xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตพยาบาล! แห่ลาออกปีละ 3 พันคน เด็กจบใหม่ไหลไปภาคเอกชน เหตุเครียด-ภาระหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
สธ.เผยสถานการณ์ขาดแคลนพยาบาลใกล้ถึงขั้นวิกฤต ลาออกปีละกว่า 3,000 คน ส่วนพยาบาลจบใหม่ร้อยละ 50 ไหลไปภาคเอกชน เหลือแต่พยาบาลอายุมากทำงาน ต้องรับภาระงานหนัก เครียด-อ่อนล้า เริ่มทยอยลาออก หวั่นกระทบคุณภาพบริการ เร่งเจรจา ก.พ.บรรจุพยาบาลเป็นข้าราชการอีก 12,500 คน

นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมาตรการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพยาบาล ภายหลังเปิดประชุมวิชาการชมรมพยาบาลชุมชนแห่งประเทศไทย ประจำปี 2551 เมื่อเช้าวันนี้ (19 มกราคม 2552) ที่โรงแรมอมารี แอร์พอร์ต กทม.ว่า การขาดแคลนพยาบาลของประเทศไทย เป็นปัญหาเรื้อรัง มีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้น ล่าสุดปี 2551 สภาพยาบาลรายงานว่า มีพยาบาลลาออกจากระบบราชการ รวมทั้งเปลี่ยนสายงาน เฉลี่ยร้อยละ 3 ต่อปีหรือประมาณ 3,000 คน สาเหตุเนื่องจากค่าตอบแทนต่ำ แต่รับภาระงานหนัก รวมถึงการขาดสวัสดิการและแรงจูงใจให้ปฏิบัติงาน ที่สำคัญยังพบว่าพยาบาลที่จบใหม่จากวิทยาลัยพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ปีละประมาณ 2,500 คน ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 1,200 คน ไม่ทำงานในโรงพยาบาลรัฐ เนื่องจากเป็นเพียงลูกจ้างไม่ได้เป็นข้าราชการ จึงไม่ได้รับสิทธิสวัสดิการต่างๆ เช่น สิทธิค่ารักษาพยาบาลพ่อแม่ สรุปแล้วขณะนี้จำนวนพยาบาลจบใหม่ที่จะทดแทนพยาบาลที่ลาออกไป อยู่ในสถานะติดลบปีละกว่า 2,000 คน

ข้อมูลจากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ ในปี 2550 มีพยาบาลวิชาชีพในระบบ 105,398 คน ในขณะที่มีผู้ใช้บริการเป็นผู้ป่วยนอกเกือบ 40 ล้านคน มีผู้ป่วยที่มีอาการหนักต้องนอนโรงพยาบาล 9 ล้านกว่าคน เมื่อคำนวณความต้องการพยาบาลวิชาชีพ เพื่อรองรับบริการสุขภาพที่เพิ่มขึ้น จะต้องมีพยาบาลทั้งหมด 130,000 คน ยังขาดอีกประมาณ 24,000 คน จึงจะได้สัดส่วนพยาบาลต่อประชากรที่เหมาะสมตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก คือ 1 ต่อ 500 ที่น่าเป็นห่วง พยาบาลที่เหลืออยู่ในระบบขณะนี้ ร้อยละ80 อยู่ในวัยกลางคนอายุ30 ปีขึ้นไป บางแห่งพยาบาลอายุ 50 ปีต้องอยู่เวรยามวิกาลและวันหยุดราชการ พยาบาลวิชาชีพ 1 คน รับภาระดูแลผู้ป่วยทั้งตึก 30-40 คน ทำให้เครียดอ่อนล้า เริ่มทยอยลาออก หากไม่มีการแก้ไขจะมีผลกระทบต่อคุณภาพบริกาในอนาคตแน่นอน

นายมานิต กล่าวต่อว่า การแก้ไขปัญหาขาดพยาบาล ต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยผลิตหน่วยบรรจุข้าราชการ และหน่วยงบประมาณเงินเดือน ค่าตอบแทนต่างๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากกำลังคนด้านพยาบาลไม่สามารถใช้บุคลากรอื่นทดแทนได้ เบื้องต้นกระทรวงสาธารณสุขได้วางแนวนโยบายการแก้ไขไว้ 4 ข้อ ได้แก่ 1.ขอสำนักก.พ.บรรจุพยาบาลจำนวน 12,500 คน ที่เป็นลูกจ้างอยู่ปัจจุบัน 10,000 คน และที่กำลังจะจบในเดือนมีนาคม 2552 อีก 2,500 คน รวมทั้งเปลี่ยนสายงานข้าราชการที่มีวุฒิการศึกษาพยาบาล อีก 3,000 คน 2.ปรับเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนให้สูงขึ้นและขยายโอกาสความก้าวหน้า 3.สนับสนุนการเรียนต่อระดับปริญญาโท-เอก การศึกษาดูงานเพื่อเพิ่มศักยภาพให้สูงขึ้น 4.การผลิตผู้ช่วยพยาบาลหลักสูตร 1 ปี เพิ่มปีละประมาณ 1,000 คน เริ่มผลิตตั้งแต่ปี 2551

ด้านนายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่าการประชุมวิชาการครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 มกราคม 2552 มีการนำเสนอผลงานวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาสาธารณสุขในพื้นที่ 368 เรื่อง เช่น การเลี้ยงดูเด็ก โรคเรื้อรัง กลุ่มผู้สูงอายุ และยังได้คัดเลือกพยาบาลที่มีผลการปฏิบัติงานโดดเด่น ส่งผลดีต่อชุมชน หน่วยงานและองค์กรวิชาชีพ เพื่อรับรางวัลพยาบาลชุมชนดีเด่นประจำปี 2551 จำนวน 2 คน ได้แก่ นางพิไลพร แก้วเขียว พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลยะรัง จังหวัดปัตตานี และนางลดาวัลย์ เลนทำมี หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลนาดูน จังหวัดมหาสารคาม
กำลังโหลดความคิดเห็น