รอยัลโคสต์ สะดุด หลัง"วีระศักดิ์" ลงพื้นที่สำรวจ พบ ชุมชนยังขาดความเข้าใจ หวั่นซ้ำรอยโครงการอุตสาหกรรมเหล็ก บางสะพาน สั่งหน่วยงานที่รับผิดชอบ เร่งลงพื้นที่ชี้แจงด่วน หวังสร้างความไว้วางใจ ไปพร้อมการจัดทำแผน ยอมรับต้องใช้เวลาและเงินลงทุนมากกว่าแผนเดิมที่ศึกษาไว้แน่นอน ระบุ 2 ปี ทำแผนงานเสร็จก็เก่งแล้ว และสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองขณะนี้รัฐไม่พร้อมลงทุนขนาดใหญ่
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ข้อสรุปจากการสำรวจพื้นที่ในโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอ่าวไทย (รอยัลโคสต์) หรือ โครงการริเวียร่าเดิม ล่าสุดพบว่า ความเข้าใจของชุมชนในพื้นที่ต่อโครงการนี้ยังน้อย จึงต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างความเข้าใจ ถึงประโยชน์ของโครงการ และให้ชุมชนมีส่วนร่วม โดยคำนึงถึง วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ให้มากที่สุด จะได้ไม่เกิดปัญหาขึ้นภายหลัง เหมือนกรณี โรงงานเหล็ก ที่บางสะพาน จ.ประจวบฯ เพราะรับบาลต้องการให้โครงการนี้เป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแบบยั่งยืน
"การสร้างความไว้วางใจของคนในชุมชนให้เกิดขึ้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้น กระทรวงการท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการสร้างความเข้าใจกับชุมชน ไปพร้อมกับการศึกษาวางแผนการพัฒนา พื้นที่ โดยต้องคงความเป็นธรรมชาติสูงสุด เช่น อ่าวที่ไม่มีถนนเข้าถึง ก็ใช้เรือเป็นพาหนะ หรือ บางพื้นที่ ก็ใช้เครื่องบิน ขณะที่การตัดถนนจะต้องไม่เลาะเรียบชายหาดเพราะจะทำลายระบบนิเวศน์ทางทะเล แต่จะเป็นถนนเจาะตรง ถึงหาดท่องเที่ยวแบบช้อนซ้อม เป็นต้น"
ทั้งนี้ผลการศึกษาโครงการ รอยัลโคสต์ ในอดีต ตั้งไว้ว่าจะใช้เวลา 7 ปี ในการพัฒนาพื้นที่ ด้วยเงินลงทุนรวม 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นจากภาครัฐ เพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภค 1 หมื่นล้านบาท ส่วนอีก 2 หมื่นล้านบาท เป็นเงินลงทุนจากภาคเอกชน ที่จะเข้าไปปลูกสร้าง โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ตลอดจน สินค้าทางการท่องเที่ยวอื่น แต่ ยอมรับว่า จากการลงสำรวจพื้นที่ ยังพบข้อติดขัดอีกมากมาย โดยเฉพาะเรื่องความไม่เข้าใจของคนในชุมชน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาทำความเข้าใจนานเท่าใดไม่สามารถตอบได้ จึงเป็นไปได้ว่า ระยะเวลาโครงการอาจต้องยืดไปมากกว่า 7 ปี ส่วนเงินลงทุนก็ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในช่วงนั้น
"เราไม่กำหนดกรอบเวลา เพราะแค่วางกรอบแผนการทำงาน ก็น่าจะใช้เวลา 1-2 ปี ก็ถือว่าเก่งแล้ว และยังต้องสร้างความเข้าใจให้ชุมชนทุดคนพอใจ ประกอบกับภาวะการเงินของประเทศ และ สถานการณ์การเมือง ที่เป็นอยู่ขณะนี้ คงไม่สามารถผุดโครงการใหญ่ๆ ได้มากมาย ดังนั้น การทำโครงการให้มีความชัดเจน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน ก็ถือว่าดีที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะ รัฐบาลต้องการให้ โครงการนี้ ยั่งยืนและดำเนินการได้ต่อไปแม้จะเปลี่ยนรัฐบาล"
โครงการรอยัลโคสต์ จะดำเนินการภายใต้ภาพลักษณ์ของการเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวระดับสูง หรือ ไฮเออร์เอน สปอร์ต แอนด์ ทัวริสซึ่ม เจาะนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนอย่างสงบแบบส่วนตัว หากมีกีฬา ก็ต้องไม่ใช่กีฬาที่คึกคักมาก แต่เป็นกีฬาแบบนีชมาร์เก็ต เช่น ดำน้ำ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ด้านการลงทุน โครงการนี้ จะเปิดโอกาสให้ทั้งนักลงทุนระดับใหญ่ และ นักลงทุนกลุ่มเอสเอ็มอี โดยขอความร่วมมือกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ และทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อขอสิทธิพิเศษ เรื่องภาษี และ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
***เร่งบริษัททัวร์ทำแพกเกจเที่ยว 12 ชม.***
นายวีระศักดิ์ ยังกล่าวถึงประเด็นส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยว่า ล่าสุด ได้มอบบริษัทนำเที่ยว ไปเร่งดำเนินการจัดทำแพกเกจทัวร์ สำหรับนำเสนอขายนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มารอเปลี่ยนเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีระยะเวลาการรอ อย่างน้อย 3- 12 ชั่วโมง ให้ได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวในกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียง เช่น พัทยา สมุทรปราการ นนทบุรี อยุธยา เป็นต้น เบื้องต้น ราคาแพกเกจทัวร์ที่นักท่องเที่ยวจะสนใจซื้อ น่าจะอยู่ระหว่าง 80-150 เหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ได้ให้ ภาคเอกชน ได้แก่สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว ,สหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย และ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไปหารือร่วมกัน ในการจัดทำแพกเกจทัวร์ และ ต้องร่วมกันทำตลาด เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยล่าสุดได้จัดทำเอกสารเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี(ค.ร.ม.) ในเดือน ธ.ค.นี้ ให้พิจารณายกเว้นนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศ เพียงแต่ให้ยืนเอกสารสำคัญไว้ เช่น พาสสปอร์ต ก็สามารถออกไปท่องเที่ยวได้ในเวลาที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม โครงการ ทรานซิส ช้อยส์ ดังกล่าวข้างต้น จะช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศได้เพิ่มขึ้น ซึ่งในอดีต สมัยที่ใช้สนามบินดอนเมือง เคยมีโครงการนี้แล้ว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวใช้บริการประมาณ 2 หมื่นคนต่อเดือน แต่ขณะนี้ สนามบินสุวรรณภูมิ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น ดังนั้น ไทยจะได้รับนักท่องเที่ยวจากโครงการนี้เป็นหลักแสนคนต่อเดือน
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ข้อสรุปจากการสำรวจพื้นที่ในโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอ่าวไทย (รอยัลโคสต์) หรือ โครงการริเวียร่าเดิม ล่าสุดพบว่า ความเข้าใจของชุมชนในพื้นที่ต่อโครงการนี้ยังน้อย จึงต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างความเข้าใจ ถึงประโยชน์ของโครงการ และให้ชุมชนมีส่วนร่วม โดยคำนึงถึง วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ให้มากที่สุด จะได้ไม่เกิดปัญหาขึ้นภายหลัง เหมือนกรณี โรงงานเหล็ก ที่บางสะพาน จ.ประจวบฯ เพราะรับบาลต้องการให้โครงการนี้เป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแบบยั่งยืน
