วิปรัฐฯ แก้เผ็ด พท.ตีรวน ขู่ปิดอภิปรายหนี ลงมติรับร่างงบฯ พรุ่งนี้

ที่ประชุมวิปรัฐบาล ย้ำให้ ส.ส.พรรคร่วมเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายกลางปีในวันที่ 11-12 ก.พ.อย่างพร้อมเพรียง เพื่อลงมติรับหลักการในวาระ 2 และ 3 ขู่ฝ่ายค้านตีรวนเจอปิดอภิปรายหนี พร้อมเฉือนเนื้อ ปธ.กมธ.พรรคกิจสังคมเป็นสินน้ำใจ

วันนี้ (10 ก.พ.) ในการประชุมประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. จากนั้น นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าจะให้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 2552 วาระสอง และวาระสาม ในวันที่ 11 และ 12 ก.พ.นี้ โดยจะลงมติเป็นรายมาตรา ดังนั้นจึงขอให้สมาชิกร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน เพราะที่ผ่านมาที่มีเหตุการณ์ขอนับองค์ประชุมนั้น มาจากสมาชิกอาจเห็นว่าเป็นการประชุมครั้งแรกเพื่อรับหลักการ ซึ่งคงไม่มีการขอนับองค์ประชุมอย่างพร่ำเพรื่อ ซึ่งเมื่อผ่านเหตุการณ์นั้นมาแล้ว สมาชิกได้ให้ความร่วมมือเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียงกันทุกครั้ง

ทั้งนี้ พรรคร่วมเห็นตรงกันว่าจะต้องดำเนินการ เพื่อให้องค์ประชุมเพราะไม่อยากให้ยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวนอกสภาฯ และการพยามที่จะป่วนสภาฯ เกิดขึ้น ดังนั้น เชื่อว่าจากนี้ส.ส.จะเข้าร่วมประชุม โดยครบองค์ประชุมทุกครั้ง เนื่องจากเห็นว่ามีการพยามที่จะเคลื่อนไหวปิดล้อมนอกสภาฯ แต่ถ้าฝ่ายค้านยังพยามที่จะขอให้นับองค์ประชุม เพื่อหวังจะป่วนสภาฯอย่างพร่ำเพรื่อ อยากเตือนว่าจะเกิดผลเสียกับพรรคเพื่อไทยเอง และรัฐบาลก็อาจจะเสนอให้ปิดการอภิปราย ก่อนลงมติเพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมา

นายชินวรณ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีสมาชิกที่อยู่ในวิปรัฐบาลที่เป็นผู้ช่วยส.ส. ผู้เชี่ยวชาญ หรือเป็น ส.ส.ก็ได้ ที่เสนอตัวอาสาเป็นม้าเร็ว ในการอำนวยความสะดวก ให้กับสมาชิกที่จะต้องเข้าร่วมประชุม เช่นการเดินงานด้านเอกสารต่างๆ เช่น จดหมายราชการ รวมถึงการรับเรื่องร้องเรียน เป็นต้น เพื่อไม่ให้สมาชิกขาดองค์ประชุม ทั้งนี้ยังได้ขอความร่วมมือจากรมต.ที่มีภาระกิจที่ตรงกับวันประชุมสภาฯ ขอให้ย้ายสถานที่มาประชุมกันที่รัฐสภาแทน นอกจากนี้ในวันที่ 11 กพ.ทางประธานสภาฯ จะทำการประสานมายังวิปรัฐบาล เพื่อขอให้งดการประชุมคณะกรรมาธิการในช่วงบ่ายเพื่อให้การประชุมสภาฯผ่านร่างพรบ.รายจ่ายเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นไปอย่างราบรื่น

นอกจากนี้ ที่ประชุมวิปรัฐบาลยังได้มีมติให้แต่งตั้งตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาฯ35 คณะๆ ละ15 คน ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 135 (5) ที่ระบุให้การ แต่งตั้งคณะกรรมาธิการให้ใกล้เคียงกับจำนวน ส.ส.แต่ละพรรคการเมือง โดยที่ประชุมได้ข้อสรุปในส่วน ตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ โดยพรรคเพื่อไทยได้ 14 คณะจาก 16 คณะ พรรคประชาธิปัตย์ 13 คณะ ภูมิใจไทย, เพื่อแผ่นดิน, ชาติไทยพัฒนา 2 คณะ ประชาราช 1 คณะ ส่วนพรรคกิจสังคมมี ส.ส.5 คน มีอัตรส่วนของกรรมาธิการเพียงร้อยละ 37 แต่ที่ประชุมเห็นว่า เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเห็นสมควร ให้มีตำแหน่งประธานกรรมาธิการสามัญด้วย โดยจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป เพื่อให้โควตาประธานคณะกรรมาธิการกับพรรคกิจสังคม ซึ่งคาดว่าจะเป็นกรรมาธิการพัฒนาการเมือง นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมาธิการสองชุดคือ ประธานคณะกรรมการคมนาคม และกรรมาธิการพานิชย์ เนื่องจากประธานชุดเดิม ต้องพ้นสภาฯ เนื่องจากพรรคพลังประชาชนถูกยุบ ที่ประชุมจึงได้มอบหมายให้พรรคภูมิใจไทยไปเจรจาตกลงกับพรรคเพื่อไทย ในโควตาดังกล่าว ทั้งนี้เชื่อว่าจะตกลงกันได้

ต่อข้อถามว่าถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ยอมให้ประธาน กมธ.ทั้งสองชุดกับพรรคภูมิใจไทย นายชินวรณ์ กล่าวว่า ตามข้อบังคับข้อ 99 จำนวนสัดส่วนที่สอดคล้องกับจำนวนสมาชิกกรรมาธิการ เมื่อสัดส่วนจำนวนสมาชิกของพรรคเพื่อไทยลดลง คณะกรรมาธิการก็ต้องลดลงไปด้วย