ปตท.ลุ้นรัฐบาลใหม่ เดินหน้านโยบายแยกราคาแอลพีจี 2 ตลาด กบง.เตรียมมัดมือชก “มาร์ค” เซ็นอนุมัติเงินอุดกระเป๋ากองทุนน้ำมันฯ หลังถูกบีบคอจ่ายชดเชยให้ ปตท.วงเงิน 8 พันล้าน นำเข้าแอลพีจีจากต่างประเทศ
วันนี้ (16 ธันวาคม 2551) นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงความคืบหน้าในการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) โดยยอมรับว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วานนี้ (15 ธ.ค.) มีมติเห็นชอบให้แบ่งราคาแอลพีจีเป็น 2 ประเภท สำหรับภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง และภาคครัวเรือน โดยให้มีการปรับขึ้นราคาภาคขนส่งและอุตสาหกรรมเดือนละ 2 บาทต่อกิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน
ทั้งนี้ เพื่อชดเชยภาระให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งได้ช่วยเหลืออุดหนุนราคาในช่วงที่ผ่านมาที่มีการนำเข้าแอลพีจีจากต่างประเทศราคาสูงกว่า 900 ดอลลาร์ต่อตัน โดบบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แม้ขณะนี้จะลดลงประมาณ 300 ดอลลาร์ต่อตัน เกือบเท่าราคาก๊าซในประเทศแล้วก็ตาม ซึ่งอาจจำเป็นต้องขยับขึ้นราคา เพื่อชดเชยภาระของกองทุนในช่วงที่ผ่านมาถึง 8,000 ล้านบาท
การเดินหน้านโยบายแยกราคาก๊าซแอลพีจี 2 ตลาด คงจะอยู่ที่นายกรัฐมนตรีใหม่จะเซ็นลงนามประกาศแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนจะประกาศใช้เมื่อใดสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จะหารือกับกรมการค้าภายใน เพื่อกำหนดวันที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการกักตุนไม่ให้กระทบต่อผู้บริโภค
ก่อนหน้านี้ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เคยคัดค้านไม่ต้องการให้ขยับขึ้นแอลพีจี แต่เห็นว่ามีภาระกองทุนที่ชดเชยไปแล้ว ซึ่งน่าจะมีการปรับขึ้นราคา รวมทั้งต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ด้วย
นายณัฐชาติ จารุจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ ปตท. กล่าวแสดงความมั่นใจ ว่า การเปลี่ยนขั้วรัฐบาล โดยมีพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำ ไม่น่าจะมีผลกับนโยบายด้านพลังงานมากนัก ขณะที่แผนการดำเนินงานของ ปตท.ในระยะสั้น ก็ยังคงดำเนินไปตามแผนเดิม โดยตั้งเป้าขยายสถานีให้บริการ NGV ให้ได้ 400 แห่งในปี 2552
