ธพ.จับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมเช็กสต็อกน้ำมันรับภาษีฯใหม่แล้ว ปั๊มต้องหยุดขายเที่ยงคืนของคืนวันที่ 31 ม.ค.ทันที ขู่ไม่ร่วมมือ กักตุนเจอคุกไม่เกิน10 ปี หรือปรับไม่เกินแสนบาท ตรวจยิบแม้กระทั่งรถขนน้ำมันกักตุน ด้านผู้ค้าน้ำมันเร่งระดมสำรอง รับมือคนแห่เติมแล้ว ปตท.เตือนประชาชนทำใจบางปั๊มไม่มีน้ำมันขาย หลังปริมาณสำรองน้ำมันอาจไม่เพียงพอในช่วง1-2 วันนี้ ที่ประชาชนแห่เติมก่อนราคาน้ำมันขยับขึ้น
นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) เปิดเผยว่า ธพ.จะร่วมมือกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องที่จะตรวจเช็คสต็อกน้ำมันวัดปริมาณน้ำมันคงเหลือ ณ คลังน้ำมันของผู้ค้าน้ำมันและสถานีบริการทุกราย โดยผู้ค้าจะต้องหยุดการจำหน่ายน้ำมันทันทีตั้งแต่เวลา 24.00 น.ของคืนวันที่ 31 ม.ค.จนกว่าเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจวัดเสร็จ หาก ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจ และไม่หยุดจำหน่ายน้ำมันเวลาที่กำหนด จะมีความผิดตามพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 คือ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท
“การเช็คสต็อกก็เพื่อนำมาคำนวณเงินเรียกเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จากส่วนต่างของราคาขายปลีก ที่จะปรับเพิ่มขึ้น ในวันที่ 1 ก.พ. 52 นอกจากนี้ยังได้มีการตรวจรถขนส่งน้ำมันย้อนหลัง 7 วันว่าเติมจากคลังใด เป้าหมายจะไปที่ไหน หากพบว่ายังไม่ถึงปั๊มก็จะถือวากักตุนตามกฏหมายกรมการค้าภายในก็จะต้องจำคุก 7 ปี ส่วนการขาดแคลนไม่น่าจะมีเพราะปั๊มใดมีคนเติมเยอะขอให้ประสานมาที่ธพ.จะช่วยประสานการขนส่งน้ำมันให้“ นายเมตตากล่าว
ทั้งนี้ ธ.พ.ขอความร่วมมือให้ผู้ค้าน้ำมัน และเจ้าของสถานีบริการทุกแห่ง อำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของทางราชการ ดังนี้1.หยุดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ตั้งแต่เวลา 24.00 น. จนกว่าเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจวัด 2. ตรวจสอบและลงลายมือชื่อรับรองผลการตรวจวัด 3. แจ้งปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระหว่างการขนส่ง ที่ซื้อ หรือได้มา ก่อนเวลา 24.00 น. และมาถึงภายหลังเวลาดังกล่าว รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงที่รับฝาก (ถ้ามี) ต่อกรมธุรกิจพลังงาน อย่างช้า ไม่เกินวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2552
พาณิชย์ขู่ตรวจปั๊มปิดป้ายน้ำมันหมด
