00 กลายเป็นว่าถึงเวลาต้องชำระสะสางกันขนานใหญ่ สำหรับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทั้งขนาดใหญ่ไล่ลงมาจนถึงขนาดกลาง และเล็ก จะด้วยวิกฤต “แฮมเบอร์เกอร์” เป็นต้นตอหรือเปล่า เนื่องจากดูตัวเลขในบัญชีแล้วล้วน “แดงเถือก”ไปหมด ไม่อาจปกปิดซุกซ่อนได้อีกต่อไป ถ้าขืนไม่รีบจัดการฉับไวรับรอง “เจ๊ง” แหงๆ
00 เห็นกันชัดๆ ตอนนี้เถียงกันไม่ออกก็คือ การบินไทย การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) การเคหะฯ การรถไฟ ขสมก. ฯลฯ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพแค่นี้ก่อน อย่างการบินไทยสาเหตุการขาดทุนจน “ใกล้ล้ม” มาจากหลายเรื่องราว แต่รับรองว่าไม่น่าจะใช่เรื่องพันธมิตรฯ ปิดสนามบินแน่นอน กลายเป็นว่าแตะไปที่หน่วยงานไหนเจอแต่เรื่อง “เน่า” ทั้งสิ้น
00 เท่าที่รู้มามันมีหลายเรื่องที่กลบกันเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ 330-300 จำนวน 8 ลำ มูลค่าตามตัวเลขกลมๆ 1 หมื่นล้านบาท และที่สำคัญหนักหน่วงกว่านั้นก็คือ การไปทำสัญญาซื้อน้ำมันล่วงหน้า ในช่วงที่ราคากำลังผันผวน และบังเอิญว่าเป็นช่วงที่ราคากำลังพุ่งสูงปรี๊ด ไปทำสัญญาซื้อในราคา 140 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ไม่รู้ว่าเวรกรรมแต่ปางไหนวันรุ่งขึ้นราคาดันดิ่งลงๆจนเหลือเฉลี่ยแค่ 40 เหรียญ
00 เอาเป็นว่า สรุปตัวเลขเบ็ดเสร็จก็คือทำสัญญาล่วงหน้าแค่ 6 เดือนเจ๊งทันที 3.4 พันล้านบาท และถ้าบังเอิญไปทำสัญญา “ล็อก” เอาไว้ถึง 2 ปี ตามที่เป็นข่าวจริงๆ แล้วมันจะเจ๊งกันขนาดไหนล่ะ พ่อแม่พี่น้องเอ๊ย!!
00 นอกจากนี้หากไปสืบสาวราวเรื่องกันจริงๆ ยังมีรายจ่ายยุบยับไปหมด ทั้งเงินเดือน ค่าตอบแทน เบี้ยประชุม โบนัส ว่ากันเฉพาะระดับผู้บริหารก็ล้วนสูงเกินจริง นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบให้เห็นภาพคือจ้างพนักงานการบินไทย 1 คน เท่ากับอัตราจ้างพนักงานบริษัทการบินเอกชนได้ถึง 5 คน แค่นี้ก็เห็นภาพแล้ว
00 การที่รัฐมนตรี “เพื่อนเนวิน” โสภณ ซารัมย์ ฮึ่มฮั่มจะเข้าไปรื้อกันขนานใหญ่ ภาพภายนอกออกมาเป็นเจตนาดีต้องการกวาดล้าง “เหลือบ” ออกไป ต้องการยกเครื่องแก้ปัญหาขาดทุนก่อนล้มครืน แต่ให้จับตาดูว่าจะมีรายการ“เหลือบเก่า”ไป เหลือบใหม่เข้ามาแทน
00 การท่าฯก็เหมือนกัน โชคดีที่การประชุม“สอดไส้”บอร์ดบริหารชุดใหม่ล่มลงเสียก่อน ไม่เช่นนั้นก็เสร็จสมอารมณ์หมายกันไปแล้ว แต่ที่ข้องใจก็คือ ทำไมกระทรวงการคลัง ฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ รัฐมตรี “กรณ์ จาติกวณิช” ถึง“หงอ” จนผิดสังเกต แทนที่จะเป็นฝ่ายที่น่าจะเสียงแข็ง“คุมเกม” กลับกลายเป็นว่า แล้วแต่เพื่อนเนวิน ว่ากันไป ไม่ก้าวก่ายไปเสียฉิบ
00 เป็นรายการ “ย้อนศร” ประชานิยมกันถึงขนาด เอากันให้จุกอกกันไปเลย หลังจากปล่อยล็อตแรกกันไปชุดใหญ่ ยังไม่หนำใจ เอาไปอีกชุด “ซื้อใจ” ให้ทั่วถึง ล่าสุดรัฐบาล “มาร์ค” ใจดีโปรยเงินในโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพ “2 พันบาท” ให้กับเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ถ้าคิดเป็นตัวเลขก็จะมีคนที่ได้รับเพิ่มอีก 3.8 หมื่นคน
00 อานิสงส์ในคราวนี้ยังส่งไปถึงบรรดากำนันผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ถือว่า“นำร่อง” ไปก่อน เพราะอีกไม่นานจะมีรายการ “ขึ้นเงินเดือน” กันอีกเท่าตัว “ไม่เคลิ้ม” คราวนี้ก็ให้มันรู้กันไป !!
