ประธานวิปฯ ฝ่ายค้านเผยยังติดใจรัฐบาลแจงงบประมาณประจำปีไม่เคลียร์หลายประเด็น จ้องใช้กรรมาธิการสอบต่อ เหน็บบางนโยบายลอก “ออหมัก” ทั้งที่สถานการณ์เปลี่ยน
วันที่ (28 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรกมารประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี2552 ของรัฐบาลว่า การชี้แจงยังไม่ครบทุกประเด็น เช่น งบลงทุนประมาณ 7 พันล้านบาทนั้นมีรายละเอียดบางเรื่องที่มองว่าไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องทำจนต้องขอกู้เงินเพื่อนำมาสนองตอบนโยบายประชานิยม เพราะไม่เกิดประโยชน์ในการกระตุ้นอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ในส่วนของฝ่ายค้านจะตรวจสอบเรื่องที่ยังมีข้อสงสัย โดยใช้ขั้นตอนของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร หากตรวจสอบแล้วพบข้อมูลใดที่ไม่ถูกต้องตามที่นายกรัฐมนตรีตอบในสภาฯ เช่น 6 มาตรการ 6 เดือน และมาตรการขึ้นภาษีน้ำมัน ซึ่งมีข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงนำมาตรการปรับลดภาษีสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ดำเนินการ ซึ่งไม่สอดคลองกับสถานการณ์โลก ดังนั้นต้องดูว่าถูกต้องหรือเหมาะสมหรือไม่
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีงบที่สมาชิกส่วนใหญ่ท้วงติง คือ การใช้งบของกระทรวงศึกษาธิการ เช่น การซื้อชุดนักเรียน หนังสือเรียน จะมีความชอบธรรมในกระบวนการจัดซื้อหรือผู้รับมากแค่ไหน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผลจากการที่ฝ่ายค้านอภิปรายในสภาฯมีหลายประเด็นที่รัฐบาลต้องนำไปคิดและหนักใจพอสมควรจนถึงขั้นอาจพิจารณาปรับ ครม. ซึ่งเท่ากับว่านายกฯยอมรับข้อท้วงติงของฝ่ายค้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับ ครม.นั้น มองว่าควรให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาได้มีโอกาสชี้แจงเหตุผลก่อนหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า นายกฯ คงทราบดี และมีกระบวนการในการตัดสินใจไว้แล้ว ถ้าคิดจะทำงานให้เกิดความโปร่งใส ส่วนจะปรับหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ
วันที่ (28 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรกมารประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี2552 ของรัฐบาลว่า การชี้แจงยังไม่ครบทุกประเด็น เช่น งบลงทุนประมาณ 7 พันล้านบาทนั้นมีรายละเอียดบางเรื่องที่มองว่าไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องทำจนต้องขอกู้เงินเพื่อนำมาสนองตอบนโยบายประชานิยม เพราะไม่เกิดประโยชน์ในการกระตุ้นอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ในส่วนของฝ่ายค้านจะตรวจสอบเรื่องที่ยังมีข้อสงสัย โดยใช้ขั้นตอนของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร หากตรวจสอบแล้วพบข้อมูลใดที่ไม่ถูกต้องตามที่นายกรัฐมนตรีตอบในสภาฯ เช่น 6 มาตรการ 6 เดือน และมาตรการขึ้นภาษีน้ำมัน ซึ่งมีข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงนำมาตรการปรับลดภาษีสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ดำเนินการ ซึ่งไม่สอดคลองกับสถานการณ์โลก ดังนั้นต้องดูว่าถูกต้องหรือเหมาะสมหรือไม่
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีงบที่สมาชิกส่วนใหญ่ท้วงติง คือ การใช้งบของกระทรวงศึกษาธิการ เช่น การซื้อชุดนักเรียน หนังสือเรียน จะมีความชอบธรรมในกระบวนการจัดซื้อหรือผู้รับมากแค่ไหน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผลจากการที่ฝ่ายค้านอภิปรายในสภาฯมีหลายประเด็นที่รัฐบาลต้องนำไปคิดและหนักใจพอสมควรจนถึงขั้นอาจพิจารณาปรับ ครม. ซึ่งเท่ากับว่านายกฯยอมรับข้อท้วงติงของฝ่ายค้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับ ครม.นั้น มองว่าควรให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาได้มีโอกาสชี้แจงเหตุผลก่อนหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า นายกฯ คงทราบดี และมีกระบวนการในการตัดสินใจไว้แล้ว ถ้าคิดจะทำงานให้เกิดความโปร่งใส ส่วนจะปรับหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