ด้านนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในและค้าภายในจังหวัดทั้งส่วนกลางและภูมิภาคตรวจเช็คสถานีบริการน้ำมันทุกแห่งทั่วประเทศ หลังจากผู้บริโภคร้องเรียนว่าสถานีบริการน้ำมันบางแห่งติดป้ายน้ำมันหมด จึงขอเตือนสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศอย่าฉวยโอกาสกักตุนหรือค้ากำไรเกินควรที่จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้ส่งสายตรวจส่วนกลางและภูมิภาคออกตรวจเช็คปริมาณน้ำมันตามสถานีบริการน้ำมันว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหนอย่างใกล้ชิด หากพบว่าปฏิเสธการจำหน่ายหรือตรวจพบว่ายังมีน้ำมันเหลือแต่ติดป้ายน้ำมันหมด ถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งจะมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ปตท.เตือนปชช.ทำใจบางปั๊มน้ำมันขาด
นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ การตลาดค้าปลีก บมจ.ปตท. กล่าวว่า ขณะนี้ปตท.คงไม่สามารถสำรองน้ำมันให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในช่วง1-2 วันนี้ ส่งผลให้บางปั๊มอาจมีน้ำมันไม่มีจะขาย เนื่องจากบางโรงกลั่นยังกลั่นน้ำมันได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งพฤติกรรมผู้ใช้รถหันมาเติมน้ำมันแทนการใช้ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)หรือก๊าซเอ็นจีวี เนื่องจากราคาน้ำมันถูก ซึ่งที่ผ่านมาปตท.ก็มีการส่งน้ำมันให้ลูกค้าตามโควตามาระยะหนึ่งแล้ว
จากพฤติกรรมการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ โดยมีการยอดการใช้น้ำมันรวมอยู่ที่ 60 ล้านลิตร/วัน แบ่งเป็นเบนซิน 21 ล้านลิตร/วัน และดีเซล 47 ล้านลิตร/วัน ทำให้ปตท.ต้องนำเข้าเบนซินเป็นครั้งแรก โดยในเดือน ม.ค.นี้ มีการนำเข้ามาแล้ว 10 ล้านลิตร และคาดว่าในเดือน ก.พ.-มี.ค.จะต้องนำเข้าน้ำมันเบนซินอีก 40 ล้านลิตร ส่วนดีเซล คาดว่าในเดือน ก.พ.นี้จะต้องเริ่มนำเข้าเช่นกัน โดยยอดขายปตท.ในส่วนของกลุ่มเบนซินยอดขายเพิ่มขึ้นจากเดิม 7 ล้านลิตร/วัน เป็นเพิ่มมาก 10 ล้านลิตร/วัน น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นจาก 15 ล้านลิตร/วัน เป็น 20 ล้านลิตร/วัน โดยขณะนี้ ปตท.พยายามจัดหาน้ำมันให้เพียงพอกับความต้องการมากที่สุด
" ที่ผ่านมาน้ำมันเบนซินและดีเซลค่อนข้างตึงตัว หากประชาชนมีการแห่ไปเติมน้ำมัน 1-2 วันนี้มากผิดปกติเนื่องจากวันที่ 1 ก.พ.ราคาน้ำมันจะปรับขึ้นอีก 1.55 บาท/ลิตรจากการเก็บภาษีสรรพสามิต ทำให้ปั๊มปตท.บางส่วนอาจขาดแคลน โดยยืนยันว่า ปัญหาขาดแคลนที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ใช่มาจากการเก็งกำไร แต่มาจากน้ำมันในประเทศไม่เพียงพอจริง ๆ ซึ่งราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนี้ ทางผู้ค้าน้ำมันไม่ได้ประโยชน์เพราะเป็นการปรับขึ้นตามอัตราภาษี "
บางจาก-เชลล์สำรองน้ำมันให้เพียงพอต่อลูกค้า
นายสมชัย เตชะวณิช ผู้อำนวยการพัฒนาธุรกิจการตลาดค้าปลีก บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า ขณะนี้ได้กำชับปั๊มน้ำมันทั่วประเทศของบางจากให้มีการบริการประชาชนอย่างทั่วถึง และหากพบมีการเติมน้ำมันผิดปกติ เช่นนำถังมาเติมจำนวนมากก็ให้จำกัดการขาย พร้อมกันนี้ ยังไม่มีการจำหน่ายน้ำมันผ่านจ็อบเบอร์ เพื่อดูแลปั๊มน้ำมันของบางจากให้มีปริมาณน้ำมันที่เพียงพอกับความต้องการของประชาชนโดยได้เร่งเพิ่มสำรองให้มากขึ้นทุกปั๊มแล้ว
