xs
xsm
sm
md
lg

ถึงเวลาล้างภาพ ตร.นครบาลรับใช้การเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว
วาระสำคัญการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ "รองผบ.ตร.) และผู้บังคับการ (ผบก.) รวม 106 ตำแหน่ง เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่ง "รองเทพ" - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง นั่งหัวโต๊ะในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ "ก.ตร." มีอันต้องล่ม!

โดยมีตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เก้าอี้หนึ่งเดียว กลายเป็นตำแหน่งเจ้าปัญหา และมีการถกเถียงกันอย่างดุเดือด เคร่งเครียด เมื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ยืนยันกลางที่ประชุม ก.ตร.ว่า ต้องเป็น "พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ" ผู้ช่วย ผบ.ตร. เท่านั้น ขณะที่มีรอง ผบ.ตร.หลายคนไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่า ไม่ถูกต้อง และตำแหน่งนี้ควรเป็นของ "พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี" ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะมีคำสั่ง อนุ ก.ตร.อุทธรณ์ฯ ให้ พล.ต.อ.วิเชียร ได้รับการแต่งแต่งเข้าตำแหน่งหลักในโอกาสแรกที่มีการแต่งตั้ง

จากปมปัญหาเก้าอี้ รอง ผบ.ตร. ทำให้"นายสุเทพ" ต้องสั่งเลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันที่ 13 ก.พ.นี้ ส่วนท้ายสุด พล.ต.ท.วัชรพล พล.ต.อ.วิเชียร หรือ พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตำรวจมือดี จะคว้าเก้าอี้นี้ไปครอง ก.ตร.นัดหน้า "รองเทพ" น่าจะชี้ขาดได้

คราวนี้มาถึงเก้าอี้แม่ทัพนครบาล "ผบช.น." มรดกแห่งอำนาจ ที่รัฐบาลในอดีตโดยเฉพาะยุค"ทักษิณ ชินวัตร" เรืองอำนาจ เขาได้สร้างภาพผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้เป็น ตำรวจรับใช้นักการเมือง ทำให้การแต่งตั้งโยกย้าย ผบช.น.ในครั้งนี้ จึงถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ

โดยคำตอบสุดท้าย "พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว" หรือ "บิ๊กเบื๊อก" ก็ต้องโบกมือลาเก้าอี้ แม่ทัพนครบาลไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 หลังจากเข้ามานั่งตำแหน่งนี้ได้เพียง 5 เดือน

ปัจจัยสำคัญของการเข้าสู่ตำแหน่ง ผบช.น.ของ พล.ต.ท.สุชาติ เนื่องจากเป็นคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเป็นเพื่อนร่วมรุ่น น.ร.ต.26 มีภารกิจสำคัญคือให้มาขจัดเสี้ยนหนามทางการเมืองของระบอบทักษิณ นั่นคือ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ขณะนั้นได้ชุมนุมยืดเยื้อ เพื่อโค่นล้มรัฐบาลนอมินีแม้ว

รวมทั้งไม่พอใจผลงาน ของ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่อยู่ในตำแหน่ง น.1 ขณะนั้น

รัฐบาลพรรคพลังประชาชน กำลังต้องการคนที่สามารถชี้ซ้าย ชี้ขวาได้ ชื่อของ"พล.ต.ท.สุชาติ" จึงถูกเสนอเข้ามานั่งเก้าอี้แม่ทัพนครบาล

เหตุการณ์นองเลือด 7 ตุลาคม 2551 ถือเป็นผลงานสุดอัปยศ ของพล.ต.ท.สุชาติ โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สรุปผลการสอบสวนออกมาว่า เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และเสนอเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) โดยมีบรรดา"บิ๊กตำรวจ" หลายคนอยู่ในข่ายที่ต้องรับผิด

จนกระทั่งมีการเคลื่อนไหวล่ารายชื่อตำรวจชั้นผู้น้อย เพื่อยื่นถอดถอนคณะกรรมการ ป.ป.ช.

และเมื่อมีการผลัดเปลี่ยนรัฐบาล พล.ต.ท.สุชาติ จึงถูกเด้งจากเก้าอี้ ผบช.น.ไปอยู่ภาคสานตอนบน ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4

สำหรับเก้าอี้แม่ทัพนครบาลคนใหม่ ครั้งแรกมีกระแสข่าวออกมาอย่างหนาหูว่า ผู้ที่จะเข้ามานั่งแทน คือ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู จเรตำรวจ (สบ.8) นรต. 27 สามี นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือ"แม่เลี้ยงติ๊ก" เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นคนที่มีความสนิทชิดเชื้อกับพรรคประชาธิปัตย์ มากที่สุดคนหนึ่ง

สุดท้ายโผกลับพลิกมาลงที่ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ก. นรต.30 ขยับมานั่งในตำแหน่งนี้แทน ส่วนหนึ่งเชื่อว่า น่าจะเป็นการลดแรงเสียดทานจากหลายฝ่าย

สำหรับ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ถือเป็นนายตำรวจที่เป็นกลางทางการเมือง ไม่มีภาพความเกี่ยวพันกับนักการเมืองทั้งซีก พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคร่วมรัฐบาล และเป็นนายตำรวจที่ได้รับการยอมรับในวงการสีกากี มีความสามารถด้านการสืบสวน และการบริหาร

ที่ผ่านการเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ยุค คมช. ก่อนจะโยกมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา เคยไปทำงานแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยุคพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เติบโตเป็นนายพลตำรวจคนแรกของรุ่น นรต.30 มีเพื่อนร่วมรุ่นที่โด่งดัง เช่น พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. เป็นต้น

ในช่วงก่อนหน้านี้ เก้าอี้ ผบช.น. ยังไม่เคยมีใครอยู่ครบเทอม ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาถรรพ์ปืนใหญ่ ที่สถิตย์อยู่สนามด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลหรือไม่ เพราะในอดีต ผบช.น. อย่าง พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี และ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ที่เข้ามากุมตำแหน่งเจ้าของรหัส น.1 แล้วดันไปย้ายปืนใหญ่ ในบช.น.เข้า ก็มีอันให้เด้งกระเด็นกระดอนไปจากตำแหน่งเสีย

แต่ยุคของ“บิ๊กเบื๊อก” พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว นั้นแม้ไม่ได้ทำการย้ายปืนใหญ่กระบอกนั้นไป แต่หลังจากเข้านั่งตำแหน่งนี้ได้เพียง 6 วัน ปืนใหญ่กระบอกนี้ อยู่ๆก็มีอันต้องพังทลายลงมา เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ปีที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ปีนี้ ก็มีคนเห็น "บิ๊กเบื๊อก" เอาดอกไม้ พวงมาลัย ไปเซ่นไหว้ที่ ปืนใหญ่ ไม่รู้ว่าอธิฐานขอให้ตัวเองอยู่ตำแหน่งเดิมหรือเปล่าก็ไม่รู้ ??!!

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังการทอดเวลาออกมา สุดท้ายจัดทัพสีกากี ในการประชุมก.ตร.วันที่13 ก.พ.นี้ ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. น่าจะตกลงกันได้

อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าการโยกย้ายนายตำรวจระดับสูงครั้งนี้ ไม่มีปัญหาการเมืองเข้าไปแทรกแซง แต่ต้องการแก้ปัญหาเรื้อรังในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย จนเป็นที่มาของวิกฤติชาติที่กำลังเผชิญกันอยู่ในขณะนี้

ดังนั้น เพื่อให้การทำงานของตำรวจมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีบทบาทสำคัญที่จะรักษาความสงบเรียบร้อย ความเป็นธรรมในสังคม จึงต้องจัดบุคคลากร ที่จะช่วยให้หลุดพ้นออกมาจากปัญหาดังกล่าวให้ได้

ส่วนแม่ทัพนครบาลคนใหม่ "พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา" จะรักษามาตรฐานของการเป็นตำรวจน้ำดี ล้างภาพลบ "แม่ทัพนครบาลรับใช้นักการเมือง" ได้หรือไม่ และจะอยู่ในตำแหน่งนี้ได้นานแค่ไหน ก็เป็นเรื่องที่ต้องจับตากันต่อไป
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา
กำลังโหลดความคิดเห็น