รายงานข่าวจากสำนักงานคณธกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) แจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ก.พ.ครั้งแรกที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีประเด็นสำคัญคือ จัดทำมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง โดยจำแนกตำแหน่งเป็นประเภทและสายงานตามลักษณะงาน เพื่อเป็นหลักในการกำหนดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ รวม 245 สายงาน จำแนกตามประเภทตำแหน่ง แบ่งเป็นตำแหน่งประเภทบริหาร 4 สายงาน ตำแหน่งประเภทอำนวยการ 3 สายงาน ตำแหน่งประเภทวิชาการ 149 สายงาน และตำแหน่งประเภททั่วไปจำนวน 89 สายงาน
ส่วนการจัดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญของทุกส่วนราชการเข้าประเภทตำแหน่ง สายงาน และระดับตำแหน่งตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งแล้วเสร็จ รวม 381,377 ตำแหน่ง จำแนกตามประเภทตำแหน่ง เป็นตำแหน่งประเภทวิชาการ ร้อยละ 65.35 รองลงมาเป็นตำแหน่งประเภททั่วไป ร้อยละ 32.78 ตำแหน่งประเภทอำนวยการ ร้อยละ 1.59 และตำแหน่งประเภทบริหาร ร้อยละ 0.28 ตามลำดับ
ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ร้อยละ 46.43 รองลงมาเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย ร้อยละ 11.46 และเป็นข้าราชการ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยละ 10.05
กรณีจำแนกตามกลุ่มอาชีพ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุข ร้อยละ 43.48 รองลงมาเป็นกลุ่มบริหาร อำนวยการ ธุรการ งานสถิติ งานนิติการ งานการทูตและต่างประเทศ ร้อยละ 22.27 กลุ่มคลัง การเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม ร้อยละ 12.14
ส่วนสายงานที่มีข้าราชการมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ พยาบาลวิชาชีพ ร้อยละ 21.04 นักวิชาการสาธารณสุข ร้อยละ 6.21 เจ้าพนักงานธุรการ ร้อยละ 5.38 เจ้าพนักงานสาธารณสุข ร้อยละ 3.57 นายแพทย์ ร้อยละ 3.54 เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ร้อยละ 2.56 เจ้าพนักงานปกครอง ร้อยละ 1.97 นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ร้อยละ 1.96 นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ร้อยละ 1.87 และนักจัดการงานทั่วไป ร้อยละ 1.85
ทั้งนี้ ก.พ. ได้จัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติในเรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการปรับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ข้าราชการพลเรือนสามัญเข้าตามบัญชีท้าย พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
การกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการและระดับทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์ ทักษะ และสมรรถนะ การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ รวมทั้งการกำหนดเหตุพิเศษ หลักเกณฑ์และวิธีการให้ส่วนราชการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ได้โดยไม่ต้องสอบแข่งขันในกรณีต่างๆ ตามที่กำหนด การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับรองคุณวุฒิ อัตราเงินเดือนหรือค่าตอบแทน
รวมทั้งระดับและประเภทตำแหน่งของผู้ที่ส่วนราชการประสงค์จะบรรจุเข้ารับราชการตามที่กำหนด กำหนดการดำเนินการตาม บทเฉพาะกาล มาตรา 132 วรรคสอง และมาตรา 137 ในระหว่างที่ยังมิได้ตราพระราชกฤษฎีกาและออกกฎ ก.พ. ข้อบังคับ และระเบียบ หรือกำหนดกรณีเพื่อปฏิบัติการตามบทบัญญัติ ในลักษณะ 4 และลักษณะ 5 ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการหลายเรื่อง เช่น การดำเนินการกรณีถูกกล่าวหา ว่ากระทำผิดวินัย กรณีการลงโทษหรือให้ออกจากราชการ ในกรณีที่จะต้องส่งเรื่องให้ อ.ก.พ. สามัญ และกรณีการพักราชการหรือให้ออกจากราชการ เป็นต้น ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ.ได้จัดประชุมชี้แจงส่วนราชการเพื่อซักซ้อมความเข้าใจการดำเนินงานดังกล่าวแล้ว
สำหรับเรื่องสำคัญที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ การกระจายอำนาจ การกำหนดตำแหน่ง การใช้สมรรถนะในการบริหารทรัพยากรบุคคล การบริหารผล การปฏิบัติงาน การเลื่อนเงินเดือน การปรับบัญชีเงินเดือนข้าราชการ เสรีภาพในการรวมกลุ่มของข้าราชการพลเรือนสามัญ การพัฒนาข้าราชการตั้งแต่ระดับแรกบรรจุจนถึงระดับผู้บริหาร ข้อบังคับว่าด้วยจรรยาข้าราชการ และระบบวินัยใหม่
อย่างไรก็ดี การจัดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญเข้าประเภทตำแหน่ง สายงาน และระดับตำแหน่งของทุกส่วนราชการ รวมทั้งสิ้น 381,377 ตำแหน่ง ปรากฏว่ายังคงมีตำแหน่งว่างจากการเกษียณอายุราชการเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 และตำแหน่งว่าง โดยเหตุอื่นรวม 24,136 ตำแหน่ง ซึ่งสามารถใช้รองรับการบรรจุแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ เพื่อแก้ปัญหาคนว่างงาน ตามนโยบายเร่งด่วน ในด้านการเร่งรัดดำเนินการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ถูกเลิกจ้างและผู้ว่างงานอันเนื่องมาจากวิกฤตเศรษฐกิจได้ ที่ประชุม เห็นควรกำหนดเป็นนโยบาย ให้ส่วนราชการต่างๆ เร่งดำเนินการสรรหาบุคคลมาบรรจุแต่งตั้ง ในอัตราว่างดังกล่าวซึ่งควรดำเนินการอย่างมียุทธศาสตร์ โดยจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
