ASTVผู้จัดการรายวัน - ชำแหละงบเพิ่มเติมปี 52 ก่อนเข้าสภาฯ พรรคร่วมแบ่งเค้กลงตัว "เพื่อนเนวิน" รับเละ1.4 หมื่นล้าน ส่วนใหญ่ลง อปท. ปชป.ก้อนโตสุด 7.4 หมื่นล้าน ลุ้นเป้าจีดีพีโต 2.5-3.5% เผยเงินคงคลังเหลือ 2.3 ล้านล้าน ขณะที่งบขาดดุล 3.47 แสนล้าน หนี้สาธารณะ ณ มิ.ย. 51 แตะถึง 2.9 ล้านล้าน โฆษกคลังแจงที่มาชดเชยเงินคงคลัง 1.9 หมื่นล้าน ไม่ใช่เงินกู้ แต่มาจากภาษีเพิ่มหลังออกมาตรการกระตุ้น ศก. บวกกับเพิ่มงบกลางปีและสินเชื่อแบงก์รัฐ
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะนำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันพุธที่ 28 ม.ค.นี้ สำนักงบประมาณได้จัดทำเอกสารงบประมาณ เพื่อให้รัฐบาลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ในเอกสารรายงานฐานะคงคลังของรัฐบาล สิ้นปี 2551 มีรายรับทั้งสิ้น 2,350,355.3 ล้านบาท เป็นเงินในงบประมาณ 1,523,113.3 ล้านบาท และเงินนอกงบประมาณ 827,242 ล้านบาท ขณะที่มีเงินคงคลังสุทธิ จำนวน 229,060.3 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินคงคลังธนาคารแห่งประเทศไทย 218,082 ล้านบาท เงินสดจากสำนักงานคลังจังหวัดและคลังอำเภอ 674.1 ล้านบาท เงินสดกรมธนารักษ์ 404.4 ล้านบาท เงินคงคลังระหว่างทาง 38.4 ล้านบาท และเงินฝากธนาคารกรุงไทย 9,861.5 ล้านบาท
ประมาณการเงินที่พึงได้มาสำหรับจ่ายตามงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 โดยข้อสมมุติฐานทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ตามเอกสารงบประมาณ อัตราการขายตัวของ Real GDP ประมาณการที่ร้อยละ 5.5 แต่การประมาณการใหม่ ที่ร้อยละ 3.0-4.0 อัตราเงินเฟ้อตามเอกสารงบประมาณ ประมาณการที่ร้อยละ 3.5 ประมาณการใหม่ที่ร้อยละ 2.5-3.5 โดยประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ในเอกสารงบประมาณประมาณการที่ 10,266,000 ล้านบาท โดยประมาณการใหม่ 9,813,800 ล้านบาท
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประมาณการไว้ว่า ประมาณการรายได้ที่คาดว่า จะได้รับเพิ่มขึ้นเนื่องมาจากการการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 โดยคาดการว่า การใช้จ่ายดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ดังนั้นประมาณการที่พึงได้มา สำหรับจ่ายตามงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 รัฐบาลเก็บรายได้จากภาษี และรายได้จากภาษีและรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 19,139.48 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 จำนวน 12,900 ล้านบาท และรายได้ภาษีและรายได้อื่น จำนวน 6,239.48 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจำดำเนินนโยบายขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น จำนวน 97,560.52 ล้านบาท
"ปัจจัยบวกสำคัญที่จะสนับสนุนและกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ ได้แก่ การบริโภคและการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ปี 52 งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ การทำงบเพิ่มเติม ปี 52 และมาตรการแผนฟื้นฟูของรัฐบาล รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อ ที่ปรับตัวลดลงตามภาวะราคาน้ำมัน และราคาสินค้าต่างๆในตลาดโลก รวมกับนโยบายที่ผ่อนคลาย โดยการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลง รวมทั้งแรงกระตุ้นภาคการคลัง ซึ่งอาจใช้เวลาในการดำเนินการ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงช่วยลดต้นทุนแก่ผู้ประกอบการ และกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนไปอีกทางด้วย" เอกสารระบุถึงรายงานฐานะภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
***หนี้สาธารณะ 2.9 ล้านล้าน
ขณะที่พบว่าฐานะการเงินในปีงบประมาณ พ.ศ.2551 ของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 47 แห่ง มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 3,910,350.28 ล้านบาท หนี้สินรวมทั้งสิ้น 2,789,809.94 ล้านบาท ส่วนของทุนรวมทั้งสิ้น 1,120,540,37 ล้านบาท
ทั้งนี้ งบประมาณเพิ่มเติมปี 52 โดยการดำเนินนโยบายขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นอีก จำนวน 97,560.52 ล้านบาท ทำให้ดุลงบประมาณขาดดุลเพิ่มขึ้น 347,060.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.79 ของจีดีพี ซึ่งจะทำให้สัดส่วนวงเงินหนี้สาธารณะคงค้างต่อจีดีพี คิดเป็นร้อยละ 41.78 และสัดส่วนภาระหนี้ต่อวงเงินงบประมาณ คิดเป็นร้อยละ 13.92 ซึ่งยังอยู่ในกรอบความยั่งยืนทางการคลัง
ขณะเดียวกันเพียงแค่ ณ วันที่ 30 มิ.ย.2551 รัฐบาลมีหนี้สาธารณะถึง 2,913,662 ล้านบาท จำแนกเป็นรัฐบาลกู้โดยตรง 2,158,779.6 ล้านบาท และค้ำประกันเงินกู้โดยรัฐบาล 754,882.4 ล้านบาท ด้านหนี้สินและและข้อผูกพันในประเทศ จำนวน 2,663,733.4 ล้านบาท หนี้ต่างประเทศคงค้าง 7,464,186 ล้านเหรียญสหรัฐ เงินกู้ต่างประเทศที่รัฐวิสาหกิจค้ำประกัน 1,884.55 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ยังพบว่า ในปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลที่ผ่านมาแผนการเบิกจ่ายเงินกู้ 1,038 ล้านบาท จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (เจบิก) 150 ล้านบาทในโครงการเงินกู้ (โออีซีเอฟ) เพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมในเขตปฏิรูปที่ดิน ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) 888 ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางสายหลักให้เป็น 4 ช่องทางจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม
ขณะที่ยังมีเงินจากการยกเลิกมาตรการลดภาษีสรรพสามิต จากโครงการ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทย จำนวน 18,200 ล้านบาท
***แจงชดเชยเงินคงคลัง 1.9 หมื่นล้าน
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวยืนยันถึงการนำเงินมาชดเชยเงินคงคลังจำนวน 1.9 หมื่นล้านบาท ว่า ไม่ใช่เป็นการกู้ยืมเงินเข้ามาชดเชยอย่างแน่นอน โดยกระทรวงการคลังยังมองในแง่ดีโดยจะระบุไว้ในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ในส่วนของมาตรา 21 ว่าจะจะนำมาจากภาษี โดยแบ่งเป็นภาษีที่มาจากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลประกาศไปก่อนหน้านี้ ซึ่งน่าจะช่วยให้จีดีพีขยายตัวได้ 1% ส่งผลให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น 1.2 หมื่นล้านบาท เช่น ภาษีจากการอุปโภคบริโภค ส่วนที่เหลืออีก 6-7 พันล้านบาทจะมาจากภาษีประเภทอื่นๆ ซึ่งอาจจะมาจากภาษีตัวเดิมหรือมาจากการปรับเพิ่มภาษีประเภทใหม่ๆ ก็ได้
สศค.ได้ประเมินพบว่า ผลจากการเพิ่มงบกลางปี 1 แสนล้านช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มอีก 1% การลดภาษีทุก 1 หมื่นช่วยกระตุ้นจีดีพี 0.06% การปล่อยสินเชื่อแบงก์รัฐทุก 3 หมื่นช่วยกระตุ้นจีดีพี 0.2% การเบิกจ่ายงบทุก 2.5 หมื่นล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ 0.1% และการลงทุนเมกะโปรเจกต์ทุก 2.5 หมื่นบาทช่วยกระตุ้นได้ 0.1%
ส่วนนโยบายของรัฐบาลในการจ่ายเงินอุดหนุนให้ประชาชน และข้าราชการส่วนท้องถิ่นหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจนั้น ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นผู้กำหนด รายละเอียดต่างๆ สศค.จึงไม่ทราบ แต่เชื่อว่าจะอยู่ในงบเดิม 1.16 แสนล้านบาท ไม่ใช่ส่วนที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ส่วนของรัฐวิสาหกิจนั้นไม่น่าเกี่ยวกัน
***ชำแหละงบเพิ่มเติม 1.167 แสนล้าน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในเอกสารงบประมาณฯ ระบุถึงการจัดสรรงบประมาณ 116,700,000,000 บาท ตามยุทธศาสตร์แรกในการฟื้นฟูและสร้างความเชื่อมั่นเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติด้านเศรษฐกิจและสังคมในระยะเร่งด่วน จัดเป็น 2 แผนงาน งบประมาณ 93,470,075,700 บาท โดยแบ่งเป็น 1.แผนงานฟื้นฟูและเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ งบประมาณ จำนวน 37,464,449,700 บาท และ2. แผนงานเสริมสร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตละความมั่นคงด้านสังคม งบประมาณจำนวน 56,005,626,000 บาท
ขณะที่ส่วนที่ 2 รายการค่าดำเนินการภาครัฐ จำแนกเป็น 2 แผนงาน โดยจัดสรรงบประมาณ 23,229,924,300 บาท แบ่งเป็น 1.แผนการบริหารเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจัดสรรในงบกลาง ใช้งบประมาณ 4,090,448,000 บาท และ2. แผนงานรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 19,139,476,300 บาท (ดูตารางการแบ่งเค้กแสนล้าน...หน้า 2 ประกอบข่าว)
***ปชป.ได้เค้กก้อนโต 7.4 หมื่นล้าน
เมื่อจำแนกตามมาตรการของรัฐบาล พบพรรคประชาธิปัตย์ว่า มีการจัดสรรให้เป็นงบกลาง 2 โครงการ คือ ค่าใช้จ่ายตามมาตรการช่วยเหลือการครองชีพของบุคลากรภาครัฐ โดยจัดเป็นงบกลาง จำนวน2,652 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน ของทุกหน่วยงาน จำนวน ประมาณ 1,326,000 คน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพจ่ายเงินครั้งเดียวคนละ 2,000 บาท โดยจ่ายตามหลักเกณฑ์ ให้กลุ่มเป้าหมาย (บุคลากรภาครัฐ) ผ่านกระบวนการเหมือนกับการจ่ายเงินเดือนหรือค่าตอบแทนตามปกติ
และโครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน จำนวน 6,900 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ว่างงานทุกสาขาและนักศึกษาจบใหม่ จัดโครงการฝึกอบรมแรงงานที่ว่างงานและนักศึกษาจบใหม่ ตามกลุ่มความถนัดและศักยภาพและรองรับแรงงานเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 5 แสนคนคาดว่าจะไปปฎิบัติงานได้ 80%
สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน จะรับผิดชอบโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน โดย งบประมาณ จำนวน 16,318,324,100 บาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนในระยะสั้นของรัฐและเอกชนที่อยู่ในระบบประกันสังคมที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ซึ่งเป็นผู้ประกันตนจำนวน 8,138,815 คน
โครงการ 5 มาตรการ6 เดือนเพื่อลดค่าครองชีพประชาชน จัดสรรให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)จะได้รับงบประมาณ 720 ล้านบาท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จะได้รับงบประมาณ 6,048 ล้านบาท การประปานครหลวง (กปน.) จะได้งบประมาณ 1,200 ล้านบาท การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จะได้งบประมาณ 2,191,125,600 บาท การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะได้งบประมาณ 600 ล้านบาท องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)จะได้งบประมาณ 650 ล้านบาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี จัดสรรให้กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น 552,673,000 บาท เมืองพัทยา 4,348,400 บาท สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 22,288,000 บาท สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 5,755,408,800 บาท แบ่งเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานนอกระบบ งบประมาณ 533 ล้านบาท จำนวน 1 ล้านคนและการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนเอกชน 5,221 ล้านบาท จำนวน 2 ล้านคน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 11,001,539,100 บาท เป็นนักเรียนก่อนประถมศึกษา(อนุบาล) 1,039,066 คน ระดับประถมศึกษา 3,807,333 คน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 2,180,281 คน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 990,384 คน รวมทั้งสิ้น 8,017,064 คน
สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา 1,409,349,200 บาท ในระดับ ปชว.1-3 จำนวน 541,017 คน สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา( สกอ.) 5,197,000 บาท และโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยและราชภัฏ จำนวน 44 แห่ง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 117,524,600 บาท สำหรับการศึกษาของพระภิกษุสามเณรในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา 399 แห่ง ใน 66 จังหวัด รวม 54,309 รูป สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 46,236,800 บาท เป็นนักเรียนในสังกัดโรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดน 183 แห่ง จำนวนกว่า 29,710 คน
โครงการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเสริมสร้างภาคลักษณ์ของประเทศ จัดสรรให้สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ 325 ล้านบาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นประเทศ 200 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์เสริมสร้างภาพลักษณ์ 125 ล้านบาท เป้าหมายประเทศจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ เยอรมนี สวีเดน กลุ่มประเทศอาเซียนและสหภาพยุโรป โดยจัดคณะผู้แทนการค้า จัดสัมมนาโดยมีนายกฯและรัฐมนตรีเป็นองปาฐกถาด้านเศรษฐกิจโยมีเป้าหมายนักธุรกิจ 3-4 ร้อยคน จัดนิทรรศการเผยแพร่วัฒนธรรมท่องเที่ยวลาหารไทย จัดเจรจาการค้าระหว่างรัฐ เอกชนไทยและประเทศเป้าหมาย จัดทำบทวคามประชาสัมพันธ์ให้บุคคลที่มีชื่อเสียงที่ยอมรับของโลกเขียนบทความเสริมสร้างภาคลักษณ์ประเทศ สร้างภาพลักษณ์สินค้าและธุรกิจบริการ โดยมีเป้าหมายไม่น้อยกว่าร้อยละ 90
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน จัดสรรให้สำนักปลัดนายกรัฐมนตรี จำนวน 15,200 ล้านบาท เบิกจ่ายให้กับหมู่บ้านและชุมชนไม่น้อยกว่า 65,000 หมู่บ้าน/ชุมชน โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน จัดสรรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 1,808,800,000 บาท เป็นอาคารเรือนแถวสูง 2 ชั้น 532 หลังและโครงการปรับปรุงสถานีอนามัย จัดสรรให้สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข 1,095,780,000 บาท โดยเป็นการปรับปรุงสถานีอนามัยที่ยังไม่ได้ปรับปรุงชั้นล่าง 2,609 แห่ง
***ภูมิใจไทย-เพื่อนเนวิน 1.5 หมื่นล้าน
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม รับผิดชอบ โครงการก่อสร้างทางภายในหมู่บ้านเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ได้จัดสรร 1,500 ล้านบาท โดยก่อสร้างทาภายในหมู่บ้านกระจายตามเกณฑ์จำนวนประชากรในทุกจังหวัด ระยะประมาณ 490 กิโลเมตร ค่าก่อสร้างเฉลี่ยกิโลเมตรละ 3 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าออกแบบ 8 ล้านบาท ค่าควบคุมงาน 22 ล้านบาท ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง 1.47 พันล้านบาท
กรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จะได้รับการจัดสรรงบประมาณ 12,552,673,000 บาท โดยจะแยกเป็นโครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ จำนวน 9,000 ล้านบาทในระยะเวลา 6 เดือน โดยส่งเสริมและสร้างหลักประกันสุขภาพแก่ผู้สูงอายุ อัตราคนละ 500 บาทต่อเดือนโดยมีเป้าหมาย 3 ล้านคน เบื้องต้นต้องมีคุณสมบัติ อายุ 60 ปีขึ้นไปละมีสัญชาติไทย มีภูมิลำเนาอยู่ในองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ไมได้รับเงินสวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ หรือองค์การภาคเอกชน อาทิบำเหน็จ บำนาญหรือหลักประกันสังคม เป็นต้น
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบประมาณ 552,673,000 บาท ให้กับโรงเรียน ในกำกับของ อปท. 1,036 แห่ง กลุ่มเป้าหมาย 649,300 คน แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายรายหัว 46,410,000 บาท เป้าหมายนักเรียน 25,200 คน ค่าเครื่องแบบนักเรียน 101,567,500 บาท เป้าหมายนักเรียน 526,600 คน ค่าหนังสือเรียน 176,207,500 บาท ค่าอุปกรณ์การเรียน 228,488,000 บาท เป้าหมายนักเรียน 649,300 คน
โครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.ได้รับงบ 3,000 ล้านบาท ช่วยเหลือสวัสดิการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและประชาชนในท้องถิ่นโดยสนับสนุนอัตราคนละ 600 บาทต่อเดือนในการส่งเสริมสุขภาพในท้องถิ่น โดยจะต้องลงทะเบียน อสม.ใหม่ให้กับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นแทนอสม.ที่ลงทะเบียนกับสาธารณสุข กว่า 833,334 คน
ขณะที่เมืองพัทยา จะได้รับการจัดสรรงบประมาณ 4,348,400 บาท ในโครงการเรียนฟรี 15 ปีให้กับโรงเรียนในสังกัด 10 แห่ง นักเรียนจำนวน 11,058 คน
ยังมีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ รับผิดชอบโครงการด้านการพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือประชาชน ได้จัดสรร 1,000 ล้านบาท ทำกิจกรรมเพื่อประสานผู้ประกอบการในเครือข่ายสินค้าธงฟ้า นำสินค้าที่จำเป็นมาจำหน่ายในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดโดยเฉลี่ย ร้อยละ 20-40 ทั้งในกทม.และภูมิภาค การจัดมหกรรมธงฟ้า 76 จังหวัด ใช้งบประมาณ 900 ล้านบาท จัดตั้งร้านธงฟ้า 10 ร้าน ใช้งบ 50 ล้านบาท ส่งเสริมตลาดสดสีฟ้า 7 แห่ง ใช้งบ 7 ล้านบาท จัดจ้างบัณฑิต จำนวน 1,000 คนช่วยปฏิบัติตามโครงการด้านพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือประชาชนใช้งบ 43 ล้านบาท
***พรรคชาติไทยพัฒนา 2.1 พันล้าน
โครงการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว จัดสรรให้สำนักปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 453 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ โดยมีกิจกรรมส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ในกลุ่มเยาวชน นักเรียน ผู้สูงอายุ 75 จังหวัดและกทม. ใช้งบประมาณ 153 ล้านบาท เป้าหมาย 153,000 คนในการทัศนศึกษาในแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ 14 เส้นทางเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเสริมประสบการณ์ และทำการส่งเสริมและสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวและกีฬาในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ งบประมาณ 300 ล้านบาทโดยการจัดกิจกรรมและสนับสนุนอุปกรณ์กีฬารวมทั้งพัฒนาเครือข่ายฯ 15 โครงการ
สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว 97 ล้านบาท จัดกิจกรรมปรับปรุงห้องน้ำสาธารณะในแหล่งท่องเที่ยวอุทยาน 10 แห่ง งบประมาณ 30 ล้านบาท ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเร่งด่วน 8 แห่ง งบประมาณ 37 ล้านบาท เพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย งบประมาณ 29 ล้านบาท และยังจัดสรรให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 450 ล้านบาท จัดกิจกรรมเที่ยวไทยครึกครื้นเศรษฐกิจไทยคึกคัก 150 ล้านบาท ,กิจกรรมอเมซิ่ง ไทยแลนค์ คอนซูเมอร์ แฟร์ 100 ล้านบาท, กิจกรรมไทยแลนค์ คอนซูเทียม 80 ล้านบาท ,เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 5 ภูมิภาค 120 ล้านบาทโดยเชื่อว่าจะมีรายได้เข้าประเทศ 7,600ล้านบาท
ขณะที่กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะรับผิดชอบโครงการจัดทำและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกร ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ 1,933,600,000 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร พื้นที่ 70 จังหวัด ภาคเหนือ 15 จังหวัด ภาคอีสาน 19 จังหวัด ภาคกลางและตะวันออก 17 แห่ง ภาคใต้และตะวันตก 19 จังหวัด โดยเป็นการก่อสร้างแหล่งน้ำและระบบส่งน้ำ ประเภทระบบส่งน้ำ 66 แห่ง ประเภทหัวงาน 30 แห่ง ก่อสร้างอาคารป้องกันและบรรเทาภัยจากน้ำ 14 แห่ง และก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 41 แห่ง ขณะ
กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับงบ 66,400,000 บาท เพื่อขุดสระในไร่นานอกเขตชลประทาน ขนาด 1,260 ลบ.เมตร จำนวน 4,000 บ่อ ค่าขุดสระบ่อละ 19,100 บาท โดยภาครัฐสนับสนุน บ่อละ 16,600 บาท และเกษตรกรมีส่วนร่วมในการสมทบค่าใช้จ่ายบ่อละ 2,500 บาท
***พรรคกิจสังคมงาบ 760 ล้านบาท
โครงการแหล่งน้ำขนาดเล็กเพื่อการจัดการน้ำ จัดสรรให้กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 760 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชน โดยเป็นการกำจัดดินตะกอนและวัชพืชที่ทับถม เพิ่มปริมาณกักเก็บน้ำ 18.4 ล้าน ลบ.เมตร ปรับภูมิทัศน์ รักษาสมดุลระบบนิเวศ ในแหล่งน้ำได้รับอนุรักษ์และฟื้นฟู 389 แห่ง
ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน 500 ล้าน ได้แก่ โครงการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรม อาหารและอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม จัดสรรให้สำนักปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม 183,550,000 ล้านบาท โครงการเพื่อร่วมลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล ตามกรอบการลงทุนไทย-คูเวต ไทย-กาตาร์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม 128,920,000 บาท โดยการฝึกอบรมและสัมมนาผู้ประกอบการเพื่อการเรียนรู้ต้นแบบที่ดี เป้าหมายไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคนในพื้นที่ 40 แห่งทั่วประเทศ โดยจะสามารถช่วยเหลือเอสเอ็มอีต่ำกว่า 2,500 กิจการซึ่งจะสามารถลดต้นทุนได้ 1,000 ล้านบาท การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 14,980,000 บาท และกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 172,550,000 บาท เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจเอกชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรวมทั้งประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้.
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะนำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันพุธที่ 28 ม.ค.นี้ สำนักงบประมาณได้จัดทำเอกสารงบประมาณ เพื่อให้รัฐบาลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ในเอกสารรายงานฐานะคงคลังของรัฐบาล สิ้นปี 2551 มีรายรับทั้งสิ้น 2,350,355.3 ล้านบาท เป็นเงินในงบประมาณ 1,523,113.3 ล้านบาท และเงินนอกงบประมาณ 827,242 ล้านบาท ขณะที่มีเงินคงคลังสุทธิ จำนวน 229,060.3 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินคงคลังธนาคารแห่งประเทศไทย 218,082 ล้านบาท เงินสดจากสำนักงานคลังจังหวัดและคลังอำเภอ 674.1 ล้านบาท เงินสดกรมธนารักษ์ 404.4 ล้านบาท เงินคงคลังระหว่างทาง 38.4 ล้านบาท และเงินฝากธนาคารกรุงไทย 9,861.5 ล้านบาท
ประมาณการเงินที่พึงได้มาสำหรับจ่ายตามงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 โดยข้อสมมุติฐานทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ตามเอกสารงบประมาณ อัตราการขายตัวของ Real GDP ประมาณการที่ร้อยละ 5.5 แต่การประมาณการใหม่ ที่ร้อยละ 3.0-4.0 อัตราเงินเฟ้อตามเอกสารงบประมาณ ประมาณการที่ร้อยละ 3.5 ประมาณการใหม่ที่ร้อยละ 2.5-3.5 โดยประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ในเอกสารงบประมาณประมาณการที่ 10,266,000 ล้านบาท โดยประมาณการใหม่ 9,813,800 ล้านบาท
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประมาณการไว้ว่า ประมาณการรายได้ที่คาดว่า จะได้รับเพิ่มขึ้นเนื่องมาจากการการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 โดยคาดการว่า การใช้จ่ายดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ดังนั้นประมาณการที่พึงได้มา สำหรับจ่ายตามงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 รัฐบาลเก็บรายได้จากภาษี และรายได้จากภาษีและรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 19,139.48 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 จำนวน 12,900 ล้านบาท และรายได้ภาษีและรายได้อื่น จำนวน 6,239.48 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจำดำเนินนโยบายขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น จำนวน 97,560.52 ล้านบาท
"ปัจจัยบวกสำคัญที่จะสนับสนุนและกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ ได้แก่ การบริโภคและการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ปี 52 งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ การทำงบเพิ่มเติม ปี 52 และมาตรการแผนฟื้นฟูของรัฐบาล รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อ ที่ปรับตัวลดลงตามภาวะราคาน้ำมัน และราคาสินค้าต่างๆในตลาดโลก รวมกับนโยบายที่ผ่อนคลาย โดยการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลง รวมทั้งแรงกระตุ้นภาคการคลัง ซึ่งอาจใช้เวลาในการดำเนินการ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงช่วยลดต้นทุนแก่ผู้ประกอบการ และกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนไปอีกทางด้วย" เอกสารระบุถึงรายงานฐานะภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
***หนี้สาธารณะ 2.9 ล้านล้าน
ขณะที่พบว่าฐานะการเงินในปีงบประมาณ พ.ศ.2551 ของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 47 แห่ง มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 3,910,350.28 ล้านบาท หนี้สินรวมทั้งสิ้น 2,789,809.94 ล้านบาท ส่วนของทุนรวมทั้งสิ้น 1,120,540,37 ล้านบาท
ทั้งนี้ งบประมาณเพิ่มเติมปี 52 โดยการดำเนินนโยบายขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นอีก จำนวน 97,560.52 ล้านบาท ทำให้ดุลงบประมาณขาดดุลเพิ่มขึ้น 347,060.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.79 ของจีดีพี ซึ่งจะทำให้สัดส่วนวงเงินหนี้สาธารณะคงค้างต่อจีดีพี คิดเป็นร้อยละ 41.78 และสัดส่วนภาระหนี้ต่อวงเงินงบประมาณ คิดเป็นร้อยละ 13.92 ซึ่งยังอยู่ในกรอบความยั่งยืนทางการคลัง
ขณะเดียวกันเพียงแค่ ณ วันที่ 30 มิ.ย.2551 รัฐบาลมีหนี้สาธารณะถึง 2,913,662 ล้านบาท จำแนกเป็นรัฐบาลกู้โดยตรง 2,158,779.6 ล้านบาท และค้ำประกันเงินกู้โดยรัฐบาล 754,882.4 ล้านบาท ด้านหนี้สินและและข้อผูกพันในประเทศ จำนวน 2,663,733.4 ล้านบาท หนี้ต่างประเทศคงค้าง 7,464,186 ล้านเหรียญสหรัฐ เงินกู้ต่างประเทศที่รัฐวิสาหกิจค้ำประกัน 1,884.55 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ยังพบว่า ในปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลที่ผ่านมาแผนการเบิกจ่ายเงินกู้ 1,038 ล้านบาท จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (เจบิก) 150 ล้านบาทในโครงการเงินกู้ (โออีซีเอฟ) เพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมในเขตปฏิรูปที่ดิน ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) 888 ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางสายหลักให้เป็น 4 ช่องทางจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม
ขณะที่ยังมีเงินจากการยกเลิกมาตรการลดภาษีสรรพสามิต จากโครงการ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทย จำนวน 18,200 ล้านบาท
***แจงชดเชยเงินคงคลัง 1.9 หมื่นล้าน
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวยืนยันถึงการนำเงินมาชดเชยเงินคงคลังจำนวน 1.9 หมื่นล้านบาท ว่า ไม่ใช่เป็นการกู้ยืมเงินเข้ามาชดเชยอย่างแน่นอน โดยกระทรวงการคลังยังมองในแง่ดีโดยจะระบุไว้ในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ในส่วนของมาตรา 21 ว่าจะจะนำมาจากภาษี โดยแบ่งเป็นภาษีที่มาจากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลประกาศไปก่อนหน้านี้ ซึ่งน่าจะช่วยให้จีดีพีขยายตัวได้ 1% ส่งผลให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น 1.2 หมื่นล้านบาท เช่น ภาษีจากการอุปโภคบริโภค ส่วนที่เหลืออีก 6-7 พันล้านบาทจะมาจากภาษีประเภทอื่นๆ ซึ่งอาจจะมาจากภาษีตัวเดิมหรือมาจากการปรับเพิ่มภาษีประเภทใหม่ๆ ก็ได้
สศค.ได้ประเมินพบว่า ผลจากการเพิ่มงบกลางปี 1 แสนล้านช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มอีก 1% การลดภาษีทุก 1 หมื่นช่วยกระตุ้นจีดีพี 0.06% การปล่อยสินเชื่อแบงก์รัฐทุก 3 หมื่นช่วยกระตุ้นจีดีพี 0.2% การเบิกจ่ายงบทุก 2.5 หมื่นล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ 0.1% และการลงทุนเมกะโปรเจกต์ทุก 2.5 หมื่นบาทช่วยกระตุ้นได้ 0.1%
ส่วนนโยบายของรัฐบาลในการจ่ายเงินอุดหนุนให้ประชาชน และข้าราชการส่วนท้องถิ่นหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจนั้น ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นผู้กำหนด รายละเอียดต่างๆ สศค.จึงไม่ทราบ แต่เชื่อว่าจะอยู่ในงบเดิม 1.16 แสนล้านบาท ไม่ใช่ส่วนที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ส่วนของรัฐวิสาหกิจนั้นไม่น่าเกี่ยวกัน
***ชำแหละงบเพิ่มเติม 1.167 แสนล้าน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในเอกสารงบประมาณฯ ระบุถึงการจัดสรรงบประมาณ 116,700,000,000 บาท ตามยุทธศาสตร์แรกในการฟื้นฟูและสร้างความเชื่อมั่นเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติด้านเศรษฐกิจและสังคมในระยะเร่งด่วน จัดเป็น 2 แผนงาน งบประมาณ 93,470,075,700 บาท โดยแบ่งเป็น 1.แผนงานฟื้นฟูและเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ งบประมาณ จำนวน 37,464,449,700 บาท และ2. แผนงานเสริมสร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตละความมั่นคงด้านสังคม งบประมาณจำนวน 56,005,626,000 บาท
ขณะที่ส่วนที่ 2 รายการค่าดำเนินการภาครัฐ จำแนกเป็น 2 แผนงาน โดยจัดสรรงบประมาณ 23,229,924,300 บาท แบ่งเป็น 1.แผนการบริหารเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจัดสรรในงบกลาง ใช้งบประมาณ 4,090,448,000 บาท และ2. แผนงานรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 19,139,476,300 บาท (ดูตารางการแบ่งเค้กแสนล้าน...หน้า 2 ประกอบข่าว)
***ปชป.ได้เค้กก้อนโต 7.4 หมื่นล้าน
เมื่อจำแนกตามมาตรการของรัฐบาล พบพรรคประชาธิปัตย์ว่า มีการจัดสรรให้เป็นงบกลาง 2 โครงการ คือ ค่าใช้จ่ายตามมาตรการช่วยเหลือการครองชีพของบุคลากรภาครัฐ โดยจัดเป็นงบกลาง จำนวน2,652 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน ของทุกหน่วยงาน จำนวน ประมาณ 1,326,000 คน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพจ่ายเงินครั้งเดียวคนละ 2,000 บาท โดยจ่ายตามหลักเกณฑ์ ให้กลุ่มเป้าหมาย (บุคลากรภาครัฐ) ผ่านกระบวนการเหมือนกับการจ่ายเงินเดือนหรือค่าตอบแทนตามปกติ
และโครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน จำนวน 6,900 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ว่างงานทุกสาขาและนักศึกษาจบใหม่ จัดโครงการฝึกอบรมแรงงานที่ว่างงานและนักศึกษาจบใหม่ ตามกลุ่มความถนัดและศักยภาพและรองรับแรงงานเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 5 แสนคนคาดว่าจะไปปฎิบัติงานได้ 80%
สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน จะรับผิดชอบโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน โดย งบประมาณ จำนวน 16,318,324,100 บาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนในระยะสั้นของรัฐและเอกชนที่อยู่ในระบบประกันสังคมที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ซึ่งเป็นผู้ประกันตนจำนวน 8,138,815 คน
โครงการ 5 มาตรการ6 เดือนเพื่อลดค่าครองชีพประชาชน จัดสรรให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)จะได้รับงบประมาณ 720 ล้านบาท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จะได้รับงบประมาณ 6,048 ล้านบาท การประปานครหลวง (กปน.) จะได้งบประมาณ 1,200 ล้านบาท การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จะได้งบประมาณ 2,191,125,600 บาท การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะได้งบประมาณ 600 ล้านบาท องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)จะได้งบประมาณ 650 ล้านบาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี จัดสรรให้กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น 552,673,000 บาท เมืองพัทยา 4,348,400 บาท สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 22,288,000 บาท สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 5,755,408,800 บาท แบ่งเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานนอกระบบ งบประมาณ 533 ล้านบาท จำนวน 1 ล้านคนและการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนเอกชน 5,221 ล้านบาท จำนวน 2 ล้านคน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 11,001,539,100 บาท เป็นนักเรียนก่อนประถมศึกษา(อนุบาล) 1,039,066 คน ระดับประถมศึกษา 3,807,333 คน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 2,180,281 คน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 990,384 คน รวมทั้งสิ้น 8,017,064 คน
สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา 1,409,349,200 บาท ในระดับ ปชว.1-3 จำนวน 541,017 คน สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา( สกอ.) 5,197,000 บาท และโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยและราชภัฏ จำนวน 44 แห่ง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 117,524,600 บาท สำหรับการศึกษาของพระภิกษุสามเณรในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา 399 แห่ง ใน 66 จังหวัด รวม 54,309 รูป สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 46,236,800 บาท เป็นนักเรียนในสังกัดโรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดน 183 แห่ง จำนวนกว่า 29,710 คน
โครงการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเสริมสร้างภาคลักษณ์ของประเทศ จัดสรรให้สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ 325 ล้านบาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นประเทศ 200 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์เสริมสร้างภาพลักษณ์ 125 ล้านบาท เป้าหมายประเทศจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ เยอรมนี สวีเดน กลุ่มประเทศอาเซียนและสหภาพยุโรป โดยจัดคณะผู้แทนการค้า จัดสัมมนาโดยมีนายกฯและรัฐมนตรีเป็นองปาฐกถาด้านเศรษฐกิจโยมีเป้าหมายนักธุรกิจ 3-4 ร้อยคน จัดนิทรรศการเผยแพร่วัฒนธรรมท่องเที่ยวลาหารไทย จัดเจรจาการค้าระหว่างรัฐ เอกชนไทยและประเทศเป้าหมาย จัดทำบทวคามประชาสัมพันธ์ให้บุคคลที่มีชื่อเสียงที่ยอมรับของโลกเขียนบทความเสริมสร้างภาคลักษณ์ประเทศ สร้างภาพลักษณ์สินค้าและธุรกิจบริการ โดยมีเป้าหมายไม่น้อยกว่าร้อยละ 90
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน จัดสรรให้สำนักปลัดนายกรัฐมนตรี จำนวน 15,200 ล้านบาท เบิกจ่ายให้กับหมู่บ้านและชุมชนไม่น้อยกว่า 65,000 หมู่บ้าน/ชุมชน โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน จัดสรรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 1,808,800,000 บาท เป็นอาคารเรือนแถวสูง 2 ชั้น 532 หลังและโครงการปรับปรุงสถานีอนามัย จัดสรรให้สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข 1,095,780,000 บาท โดยเป็นการปรับปรุงสถานีอนามัยที่ยังไม่ได้ปรับปรุงชั้นล่าง 2,609 แห่ง
***ภูมิใจไทย-เพื่อนเนวิน 1.5 หมื่นล้าน
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม รับผิดชอบ โครงการก่อสร้างทางภายในหมู่บ้านเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ได้จัดสรร 1,500 ล้านบาท โดยก่อสร้างทาภายในหมู่บ้านกระจายตามเกณฑ์จำนวนประชากรในทุกจังหวัด ระยะประมาณ 490 กิโลเมตร ค่าก่อสร้างเฉลี่ยกิโลเมตรละ 3 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าออกแบบ 8 ล้านบาท ค่าควบคุมงาน 22 ล้านบาท ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง 1.47 พันล้านบาท
กรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จะได้รับการจัดสรรงบประมาณ 12,552,673,000 บาท โดยจะแยกเป็นโครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ จำนวน 9,000 ล้านบาทในระยะเวลา 6 เดือน โดยส่งเสริมและสร้างหลักประกันสุขภาพแก่ผู้สูงอายุ อัตราคนละ 500 บาทต่อเดือนโดยมีเป้าหมาย 3 ล้านคน เบื้องต้นต้องมีคุณสมบัติ อายุ 60 ปีขึ้นไปละมีสัญชาติไทย มีภูมิลำเนาอยู่ในองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ไมได้รับเงินสวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ หรือองค์การภาคเอกชน อาทิบำเหน็จ บำนาญหรือหลักประกันสังคม เป็นต้น
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบประมาณ 552,673,000 บาท ให้กับโรงเรียน ในกำกับของ อปท. 1,036 แห่ง กลุ่มเป้าหมาย 649,300 คน แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายรายหัว 46,410,000 บาท เป้าหมายนักเรียน 25,200 คน ค่าเครื่องแบบนักเรียน 101,567,500 บาท เป้าหมายนักเรียน 526,600 คน ค่าหนังสือเรียน 176,207,500 บาท ค่าอุปกรณ์การเรียน 228,488,000 บาท เป้าหมายนักเรียน 649,300 คน
โครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.ได้รับงบ 3,000 ล้านบาท ช่วยเหลือสวัสดิการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและประชาชนในท้องถิ่นโดยสนับสนุนอัตราคนละ 600 บาทต่อเดือนในการส่งเสริมสุขภาพในท้องถิ่น โดยจะต้องลงทะเบียน อสม.ใหม่ให้กับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นแทนอสม.ที่ลงทะเบียนกับสาธารณสุข กว่า 833,334 คน
ขณะที่เมืองพัทยา จะได้รับการจัดสรรงบประมาณ 4,348,400 บาท ในโครงการเรียนฟรี 15 ปีให้กับโรงเรียนในสังกัด 10 แห่ง นักเรียนจำนวน 11,058 คน
ยังมีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ รับผิดชอบโครงการด้านการพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือประชาชน ได้จัดสรร 1,000 ล้านบาท ทำกิจกรรมเพื่อประสานผู้ประกอบการในเครือข่ายสินค้าธงฟ้า นำสินค้าที่จำเป็นมาจำหน่ายในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดโดยเฉลี่ย ร้อยละ 20-40 ทั้งในกทม.และภูมิภาค การจัดมหกรรมธงฟ้า 76 จังหวัด ใช้งบประมาณ 900 ล้านบาท จัดตั้งร้านธงฟ้า 10 ร้าน ใช้งบ 50 ล้านบาท ส่งเสริมตลาดสดสีฟ้า 7 แห่ง ใช้งบ 7 ล้านบาท จัดจ้างบัณฑิต จำนวน 1,000 คนช่วยปฏิบัติตามโครงการด้านพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือประชาชนใช้งบ 43 ล้านบาท
***พรรคชาติไทยพัฒนา 2.1 พันล้าน
โครงการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว จัดสรรให้สำนักปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 453 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ โดยมีกิจกรรมส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ในกลุ่มเยาวชน นักเรียน ผู้สูงอายุ 75 จังหวัดและกทม. ใช้งบประมาณ 153 ล้านบาท เป้าหมาย 153,000 คนในการทัศนศึกษาในแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ 14 เส้นทางเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเสริมประสบการณ์ และทำการส่งเสริมและสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวและกีฬาในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ งบประมาณ 300 ล้านบาทโดยการจัดกิจกรรมและสนับสนุนอุปกรณ์กีฬารวมทั้งพัฒนาเครือข่ายฯ 15 โครงการ
สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว 97 ล้านบาท จัดกิจกรรมปรับปรุงห้องน้ำสาธารณะในแหล่งท่องเที่ยวอุทยาน 10 แห่ง งบประมาณ 30 ล้านบาท ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเร่งด่วน 8 แห่ง งบประมาณ 37 ล้านบาท เพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย งบประมาณ 29 ล้านบาท และยังจัดสรรให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 450 ล้านบาท จัดกิจกรรมเที่ยวไทยครึกครื้นเศรษฐกิจไทยคึกคัก 150 ล้านบาท ,กิจกรรมอเมซิ่ง ไทยแลนค์ คอนซูเมอร์ แฟร์ 100 ล้านบาท, กิจกรรมไทยแลนค์ คอนซูเทียม 80 ล้านบาท ,เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 5 ภูมิภาค 120 ล้านบาทโดยเชื่อว่าจะมีรายได้เข้าประเทศ 7,600ล้านบาท
ขณะที่กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะรับผิดชอบโครงการจัดทำและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกร ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ 1,933,600,000 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร พื้นที่ 70 จังหวัด ภาคเหนือ 15 จังหวัด ภาคอีสาน 19 จังหวัด ภาคกลางและตะวันออก 17 แห่ง ภาคใต้และตะวันตก 19 จังหวัด โดยเป็นการก่อสร้างแหล่งน้ำและระบบส่งน้ำ ประเภทระบบส่งน้ำ 66 แห่ง ประเภทหัวงาน 30 แห่ง ก่อสร้างอาคารป้องกันและบรรเทาภัยจากน้ำ 14 แห่ง และก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 41 แห่ง ขณะ
กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับงบ 66,400,000 บาท เพื่อขุดสระในไร่นานอกเขตชลประทาน ขนาด 1,260 ลบ.เมตร จำนวน 4,000 บ่อ ค่าขุดสระบ่อละ 19,100 บาท โดยภาครัฐสนับสนุน บ่อละ 16,600 บาท และเกษตรกรมีส่วนร่วมในการสมทบค่าใช้จ่ายบ่อละ 2,500 บาท
***พรรคกิจสังคมงาบ 760 ล้านบาท
โครงการแหล่งน้ำขนาดเล็กเพื่อการจัดการน้ำ จัดสรรให้กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 760 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชน โดยเป็นการกำจัดดินตะกอนและวัชพืชที่ทับถม เพิ่มปริมาณกักเก็บน้ำ 18.4 ล้าน ลบ.เมตร ปรับภูมิทัศน์ รักษาสมดุลระบบนิเวศ ในแหล่งน้ำได้รับอนุรักษ์และฟื้นฟู 389 แห่ง
ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน 500 ล้าน ได้แก่ โครงการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรม อาหารและอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม จัดสรรให้สำนักปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม 183,550,000 ล้านบาท โครงการเพื่อร่วมลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล ตามกรอบการลงทุนไทย-คูเวต ไทย-กาตาร์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม 128,920,000 บาท โดยการฝึกอบรมและสัมมนาผู้ประกอบการเพื่อการเรียนรู้ต้นแบบที่ดี เป้าหมายไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคนในพื้นที่ 40 แห่งทั่วประเทศ โดยจะสามารถช่วยเหลือเอสเอ็มอีต่ำกว่า 2,500 กิจการซึ่งจะสามารถลดต้นทุนได้ 1,000 ล้านบาท การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 14,980,000 บาท และกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 172,550,000 บาท เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจเอกชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรวมทั้งประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้.