00 เห็นกันชัดๆ ตอนนี้เถียงกันไม่ออกก็คือ การบินไทย การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) การเคหะฯ การรถไฟ ขสมก. ฯลฯ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพแค่นี้ก่อน อย่างการบินไทยสาเหตุการขาดทุนจน “ใกล้ล้ม” มาจากหลายเรื่องราว แต่รับรองว่าไม่น่าจะใช่เรื่องพันธมิตรฯ ปิดสนามบินแน่นอน กลายเป็นว่าแตะไปที่หน่วยงานไหนเจอแต่เรื่อง “เน่า” ทั้งสิ้น
00 เท่าที่รู้มามันมีหลายเรื่องที่กลบกันเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ 330-300 จำนวน 8 ลำ มูลค่าตามตัวเลขกลมๆ 1 หมื่นล้านบาท และที่สำคัญหนักหน่วงกว่านั้นก็คือ การไปทำสัญญาซื้อน้ำมันล่วงหน้า ในช่วงที่ราคากำลังผันผวน และบังเอิญว่าเป็นช่วงที่ราคากำลังพุ่งสูงปรี๊ด ไปทำสัญญาซื้อในราคา 140 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ไม่รู้ว่าเวรกรรมแต่ปางไหนวันรุ่งขึ้นราคาดันดิ่งลงๆจนเหลือเฉลี่ยแค่ 40 เหรียญ
00 เอาเป็นว่า สรุปตัวเลขเบ็ดเสร็จก็คือทำสัญญาล่วงหน้าแค่ 6 เดือนเจ๊งทันที 3.4 พันล้านบาท และถ้าบังเอิญไปทำสัญญา “ล็อก” เอาไว้ถึง 2 ปี ตามที่เป็นข่าวจริงๆ แล้วมันจะเจ๊งกันขนาดไหนล่ะ พ่อแม่พี่น้องเอ๊ย!!
00 นอกจากนี้หากไปสืบสาวราวเรื่องกันจริงๆ ยังมีรายจ่ายยุบยับไปหมด ทั้งเงินเดือน ค่าตอบแทน เบี้ยประชุม โบนัส ว่ากันเฉพาะระดับผู้บริหารก็ล้วนสูงเกินจริง นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบให้เห็นภาพคือจ้างพนักงานการบินไทย 1 คน เท่ากับอัตราจ้างพนักงานบริษัทการบินเอกชนได้ถึง 5 คน แค่นี้ก็เห็นภาพแล้ว
00 การที่รัฐมนตรี “เพื่อนเนวิน” โสภณ ซารัมย์ ฮึ่มฮั่มจะเข้าไปรื้อกันขนานใหญ่ ภาพภายนอกออกมาเป็นเจตนาดีต้องการกวาดล้าง “เหลือบ” ออกไป ต้องการยกเครื่องแก้ปัญหาขาดทุนก่อนล้มครืน แต่ให้จับตาดูว่าจะมีรายการ“เหลือบเก่า”ไป เหลือบใหม่เข้ามาแทน
00 การท่าฯก็เหมือนกัน โชคดีที่การประชุม“สอดไส้”บอร์ดบริหารชุดใหม่ล่มลงเสียก่อน ไม่เช่นนั้นก็เสร็จสมอารมณ์หมายกันไปแล้ว แต่ที่ข้องใจก็คือ ทำไมกระทรวงการคลัง ฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ รัฐมตรี “กรณ์ จาติกวณิช” ถึง“หงอ” จนผิดสังเกต แทนที่จะเป็นฝ่ายที่น่าจะเสียงแข็ง“คุมเกม” กลับกลายเป็นว่า แล้วแต่เพื่อนเนวิน ว่ากันไป ไม่ก้าวก่ายไปเสียฉิบ
00 เป็นรายการ “ย้อนศร” ประชานิยมกันถึงขนาด เอากันให้จุกอกกันไปเลย หลังจากปล่อยล็อตแรกกันไปชุดใหญ่ ยังไม่หนำใจ เอาไปอีกชุด “ซื้อใจ” ให้ทั่วถึง ล่าสุดรัฐบาล “มาร์ค” ใจดีโปรยเงินในโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพ “2 พันบาท” ให้กับเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ถ้าคิดเป็นตัวเลขก็จะมีคนที่ได้รับเพิ่มอีก 3.8 หมื่นคน
00 อานิสงส์ในคราวนี้ยังส่งไปถึงบรรดากำนันผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ถือว่า“นำร่อง” ไปก่อน เพราะอีกไม่นานจะมีรายการ “ขึ้นเงินเดือน” กันอีกเท่าตัว “ไม่เคลิ้ม” คราวนี้ก็ให้มันรู้กันไป !!