“ ยอมรับว่าถ้าคนแห่มาเติมมากเป็น 2-3 เท่าจากเดิมในบางปั๊มอาจจะขาดแคลนบ้างเพราะรถขนส่งน้ำมันกว่าจะไปส่งได้อาจใช้เวลาแต่เราจะพยายามให้เร็วสุดหากจะขาดก็น่าจะช่วงสั้นๆ “นายสมชัยกล่าว
นางสุทัศนี ทับทิม ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์เชลล์แห่งประเทศ กล่าวว่า เชลล์ได้เตรียมพร้อมให้ปั๊มน้ำมันสำรองน้ำมันให้เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภคเชื่อว่าคนจะแห่มาเติม 1-2 วันนี้แต่ห่วงวันเสาร์ที่บางจุดอาจจะต้องขาดแคลนบ้าง เพราะระบบขนส่งอาจไม่เพียงพอ
โรงกลั่นน้ำมันเดินเครื่องผลิตเต็มที่
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่าขณะนี้โรงกลั่นน้ำมันในประเทศใช้กำลังการกลั่นเต็มที่ เชื่อว่าจะมีน้ำมันเพียงพอที่จะป้อนให้กับผู้ค้าน้ำมันในช่วงนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางโรงกลั่นน้ำมันสตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง(SPRC)มีการทำระบบซอฟท์แวร์ที่จะส่งน้ำมันทางท่อรองรับการแยกธุรกิจระหว่างSPRC กับโรงกลั่นของPTTAR ทำให้ติดขัดเรื่องการส่งน้ำมันให้ปตท. แต่ขณะนี้ได้ดำเนินการและส่งน้ำมันเป็นที่เรียบร้อยเมื่อเช้าวานนี้ (30ม.ค.)
ด้านโรงกลั่นไทยออยล์ ยืนยันว่าขณะนี้มีการกลั่นน้ำมันอยู่ที่ 105% คิดเป็นกำลังการผลิต 2.8 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตได้ในช่วงนี้แทบจะไม่มีการส่งออก เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันในประเทศสูงขึ้นเป็นผลจากพฤติกรรมผู้บริโภคลดการใช้ก๊าซหุงต้มและก๊าซเอ็นจีวีมาเป็นน้ำมันแทน เพราะมีความสะดวกและราคาไม่แตกต่างกันมากนัก ส่งผลให้ดีมานด์การใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับปลายปีที่แล้ว
นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) เปิดเผยว่า ธพ.จะร่วมมือกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องที่จะตรวจเช็คสต็อกน้ำมันวัดปริมาณน้ำมันคงเหลือ ณ คลังน้ำมันของผู้ค้าน้ำมันและสถานีบริการทุกราย โดยผู้ค้าจะต้องหยุดการจำหน่ายน้ำมันทันทีตั้งแต่เวลา 24.00 น.ของคืนวันที่ 31 ม.ค.จนกว่าเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจวัดเสร็จ หาก ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจ และไม่หยุดจำหน่ายน้ำมันเวลาที่กำหนด จะมีความผิดตามพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 คือ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท
“การเช็คสต็อกก็เพื่อนำมาคำนวณเงินเรียกเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จากส่วนต่างของราคาขายปลีก ที่จะปรับเพิ่มขึ้น ในวันที่ 1 ก.พ. 52 นอกจากนี้ยังได้มีการตรวจรถขนส่งน้ำมันย้อนหลัง 7 วันว่าเติมจากคลังใด เป้าหมายจะไปที่ไหน หากพบว่ายังไม่ถึงปั๊มก็จะถือวากักตุนตามกฏหมายกรมการค้าภายในก็จะต้องจำคุก 7 ปี ส่วนการขาดแคลนไม่น่าจะมีเพราะปั๊มใดมีคนเติมเยอะขอให้ประสานมาที่ธพ.จะช่วยประสานการขนส่งน้ำมันให้“ นายเมตตากล่าว
