นายเชน เทือกสุบรรณ โฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมกลางปี พ.ศ. 2552 แถลงหลังการประชุมคณะกรรมาธิการฯว่า ที่ประชุมมีมติให้ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ โดยกำหนดกรอบการพิจารณา ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 5 ก.พ.เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาให้ความเห็น ในวาระ2 และ 3 ซึ่งคาดว่าจะประชุมได้ในวันที่ 11-12ก.พ.ต่อไป
นายเชน กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมกมธ.วิสามัญฯ ในวันที่ 30 ม.ค. จะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ได้แก่ รมช.การคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และหน่วยจัดเก็บรายได้มาร่วมชี้แจง และหลังจากนั้นจะมีการพิจารณางลประมาณโครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจะเชิญผู้แทนจากคณะกรรมการการกระจายอำนาจ มาร่วมชี้แจงในรายจ่ายที่เกี่ยวข้องด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเรื่องการกำหนดระยะเวลาในการพิจารณางบประมาณเพิ่มเติมฯ นั้น นายกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ ยืนยันกลางที่ประชุมว่า การจัดทำงบประมาณกลางปีในครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นความต้องการของรัฐบาลที่ต้องการให้เม็ดเงินสามารถลงไปในพื้นที่และถึงมือประชาชนอย่างรวดเร็วตามนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
ดังนั้น จึงอยากขอความร่วมมือจากกรรมาธิการทุกคนให้พิจารณาฉบับนี้ และคิดว่าควรพิจารณาให้เสร็จภายในวันที่ 4 ก.พ. โดยจะมีการประชุมวันเสาร์และอาทิตย์ด้วย พร้อมกับจะเสนอให้วุฒิสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ให้ได้ในวันที่ 20 ก.พ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการกำหนดกรอบการทำงานของนายกรณ์ดังกล่าว ทำให้ กรรมาธิการฯของพรรคเพื่อไทย แสดงความไม่พอใจอย่างมาก โดยในที่ประชุมนั้น นายวิทยา บูรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน นายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และนายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ ได้แสดงความคิดเห็นว่า กรรมาธิการฯควรให้ความสำคัญกับการพิจารณากฎหมายฉบับนี้เพราะมีประเด็นในเรื่องที่มาของรายได้ที่ต้องมาชดใช้ เงินคงคลังตามร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 หรือไม่ ซึ่งถ้าหาก มีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในเรื่องนี้รัฐบาลก็จะต้องประสบกับปัญหาอีก
นายวิทยาได้ตั้งข้อสังเกตุว่า มีหลายเรื่องที่ฝ่ายค้านต้องการสอบถาม จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาลตามงบประมาณครั้งนี้ โดยเฉพาะในเรื่องการจัดให้มีการเรียนฟรี 15 ปี รวมทั้งไม่อยากให้มีการประชุมในวันเสาร์และวันอาทิตย์ เพราะควรเว้นให้เป็นวันหยุดบ้าง เนื่องจากช่วงตรุษจีน ก็ต้องมาประชุมกัน ซึ่งเหนื่อยมากแล้ว ประกอบกับพรรคเพื่อไทยมีการสัมมนาพรรค ที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมาในวันที่ 2-3 ก.พ.ด้วย จึงอยากขอให้มีการเลื่อนออกไป เหมือนกับสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านก็ยังขออนุญาตให้มีการเลื่อนประชุมออกไปเพื่อให้กรรมาธิการฯของพรรคประชาธิปัตย์ไปประชุมพรรคได้ ดังนั้น จึงอยากให้มีการทบทวนในเรื่องนี้ ทำให้ต้องมีการขอความเห็นจากที่ประชุมอีกครั้ง ปรากฎว่านายกรณ์รับข้อเสนอของฝ่ายค้านในการงดประชุมในวันจันทร์แต่ยังคงการประชุมในวันอังคารตามเดิม
แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ว่า การกำหนดกรอบลักษณะนี้ของ พรรคประชาธิปัตย์ถือว่ามีการรวบรัดจนเกินไป เพราะแม้ครั้งนี้จะเป็นการพิจารณา งบกลางปีที่ไม่มีรายละเอียดมากเท่ากับงบประมาณรายจ่ายประจำปี แต่ในข้อเท็จจริง ของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้นั้นก็เป็นการกระจายงบประมาณให้กับหลายกระทรวงซึ่งต่างจากงบกลางปีที่ผ่านมา
นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน สมาชิก พรรคภูมิใจไทย ในฐานะกรรมาธิการฯกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยคงจะต้องมีการหารือกันอีกครั้งว่าจะมีการแปรญัตติในส่วนไหนบ้างเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งส่วนตัวเห็นว่ารัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงคมนาคมในโครงการ ถนนปลอดฝุ่น น้อยเกินไป เพียง 1.5 พันล้านบาทเท่านั้น เพราะการทำถนนเพื่อการคมนาคมให้มีประสิทธิภาพนั้นจะทำให้ผลกระทบต่อสุขภาพที่เกิดจากฝุ่นนั้นลดลงด้วย จึงอยากให้รัฐบาลสนับสนุนโครงการนี้
นายเชน กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมกมธ.วิสามัญฯ ในวันที่ 30 ม.ค. จะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ได้แก่ รมช.การคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และหน่วยจัดเก็บรายได้มาร่วมชี้แจง และหลังจากนั้นจะมีการพิจารณางลประมาณโครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจะเชิญผู้แทนจากคณะกรรมการการกระจายอำนาจ มาร่วมชี้แจงในรายจ่ายที่เกี่ยวข้องด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเรื่องการกำหนดระยะเวลาในการพิจารณางบประมาณเพิ่มเติมฯ นั้น นายกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ ยืนยันกลางที่ประชุมว่า การจัดทำงบประมาณกลางปีในครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นความต้องการของรัฐบาลที่ต้องการให้เม็ดเงินสามารถลงไปในพื้นที่และถึงมือประชาชนอย่างรวดเร็วตามนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
ดังนั้น จึงอยากขอความร่วมมือจากกรรมาธิการทุกคนให้พิจารณาฉบับนี้ และคิดว่าควรพิจารณาให้เสร็จภายในวันที่ 4 ก.พ. โดยจะมีการประชุมวันเสาร์และอาทิตย์ด้วย พร้อมกับจะเสนอให้วุฒิสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ให้ได้ในวันที่ 20 ก.พ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการกำหนดกรอบการทำงานของนายกรณ์ดังกล่าว ทำให้ กรรมาธิการฯของพรรคเพื่อไทย แสดงความไม่พอใจอย่างมาก โดยในที่ประชุมนั้น นายวิทยา บูรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน นายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และนายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ ได้แสดงความคิดเห็นว่า กรรมาธิการฯควรให้ความสำคัญกับการพิจารณากฎหมายฉบับนี้เพราะมีประเด็นในเรื่องที่มาของรายได้ที่ต้องมาชดใช้ เงินคงคลังตามร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 หรือไม่ ซึ่งถ้าหาก มีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในเรื่องนี้รัฐบาลก็จะต้องประสบกับปัญหาอีก
นายวิทยาได้ตั้งข้อสังเกตุว่า มีหลายเรื่องที่ฝ่ายค้านต้องการสอบถาม จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาลตามงบประมาณครั้งนี้ โดยเฉพาะในเรื่องการจัดให้มีการเรียนฟรี 15 ปี รวมทั้งไม่อยากให้มีการประชุมในวันเสาร์และวันอาทิตย์ เพราะควรเว้นให้เป็นวันหยุดบ้าง เนื่องจากช่วงตรุษจีน ก็ต้องมาประชุมกัน ซึ่งเหนื่อยมากแล้ว ประกอบกับพรรคเพื่อไทยมีการสัมมนาพรรค ที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมาในวันที่ 2-3 ก.พ.ด้วย จึงอยากขอให้มีการเลื่อนออกไป เหมือนกับสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านก็ยังขออนุญาตให้มีการเลื่อนประชุมออกไปเพื่อให้กรรมาธิการฯของพรรคประชาธิปัตย์ไปประชุมพรรคได้ ดังนั้น จึงอยากให้มีการทบทวนในเรื่องนี้ ทำให้ต้องมีการขอความเห็นจากที่ประชุมอีกครั้ง ปรากฎว่านายกรณ์รับข้อเสนอของฝ่ายค้านในการงดประชุมในวันจันทร์แต่ยังคงการประชุมในวันอังคารตามเดิม
แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ว่า การกำหนดกรอบลักษณะนี้ของ พรรคประชาธิปัตย์ถือว่ามีการรวบรัดจนเกินไป เพราะแม้ครั้งนี้จะเป็นการพิจารณา งบกลางปีที่ไม่มีรายละเอียดมากเท่ากับงบประมาณรายจ่ายประจำปี แต่ในข้อเท็จจริง ของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้นั้นก็เป็นการกระจายงบประมาณให้กับหลายกระทรวงซึ่งต่างจากงบกลางปีที่ผ่านมา
นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน สมาชิก พรรคภูมิใจไทย ในฐานะกรรมาธิการฯกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยคงจะต้องมีการหารือกันอีกครั้งว่าจะมีการแปรญัตติในส่วนไหนบ้างเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งส่วนตัวเห็นว่ารัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงคมนาคมในโครงการ ถนนปลอดฝุ่น น้อยเกินไป เพียง 1.5 พันล้านบาทเท่านั้น เพราะการทำถนนเพื่อการคมนาคมให้มีประสิทธิภาพนั้นจะทำให้ผลกระทบต่อสุขภาพที่เกิดจากฝุ่นนั้นลดลงด้วย จึงอยากให้รัฐบาลสนับสนุนโครงการนี้