วยการบริหารงานบุคคล ตอนที่ 2 วินัย การลงโทษ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ พ.ศ. 2537 และพ.ศ. 2550 ข้อ 5.2,5.3 และ 5.16 อันเป็นความผิดวินัยร้ายแรงที่มีโทษปลดออกหรือไล่ออกตามระเบียบบริษัทฯ ข้อ 13
ส่วนในประเด็นความรับผิดทางแพ่งนั้น คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเห็นว่าพฤติกรรมของเรืออากาศโทอภิชัย เป็นการกระทำที่มีลักษณะอันเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ซึ่งกระทำต่อบริษัทฯ เป็นเหตุให้บริษัทฯได้รับความเสียหาย อันเป็นความผิดทางแพ่ง ฐานกระทำละเมิดต่อบริษัทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เกี่ยวข้องในการทุจริตการจัดหาการเช่าโรงแรมที่พักลูกเรือในต่างประเทศนั้นคาดว่าจะมี เรืออากาศโทอภินันทน์ สุมนะเศรณี อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทซึ่งได้ลาออกจากบริษัทไปแล้วรวมอยู่ด้วยและอาจจะมีการดำเนินการทางแพ่ง นอกจากนี้กรณีการทุจริตจัดหาโรงแรมลูกเรือดังกล่าว ได้ถูกผู้ถือหุ้นบริษัทฯ ยื่นฟ้อง นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคมและอดีตประธานคณะกรรมการบริษัทการบินไทย เป็นจำเลยที่ 1 และพวกรวม 12 คนในข้อหา พนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบต่อศาลอาญา อีกด้วย
นายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังการประชุมวานนี้ (11 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าแนวทางและหลักการของแผนการปรับปรุงธุรกิจบริษัท ของคณะทำงานที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร กรรมการบริษัทเป็นประธาน โดยเบื้องต้นมีการปรับเป้ารายได้ของบริษัทปี 2552 จาก 2.2 แสนล้านบาทเหลือ 1.7 แสนล้านบาท และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงโดยตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 10% ของค่าใช้จ่ายรวม โดยในระยะแรกจะปรับลดค่าใช้จ่ายลง 3% หรือประมาณ 6,000 ล้านบาท นอกจากนี้จะไม่มีการบรรจุใหม่สำหรับตำแหน่งที่ว่าง ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้ตามแผนใหม่จะทำให้ผลประกอบการปี 2552 ของบริษัทมีกำไรแน่นอน
ทั้งนี้ในส่วนของแผนการลงทุนนั้นได้จัดทำใหม่แบ่งเป็นระยะสั้นเร่งด่วน 3 ปี (2552-2554) ระยะกลางและระยะยาว ซึ่งในแผนเร่งด่วนนี้จะยังไม่มีการลงทุนจัดซื้อเครื่องบิน ทั้งนี้ คณะทำงานจะต้องจัดทำรายละเอียดแผนการปรับปรุงธุรกิจเพิ่มเติม เพื่อเสนอบอร์ดพิจารณาอีกครั้ง และ คาดว่าจะสรุปแผนทั้งหมดเสนอกระทรวงการคลังพิจารณาได้ภายในเดือนก.พ.-มี.ค. นี้ โดยยืนยันว่า ในช่วงนี้บริษัทยังไม่มีปัญหาในการใช้จ่ายเงิน ส่วนการขอกู้เงินนั้น จะดำเนินการคู่ขนานไปด้วย เพราะต้องรอแผนการปรับปรุงธุรกิจของบริษัทก่อน
“ทั้งการปรับเพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย บริษัทมีเป้าหมายตัวเลข และวิธีการ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งคณะทำงานต้องทำรายละเอียดเพิ่มเติมอีก ส่วนเรื่องการยกเลิกการจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลแทนพนักงานนั้น ยังไม่ได้มีการนำเสนอ อย่างไรก็ตามในส่วนของจำนวนผู้โดยสารในเดือนม.ค. 52 หรือ Cabin Factor นั้นอยู่ที่ประมาณ 75.4% เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. 51 ที่มี Cabin Factor ประมาณ 50% ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ดีขึ้น”นายสุรชัยกล่าว
งดจ่ายโบนัสพนักงานปี 51 ขาดทุน
นายสุรชัยกล่าวถึงการพิจารณาจ่ายเงินรางวัล หรือโบนัสให้พนักงานว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบไม่จ่ายเงินรางวัลในปี 2551 เนื่องจากผลประกอบการและสถานะทางการเงินไม่ดี แม้ว่าจากการวิเคราะห์และติดตามผลการปฎิบัติงานของพนักงานในปี 2551 พบว่า พนักงานจะมีความวิริยะอุตสาหะในการทำงาน และต้องทำงานในช่วงวิกฤติ และสมควรจะได้รับเงินรางวัลก็ตาม และหากในอนาคตผลประกอบการและสถานะทางการเงินของบริษัทดีขึ้น บอร์ดจะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า แผนการปรับปรุงธุรกิจ (Business Improvement Plan) ของปี 2552-2554 เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานรองรับสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และแก้ไขปัญหาสถานการณ์การเงิน ซึ่งจะเน้นการเพิ่มรายได้ เช่น การเพิ่มรายได้ต่อหน่วย (Yield) การปรับปรุงระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) เพื่อเพิ่มสัดส่วนการขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ต รวมถึงการการปรับลดเที่ยวบินในเส้นทางที่มีความต้องการเดินทางน้อยและไม่ทำกำไร การบริหารจัดการค่าใช้จ่าย เช่น การลดอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงการบิน การควบคุมค่าใช้จ่ายบุคลากร ชะลอการลงทุนที่ยังไม่จำเป็น และ การทบทวนแผนการปรับปรุงฝูงบิน และการปลดระวางเครื่องบินเก่า
