ASTVผู้จัดการรายวัน- ศศิธารา ชงเรื่องเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ 11 ก.พ.นี้ แจกไพ่ให้แต่ละหน่วยงานไปรับผิดชอบเร่งเดินหน้าโครงการ พร้อมตั้ง 2คณะอนุกรรมการดูแลพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและการตลาด ฉะที่ผ่านมางานทำงานอืด มัวแต่เขียนแผนแก้แผนทำให้โครงการไม่ได้เริ่มเสียที
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานการชุมคณะกรรมการเร่งรัดและติดตามการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยหรือโครงการ "รอยัลโคสต์" เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง มีมติเห็นตรงกันในข้อเสนอรายละเอียดการจัดทำโครงการรอยัลโคสต์ ต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ที่จะมีขึ้นครั้งแรกในวันที่ 11 ก.พ.52 ว่า กระทรวงการท่องเที่ยว จะดูแลรับผิดชอบเฉพาะงานด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและการจัดทำถนนสายรองที่เชื่อมต่อกับสายหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว
ขณะที่ภาพรวมกับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ให้รัฐบาลในหน่วยงานที่รับผิดชอบเป็นผู้ดูแลและจัดทำโดยใช้งบประมาณจากหน่วยงานนั้นๆ ส่วนการลงทุนด้านอื่นๆ เช่น ท่าเรือ เป็นต้น ให้แต่ละพื้นที่พิจารณาเองว่า จะเปิดกว้างให้เอกชนเข้าไปดำเนินการหรือไม่ตามความเหมาะสม เพราะหารองบจากส่วนกลางจะทำให้โครงการยิ่งล่าช้า
สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่ประชุมเห็นชอบว่า ในพื้นที่ดังกล่าว มีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเส้นทางคมนาคม ทั้งทางบก อากาศ และน้ำ โดยเห็นชอบ พัฒนาสนามบิน ที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ของกรมขนส่งทางอากาศ เป็นสนามบินพาณิชย์รับเที่ยวบินเส้นทางภายในประเทศ เพื่อต่อเชื่อมกับสนามบินนานาชาติ ที่มีอยู่แล้ว
นอกจากนั้นยังเห็นชอบที่จะต้องมีการพัฒนาท่าเรือที่ จ.เพชรบุรี และ ท่าเรือคลองวาฬ จ.ประจวบฯ ให้เป็นท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวเชื่อมต่อกับจังหวัดในภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี รวมถึงเพื่อรองรับเรือสำราญ เรือครุยส์ เพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดที่กล่าวมาแจ้งว่า ทางพื้นที่มีความยินดี และการพัฒนาจะไม่มีปัญหากับชุมชนแน่นอน ส่วนเส้นทางบกจะมีการพัฒนาถนนอย่างน้อยต้องเป็นขนาด 2 เลนเข้าถึงพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ส่วนทางรถไฟจะมีรถไฟความเร็วสูงขนาดกลางใช้เพื่อขนส่งนักท่องเที่ยว ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยกำลังดำเนินการอยู่แล้ว
จากบทสรุปดังกล่าว จะทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงคมนาคม เพื่อให้เรียกประชุมหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งรัดการทำงาน
ในส่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ดูแลเรื่องการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ,การจัดทำป้ายบอกทางและถนนสายรอง ซึ่งทั้งหมดจะนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติด้วยว่า แต่ละโครงการจะใช้งบประมาณเท่าใด โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯจะใช้เงินที่มีอยู่ในปีงบประมาณ 2552 เริ่มโครงการทันทีถ้าทำได้ จากนั้นจะตั้งเรื่องของงบต่อเนื่องในปีงบประมาณ2553 เพื่อให้ โครงการรอยัลโคสต์ นี้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็วจากระยะโครงการที่ตั้งไว้เริ่มปี 2552-2555
"มั่นใจโครงการรอยัลโคสต์จะเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมได้หลังจากผ่านการประชุมในวันที่ 11 ก.พ.นี้ เพราะโดยส่วนตัวมองว่า ต้องการให้โครงการนี้เริ่มจากการลงทุนเล็กๆที่พอทำได้ไปก่อน เพื่อให้โครงการได้เริ่มต้น จากนั้นก็เริ่มในโปรเจกที่ใหญ่ขึ้นตามลำดับ หากมัวแต่เขียนและแก้ไขแผนโครงการก็จะไม่เกิดเสียที แต่หากโครงการได้เริ่มต้นก็จะช่วยสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุน เพราะโครงการนี้จะมีเรื่องของการสร้างหลายโปรเจก เช่น ไดรฟ์วิ่งเซ็นเตอร์ ท่าจอดเรือ หมู่บ้านประมง หรือซีวิววิลเลจ ด้วย"
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ขอตั้งอนุกรรมการ 2 ชุด เพื่อทำงานไปพร้อมๆกัน คือ คณะอนุกรรมการพัมนาสินค้า เชื่อมโยงแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และคณะอนุกรรมการแนวทางการจัดทำแผนประชาสัมพันธ์และการตลาดของโครงการซึ่งชุดนี้จะเสนอให้นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ประธานบอร์ดททท.เป็นประธาน เพื่อดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายและการวางแผนควบคู่กันไปในระหว่างโครงการนี้ได้เริ่มก่อสร้างเพื่อให้เกิดการรับรู้แก่นักท่องเที่ยวในวงกว้าง