ส่วนการจัดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญของทุกส่วนราชการเข้าประเภทตำแหน่ง สายงาน และระดับตำแหน่งตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งแล้วเสร็จ รวม 381,377 ตำแหน่ง จำแนกตามประเภทตำแหน่ง เป็นตำแหน่งประเภทวิชาการ ร้อยละ 65.35 รองลงมาเป็นตำแหน่งประเภททั่วไป ร้อยละ 32.78 ตำแหน่งประเภทอำนวยการ ร้อยละ 1.59 และตำแหน่งประเภทบริหาร ร้อยละ 0.28 ตามลำดับ
ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ร้อยละ 46.43 รองลงมาเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย ร้อยละ 11.46 และเป็นข้าราชการ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยละ 10.05
กรณีจำแนกตามกลุ่มอาชีพ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุข ร้อยละ 43.48 รองลงมาเป็นกลุ่มบริหาร อำนวยการ ธุรการ งานสถิติ งานนิติการ งานการทูตและต่างประเทศ ร้อยละ 22.27 กลุ่มคลัง การเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม ร้อยละ 12.14
ส่วนสายงานที่มีข้าราชการมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ พยาบาลวิชาชีพ ร้อยละ 21.04 นักวิชาการสาธารณสุข ร้อยละ 6.21 เจ้าพนักงานธุรการ ร้อยละ 5.38 เจ้าพนักงานสาธารณสุข ร้อยละ 3.57 นายแพทย์ ร้อยละ 3.54 เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ร้อยละ 2.56 เจ้าพนักงานปกครอง ร้อยละ 1.97 นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ร้อยละ 1.96 นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ร้อยละ 1.87 และนักจัดการงานทั่วไป ร้อยละ 1.85
ทั้งนี้ ก.พ. ได้จัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติในเรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการปรับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ข้าราชการพลเรือนสามัญเข้าตามบัญชีท้าย พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
การกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการและระดับทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์ ทักษะ และสมรรถนะ การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ รวมทั้งการกำหนดเหตุพิเศษ หลักเกณฑ์และวิธีการให้ส่วนราชการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ได้โดยไม่ต้องสอบแข่งขันในกรณีต่างๆ ตามที่กำหนด การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับรองคุณวุฒิ อัตราเงินเดือนหรือค่าตอบแทน
รวมทั้งระดับและประเภทตำแหน่งของผู้ที่ส่วนราชการประสงค์จะบรรจุเข้ารับราชการตามที่กำหนด กำหนดการดำเนินการตาม บทเฉพาะกาล มาตรา 132 วรรคสอง และมาตรา 137 ในระหว่างที่ยังมิได้ตราพระราชกฤษฎีกาและออกกฎ ก.พ. ข้อบังคับ และระเบียบ หรือกำหนดกรณีเพื่อปฏิบัติการตามบทบัญญัติ ในลักษณะ 4 และลักษณะ 5 ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการหลายเรื่อง เช่น การดำเนินการกรณีถูกกล่าวหา ว่ากระทำผิดวินัย กรณีการลงโทษหรือให้ออกจากราชการ ในกรณีที่จะต้องส่งเรื่องให้ อ.ก.พ. สามัญ และกรณีการพักราชการหรือให้ออกจากราชการ เป็นต้น ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ.ได้จัดประชุมชี้แจงส่วนราชการเพื่อซักซ้อมความเข้าใจการดำเนินงานดังกล่าวแล้ว
สำหรับเรื่องสำคัญที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ การกระจายอำนาจ การกำหนดตำแหน่ง การใช้สมรรถนะในการบริหารทรัพยากรบุคคล การบริหารผล การปฏิบัติงาน การเลื่อนเงินเดือน การปรับบัญชีเงินเดือนข้าราชการ เสรีภาพในการรวมกลุ่มของข้าราชการพลเรือนสามัญ การพัฒนาข้าราชการตั้งแต่ระดับแรกบรรจุจนถึงระดับผู้บริหาร ข้อบังคับว่าด้วยจรรยาข้าราชการ และระบบวินัยใหม่
อย่างไรก็ดี การจัดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญเข้าประเภทตำแหน่ง สายงาน และระดับตำแหน่งของทุกส่วนราชการ รวมทั้งสิ้น 381,377 ตำแหน่ง ปรากฏว่ายังคงมีตำแหน่งว่างจากการเกษียณอายุราชการเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 และตำแหน่งว่าง โดยเหตุอื่นรวม 24,136 ตำแหน่ง ซึ่งสามารถใช้รองรับการบรรจุแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ เพื่อแก้ปัญหาคนว่างงาน ตามนโยบายเร่งด่วน ในด้านการเร่งรัดดำเนินการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ถูกเลิกจ้างและผู้ว่างงานอันเนื่องมาจากวิกฤตเศรษฐกิจได้ ที่ประชุม เห็นควรกำหนดเป็นนโยบาย ให้ส่วนราชการต่างๆ เร่งดำเนินการสรรหาบุคคลมาบรรจุแต่งตั้ง ในอัตราว่างดังกล่าวซึ่งควรดำเนินการอย่างมียุทธศาสตร์ โดยจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป