ผู้จัดการรายวัน -กพช.ถกวันนี้(13พ.ย.หารือแผนปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีเป็น 2 ราคาวงในเผยยังไม่เคาะขึ้นราคาแอลพีจีขนส่งและอุตสาหกรรมแต่เสนอแค่หลักการขึ้นทางอ้อมผ่านการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯแล้วนำมาใช้หนี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศเป็นประธานวันนี้(13พ.ย.) กระทรวงพลังงานจะเสนอให้มีการอนุมัติหลักการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ภาคขนส่งและอุตสาหกรรมเพื่อชะลอการนำเข้าแอลพีจีจากต่างประเทศที่มีราคาแพงด้วยการเปิดทางให้มีการแก้กฏระเบียบกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้สามารถเรียกเก็บเงินจากแอลพีจีขนส่งฯเข้ากองทุนฯได้จากปัจจุบันมีอำนาจเฉพาะการเรียกเก็บเงินฯจากน้ำมันเท่านั้น
“ การแก้ระเบียบจะต้องเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานหรือกบง. ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการเรียกเก็บเงินทางอ้อมเพื่อให้การบริหารเงินผ่านกองทุนน้ำมันฯนำมาใช้คืนหนี้ปตท.ง่ายกว่าการขึ้นราคาหน้าโรงกลั่นเช่นที่ผ่านมา ซึ่งหลักการดังกล่าวหลายฝ่ายมองว่าจะเป็นการซื้อเวลาการตัดสินใจขึ้นแอลพีจี”แหล่งข่าวกล่าว
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การประชุมกพช. วันนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะสามารถประกาศปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจีออกเป็น 2ราคาได้ทันทีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมว่าจะอนุมัติเพียงหลักการหรือจะพิจารณาทันที แต่ยืนยันว่าการปรับ 2 ราคาระหว่างราคาภาคครัวเรือน และขนส่ง/อุตสาหกรรม จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนภายในปี 2551 นี้
“ หากปรับราคาก็คงจะทยอยปรับและคงจะเพิ่มขึ้นไม่มากนักเพราะล่าสุดราคาแอลพีจีตลาดโลกเหลือเพียง 490 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 950 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งเป็นการลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวผลกระทบดังกล่าวได้ทำให้ความต้องการใช้ใน ภาคอุตสาหกรรม / ปิโตรเคมี ของไทยปรับลดลงตามไปด้วย จนการนำเข้าได้ปรับตัวลดลงไปตามลำดับ”รมว.พลังงานกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า การประชุมกพช.ยังจะมีการปรับอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานจาก น้ำมันดีเซล (บี2) จาก 50 สต. เป็น 75 สต./ลิตร เพื่อทำให้ส่วนต่างราคาของไบโอดีเซลบี 5 ถูกกว่า ดีเซลปกติ 1.50 บา /ลิตร สร้างแรงจูงใจให้มีการใช้บี5มากขึ้น ขณะเดียวกัน จะโอนเงินจากนกองทุนอนุรักษ์พลังงานฯ จำนวน 2,000 ล้านบาท มาไว้ที่กองทุนน้ำมันฯจากเดิม ที่จัดเก็บไว้จากผู้ใช้น้ำมันเพื่อรองรับการนำเงินไปนลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้า เนื่องจากกระทรวงคมนาคมยังไม่จำเป็นต้องใช้วงเงินดังกล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศเป็นประธานวันนี้(13พ.ย.) กระทรวงพลังงานจะเสนอให้มีการอนุมัติหลักการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ภาคขนส่งและอุตสาหกรรมเพื่อชะลอการนำเข้าแอลพีจีจากต่างประเทศที่มีราคาแพงด้วยการเปิดทางให้มีการแก้กฏระเบียบกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้สามารถเรียกเก็บเงินจากแอลพีจีขนส่งฯเข้ากองทุนฯได้จากปัจจุบันมีอำนาจเฉพาะการเรียกเก็บเงินฯจากน้ำมันเท่านั้น
“ การแก้ระเบียบจะต้องเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานหรือกบง. ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการเรียกเก็บเงินทางอ้อมเพื่อให้การบริหารเงินผ่านกองทุนน้ำมันฯนำมาใช้คืนหนี้ปตท.ง่ายกว่าการขึ้นราคาหน้าโรงกลั่นเช่นที่ผ่านมา ซึ่งหลักการดังกล่าวหลายฝ่ายมองว่าจะเป็นการซื้อเวลาการตัดสินใจขึ้นแอลพีจี”แหล่งข่าวกล่าว
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การประชุมกพช. วันนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะสามารถประกาศปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจีออกเป็น 2ราคาได้ทันทีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมว่าจะอนุมัติเพียงหลักการหรือจะพิจารณาทันที แต่ยืนยันว่าการปรับ 2 ราคาระหว่างราคาภาคครัวเรือน และขนส่ง/อุตสาหกรรม จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนภายในปี 2551 นี้
“ หากปรับราคาก็คงจะทยอยปรับและคงจะเพิ่มขึ้นไม่มากนักเพราะล่าสุดราคาแอลพีจีตลาดโลกเหลือเพียง 490 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 950 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งเป็นการลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวผลกระทบดังกล่าวได้ทำให้ความต้องการใช้ใน ภาคอุตสาหกรรม / ปิโตรเคมี ของไทยปรับลดลงตามไปด้วย จนการนำเข้าได้ปรับตัวลดลงไปตามลำดับ”รมว.พลังงานกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า การประชุมกพช.ยังจะมีการปรับอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานจาก น้ำมันดีเซล (บี2) จาก 50 สต. เป็น 75 สต./ลิตร เพื่อทำให้ส่วนต่างราคาของไบโอดีเซลบี 5 ถูกกว่า ดีเซลปกติ 1.50 บา /ลิตร สร้างแรงจูงใจให้มีการใช้บี5มากขึ้น ขณะเดียวกัน จะโอนเงินจากนกองทุนอนุรักษ์พลังงานฯ จำนวน 2,000 ล้านบาท มาไว้ที่กองทุนน้ำมันฯจากเดิม ที่จัดเก็บไว้จากผู้ใช้น้ำมันเพื่อรองรับการนำเงินไปนลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้า เนื่องจากกระทรวงคมนาคมยังไม่จำเป็นต้องใช้วงเงินดังกล่าว