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานการชุมคณะกรรมการเร่งรัดและติดตามการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยหรือโครงการ "รอยัลโคสต์" เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง มีมติเห็นตรงกันในข้อเสนอรายละเอียดการจัดทำโครงการรอยัลโคสต์ ต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ที่จะมีขึ้นครั้งแรกในวันที่ 11 ก.พ.52 ว่า กระทรวงการท่องเที่ยว จะดูแลรับผิดชอบเฉพาะงานด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและการจัดทำถนนสายรองที่เชื่อมต่อกับสายหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว
ขณะที่ภาพรวมกับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ให้รัฐบาลในหน่วยงานที่รับผิดชอบเป็นผู้ดูแลและจัดทำโดยใช้งบประมาณจากหน่วยงานนั้นๆ ส่วนการลงทุนด้านอื่นๆ เช่น ท่าเรือ เป็นต้น ให้แต่ละพื้นที่พิจารณาเองว่า จะเปิดกว้างให้เอกชนเข้าไปดำเนินการหรือไม่ตามความเหมาะสม เพราะหารองบจากส่วนกลางจะทำให้โครงการยิ่งล่าช้า
สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่ประชุมเห็นชอบว่า ในพื้นที่ดังกล่าว มีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเส้นทางคมนาคม ทั้งทางบก อากาศ และน้ำ โดยเห็นชอบ พัฒนาสนามบิน ที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ของกรมขนส่งทางอากาศ เป็นสนามบินพาณิชย์รับเที่ยวบินเส้นทางภายในประเทศ เพื่อต่อเชื่อมกับสนามบินนานาชาติ ที่มีอยู่แล้ว
นอกจากนั้นยังเห็นชอบที่จะต้องมีการพัฒนาท่าเรือที่ จ.เพชรบุรี และ ท่าเรือคลองวาฬ จ.ประจวบฯ ให้เป็นท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวเชื่อมต่อกับจังหวัดในภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี รวมถึงเพื่อรองรับเรือสำราญ เรือครุยส์ เพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดที่กล่าวมาแจ้งว่า ทางพื้นที่มีความยินดี และการพัฒนาจะไม่มีปัญหากับชุมชนแน่นอน ส่วนเส้นทางบกจะมีการพัฒนาถนนอย่างน้อยต้องเป็นขนาด 2 เลนเข้าถึงพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ส่วนทางรถไฟจะมีรถไฟความเร็วสูงขนาดกลางใช้เพื่อขนส่งนักท่องเที่ยว ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยกำลังดำเนินการอยู่แล้ว
จากบทสรุปดังกล่าว จะทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงคมนาคม เพื่อให้เรียกประชุมหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งรัดการทำงาน
ในส่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ดูแลเรื่องการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ,การจัดทำป้ายบอกทางและถนนสายรอง ซึ่งทั้งหมดจะนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติด้วยว่า แต่ละโครงการจะใช้งบประมาณเท่าใด โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯจะใช้เงินที่มีอยู่ในปีงบประมาณ 2552 เริ่มโครงการทันทีถ้าทำได้ จากนั้นจะตั้งเรื่องของงบต่อเนื่องในปีงบประมาณ2553 เพื่อให้ โครงการรอยัลโคสต์ นี้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็วจากระยะโครงการที่ตั้งไว้เริ่มปี 2552-2555
"มั่นใจโครงการรอยัลโคสต์จะเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมได้หลังจากผ่านการประชุมในวันที่ 11 ก.พ.นี้ เพราะโดยส่วนตัวมองว่า ต้องการให้โครงการนี้เริ่มจากการลงทุนเล็กๆที่พอทำได้ไปก่อน เพื่อให้โครงการได้เริ่มต้น จากนั้นก็เริ่มในโปรเจกที่ใหญ่ขึ้นตามลำดับ หากมัวแต่เขียนและแก้ไขแผนโครงการก็จะไม่เกิดเสียที แต่หากโครงการได้เริ่มต้นก็จะช่วยสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุน เพราะโครงการนี้จะมีเรื่องของการสร้างหลายโปรเจก เช่น ไดรฟ์วิ่งเซ็นเตอร์ ท่าจอดเรือ หมู่บ้านประมง หรือซีวิววิลเลจ ด้วย"
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ขอตั้งอนุกรรมการ 2 ชุด เพื่อทำงานไปพร้อมๆกัน คือ คณะอนุกรรมการพัมนาสินค้า เชื่อมโยงแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และคณะอนุกรรมการแนวทางการจัดทำแผนประชาสัมพันธ์และการตลาดของโครงการซึ่งชุดนี้จะเสนอให้นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ประธานบอร์ดททท.เป็นประธาน เพื่อดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายและการวางแผนควบคู่กันไปในระหว่างโครงการนี้ได้เริ่มก่อสร้างเพื่อให้เกิดการรับรู้แก่นักท่องเที่ยวในวงกว้าง