ทั้งนี้ ธ.พ.ขอความร่วมมือให้ผู้ค้าน้ำมัน และเจ้าของสถานีบริการทุกแห่ง อำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของทางราชการ ดังนี้1.หยุดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ตั้งแต่เวลา 24.00 น. จนกว่าเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจวัด 2. ตรวจสอบและลงลายมือชื่อรับรองผลการตรวจวัด 3. แจ้งปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระหว่างการขนส่ง ที่ซื้อ หรือได้มา ก่อนเวลา 24.00 น. และมาถึงภายหลังเวลาดังกล่าว รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงที่รับฝาก (ถ้ามี) ต่อกรมธุรกิจพลังงาน อย่างช้า ไม่เกินวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2552
พาณิชย์ขู่ตรวจปั๊มปิดป้ายน้ำมันหมด
ด้านนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในและค้าภายในจังหวัดทั้งส่วนกลางและภูมิภาคตรวจเช็คสถานีบริการน้ำมันทุกแห่งทั่วประเทศ หลังจากผู้บริโภคร้องเรียนว่าสถานีบริการน้ำมันบางแห่งติดป้ายน้ำมันหมด จึงขอเตือนสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศอย่าฉวยโอกาสกักตุนหรือค้ากำไรเกินควรที่จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้ส่งสายตรวจส่วนกลางและภูมิภาคออกตรวจเช็คปริมาณน้ำมันตามสถานีบริการน้ำมันว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหนอย่างใกล้ชิด หากพบว่าปฏิเสธการจำหน่ายหรือตรวจพบว่ายังมีน้ำมันเหลือแต่ติดป้ายน้ำมันหมด ถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งจะมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ปตท.เตือนปชช.ทำใจบางปั๊มน้ำมันขาด
นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ การตลาดค้าปลีก บมจ.ปตท. กล่าวว่า ขณะนี้ปตท.คงไม่สามารถสำรองน้ำมันให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในช่วง1-2 วันนี้ ส่งผลให้บางปั๊มอาจมีน้ำมันไม่มีจะขาย เนื่องจากบางโรงกลั่นยังกลั่นน้ำมันได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งพฤติกรรมผู้ใช้รถหันมาเติมน้ำมันแทนการใช้ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)หรือก๊าซเอ็นจีวี เนื่องจากราคาน้ำมันถูก ซึ่งที่ผ่านมาปตท.ก็มีการส่งน้ำมันให้ลูกค้าตามโควตามาระยะหนึ่งแล้ว
จากพฤติกรรมการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ โดยมีการยอดการใช้น้ำมันรวมอยู่ที่ 60 ล้านลิตร/วัน แบ่งเป็นเบนซิน 21 ล้านลิตร/วัน และดีเซล 47 ล้านลิตร/วัน ทำให้ปตท.ต้องนำเข้าเบนซินเป็นครั้งแรก โดยในเดือน ม.ค.นี้ มีการนำเข้ามาแล้ว 10 ล้านลิตร และคาดว่าในเดือน ก.พ.-มี.ค.จะต้องนำเข้าน้ำมันเบนซินอีก 40 ล้านลิตร ส่วนดีเซล คาดว่าในเดือน ก.พ.นี้จะต้องเริ่มนำเข้าเช่นกัน โดยยอดขายปตท.ในส่วนของกลุ่มเบนซินยอดขายเพิ่มขึ้นจากเดิม 7 ล้านลิตร/วัน เป็นเพิ่มมาก 10 ล้านลิตร/วัน น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นจาก 15 ล้านลิตร/วัน เป็น 20 ล้านลิตร/วัน โดยขณะนี้ ปตท.พยายามจัดหาน้ำมันให้เพียงพอกับความต้องการมากที่สุด
" ที่ผ่านมาน้ำมันเบนซินและดีเซลค่อนข้างตึงตัว หากประชาชนมีการแห่ไปเติมน้ำมัน 1-2 วันนี้มากผิดปกติเนื่องจากวันที่ 1 ก.พ.ราคาน้ำมันจะปรับขึ้นอีก 1.55 บาท/ลิตรจากการเก็บภาษีสรรพสามิต ทำให้ปั๊มปตท.บางส่วนอาจขาดแคลน โดยยืนยันว่า ปัญหาขาดแคลนที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ใช่มาจากการเก็งกำไร แต่มาจากน้ำมันในประเทศไม่เพียงพอจริง ๆ ซึ่งราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนี้ ทางผู้ค้าน้ำมันไม่ได้ประโยชน์เพราะเป็นการปรับขึ้นตามอัตราภาษี "
บางจาก-เชลล์สำรองน้ำมันให้เพียงพอต่อลูกค้า
นายสมชัย เตชะวณิช ผู้อำนวยการพัฒนาธุรกิจการตลาดค้าปลีก บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า ขณะนี้ได้กำชับปั๊มน้ำมันทั่วประเทศของบางจากให้มีการบริการประชาชนอย่างทั่วถึง และหากพบมีการเติมน้ำมันผิดปกติ เช่นนำถังมาเติมจำนวนมากก็ให้จำกัดการขาย พร้อมกันนี้ ยังไม่มีการจำหน่ายน้ำมันผ่านจ็อบเบอร์ เพื่อดูแลปั๊มน้ำมันของบางจากให้มีปริมาณน้ำมันที่เพียงพอกับความต้องการของประชาชนโดยได้เร่งเพิ่มสำรองให้มากขึ้นทุกปั๊มแล้ว
“ ยอมรับว่าถ้าคนแห่มาเติมมากเป็น 2-3 เท่าจากเดิมในบางปั๊มอาจจะขาดแคลนบ้างเพราะรถขนส่งน้ำมันกว่าจะไปส่งได้อาจใช้เวลาแต่เราจะพยายามให้เร็วสุดหากจะขาดก็น่าจะช่วงสั้นๆ “นายสมชัยกล่าว
นางสุทัศนี ทับทิม ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์เชลล์แห่งประเทศ กล่าวว่า เชลล์ได้เตรียมพร้อมให้ปั๊มน้ำมันสำรองน้ำมันให้เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภคเชื่อว่าคนจะแห่มาเติม 1-2 วันนี้แต่ห่วงวันเสาร์ที่บางจุดอาจจะต้องขาดแคลนบ้าง เพราะระบบขนส่งอาจไม่เพียงพอ
โรงกลั่นน้ำมันเดินเครื่องผลิตเต็มที่
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่าขณะนี้โรงกลั่นน้ำมันในประเทศใช้กำลังการกลั่นเต็มที่ เชื่อว่าจะมีน้ำมันเพียงพอที่จะป้อนให้กับผู้ค้าน้ำมันในช่วงนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางโรงกลั่นน้ำมันสตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง(SPRC)มีการทำระบบซอฟท์แวร์ที่จะส่งน้ำมันทางท่อรองรับการแยกธุรกิจระหว่างSPRC กับโรงกลั่นของPTTAR ทำให้ติดขัดเรื่องการส่งน้ำมันให้ปตท. แต่ขณะนี้ได้ดำเนินการและส่งน้ำมันเป็นที่เรียบร้อยเมื่อเช้าวานนี้ (30ม.ค.)
ด้านโรงกลั่นไทยออยล์ ยืนยันว่าขณะนี้มีการกลั่นน้ำมันอยู่ที่ 105% คิดเป็นกำลังการผลิต 2.8 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตได้ในช่วงนี้แทบจะไม่มีการส่งออก เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันในประเทศสูงขึ้นเป็นผลจากพฤติกรรมผู้บริโภคลดการใช้ก๊าซหุงต้มและก๊าซเอ็นจีวีมาเป็นน้ำมันแทน เพราะมีความสะดวกและราคาไม่แตกต่างกันมากนัก ส่งผลให้ดีมานด์การใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับปลายปีที่แล้ว