“สุรชัย”ยันลาออกแน่
นายสุรชัยกล่าวยืนยันว่า ตนตั้งใจจะลาออกจากประธานบอร์ดการบินไทย เพราะเป็นมารยาทเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่เนื่องจากเวลากระชั้นชิดกับการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 เม.ย.นี้ จึงขอดูเงื่อนไขเวลาก่อนว่าจะออกได้ในช่วงใด ทั้งนี้ในส่วนของกรรมการอื่นๆ จะลาออกหรือไม่ เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แต่ตนได้ประกาศให้กรรมการทราบแล้วว่ามีแนวคิดที่จะลาออก
ด้านพลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการ บริษัทฯ ปฏิบัติหน้าที่ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย กล่าวว่า จำนวนผู้โดยสารในเดือนม.ค. 52 นี้ เพิ่มขึ้นจากเดือนธ.ค.51 ค่อนข้างมา เป็นสัญญาณที่ดีแต่จะต้องจับตามในเดือนก.พ.และมี.ค.อีกครั้ง ทั้งนี้ยืนยันว่า จากแผนการปรับปรุงธุรกิจบริษัทที่จัดทำใหม่ จะทำให้บริษัทมีกำไรในปี 2552 แน่นอน
ตั้งกรรมการสอบวินัย “อภิชัย”สังเวยทุจริตโรงแรมลูกเรือ
รายงานข่าวจากที่ประชุมบอร์ดแจ้งว่า พลเรือเอกเดชา อยู่พรต ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดหาการเช่าโรงแรมที่พักลูกเรือในต่างประเทศได้รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงต่อที่ประชุม และบอร์ดมีมติให้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยผู้ที่เกี่ยวข้องพร้อมกับให้โยกย้ายผู้ที่ถูกสอบสวนทางวินัยออกจากตำแหน่งในระหว่างที่ดำเนินการสอบสวนทางวินัยไว้ก่อน
โดยมอบหมายให้ฝ่ายบริหารมาดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ซึ่งเบื้องต้นได้มีการตั้ง เรืออากาศโทพอพงษ์ สรรพกิจ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สังกัดสำนักงาน กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาแทนผู้ที่สอบสวนวินัย
ซึ่งจากผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการจัดหาการเช่าโรงแรมที่พักลูกเรือในต่างประเทศ สรุปว่า เรืออากาศโทอภิชัย แสงศศิ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการบิน (DP) มีความผิดทางวินัย และทางแพ่ง เนื่องจากผู้ดำเนินการอนุมัติวงเงิน ไม่มีอำนาจตามข้อกำหนดของระเบียบบริษัทว่าด้วยการพัสดุเนื่องจากมีผู้ถือหุ้นร้องเรียน มีพฤติการณ์หรือการกระทำที่มีลักษณะไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ภักดีต่อบริษัท ไม่รักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯทุกวิถีทาง และการกระทำมีลักษณะอันเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้บริษัทฯได้รับความเสียหาย
โดยกรรมการสอบข้อเท็จจริงมีความเห็นว่า เรืออากาศโทอภิชัย มีการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎ ระเบียบและมติของคณะกรรมการ บริษัท ไม่รักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ ตามระเบียบบริษัทว่าด้วยการบริหารงานบุคคล ตอนที่ 2 วินัย การลงโทษ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ พ.ศ. 2537 และพ.ศ. 2550 ข้อ 5.2,5.3 และ 5.16 อันเป็นความผิดวินัยร้ายแรงที่มีโทษปลดออกหรือไล่ออกตามระเบียบบริษัทฯ ข้อ 13
ส่วนในประเด็นความรับผิดทางแพ่งนั้น คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเห็นว่าพฤติกรรมของเรืออากาศโทอภิชัย เป็นการกระทำที่มีลักษณะอันเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ซึ่งกระทำต่อบริษัทฯ เป็นเหตุให้บริษัทฯได้รับความเสียหาย อันเป็นความผิดทางแพ่ง ฐานกระทำละเมิดต่อบริษัทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เกี่ยวข้องในการทุจริตการจัดหาการเช่าโรงแรมที่พักลูกเรือในต่างประเทศนั้นคาดว่าจะมี เรืออากาศโทอภินันทน์ สุมนะเศรณี อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทซึ่งได้ลาออกจากบริษัทไปแล้วรวมอยู่ด้วยและอาจจะมีการดำเนินการทางแพ่ง นอกจากนี้กรณีการทุจริตจัดหาโรงแรมลูกเรือดังกล่าว ได้ถูกผู้ถือหุ้นบริษัทฯ ยื่นฟ้อง นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคมและอดีตประธานคณะกรรมการบริษัทการบินไทย เป็นจำเลยที่ 1 และพวกรวม 12 คนในข้อหา พนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบต่อศาลอาญา อีกด้วย