"การสร้างความไว้วางใจของคนในชุมชนให้เกิดขึ้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้น กระทรวงการท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการสร้างความเข้าใจกับชุมชน ไปพร้อมกับการศึกษาวางแผนการพัฒนา พื้นที่ โดยต้องคงความเป็นธรรมชาติสูงสุด เช่น อ่าวที่ไม่มีถนนเข้าถึง ก็ใช้เรือเป็นพาหนะ หรือ บางพื้นที่ ก็ใช้เครื่องบิน ขณะที่การตัดถนนจะต้องไม่เลาะเรียบชายหาดเพราะจะทำลายระบบนิเวศน์ทางทะเล แต่จะเป็นถนนเจาะตรง ถึงหาดท่องเที่ยวแบบช้อนซ้อม เป็นต้น"
ทั้งนี้ผลการศึกษาโครงการ รอยัลโคสต์ ในอดีต ตั้งไว้ว่าจะใช้เวลา 7 ปี ในการพัฒนาพื้นที่ ด้วยเงินลงทุนรวม 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นจากภาครัฐ เพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภค 1 หมื่นล้านบาท ส่วนอีก 2 หมื่นล้านบาท เป็นเงินลงทุนจากภาคเอกชน ที่จะเข้าไปปลูกสร้าง โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ตลอดจน สินค้าทางการท่องเที่ยวอื่น แต่ ยอมรับว่า จากการลงสำรวจพื้นที่ ยังพบข้อติดขัดอีกมากมาย โดยเฉพาะเรื่องความไม่เข้าใจของคนในชุมชน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาทำความเข้าใจนานเท่าใดไม่สามารถตอบได้ จึงเป็นไปได้ว่า ระยะเวลาโครงการอาจต้องยืดไปมากกว่า 7 ปี ส่วนเงินลงทุนก็ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในช่วงนั้น
"เราไม่กำหนดกรอบเวลา เพราะแค่วางกรอบแผนการทำงาน ก็น่าจะใช้เวลา 1-2 ปี ก็ถือว่าเก่งแล้ว และยังต้องสร้างความเข้าใจให้ชุมชนทุดคนพอใจ ประกอบกับภาวะการเงินของประเทศ และ สถานการณ์การเมือง ที่เป็นอยู่ขณะนี้ คงไม่สามารถผุดโครงการใหญ่ๆ ได้มากมาย ดังนั้น การทำโครงการให้มีความชัดเจน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน ก็ถือว่าดีที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะ รัฐบาลต้องการให้ โครงการนี้ ยั่งยืนและดำเนินการได้ต่อไปแม้จะเปลี่ยนรัฐบาล"
โครงการรอยัลโคสต์ จะดำเนินการภายใต้ภาพลักษณ์ของการเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวระดับสูง หรือ ไฮเออร์เอน สปอร์ต แอนด์ ทัวริสซึ่ม เจาะนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนอย่างสงบแบบส่วนตัว หากมีกีฬา ก็ต้องไม่ใช่กีฬาที่คึกคักมาก แต่เป็นกีฬาแบบนีชมาร์เก็ต เช่น ดำน้ำ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ด้านการลงทุน โครงการนี้ จะเปิดโอกาสให้ทั้งนักลงทุนระดับใหญ่ และ นักลงทุนกลุ่มเอสเอ็มอี โดยขอความร่วมมือกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ และทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อขอสิทธิพิเศษ เรื่องภาษี และ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
***เร่งบริษัททัวร์ทำแพกเกจเที่ยว 12 ชม.***
นายวีระศักดิ์ ยังกล่าวถึงประเด็นส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยว่า ล่าสุด ได้มอบบริษัทนำเที่ยว ไปเร่งดำเนินการจัดทำแพกเกจทัวร์ สำหรับนำเสนอขายนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มารอเปลี่ยนเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีระยะเวลาการรอ อย่างน้อย 3- 12 ชั่วโมง ให้ได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวในกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียง เช่น พัทยา สมุทรปราการ นนทบุรี อยุธยา เป็นต้น เบื้องต้น ราคาแพกเกจทัวร์ที่นักท่องเที่ยวจะสนใจซื้อ น่าจะอยู่ระหว่าง 80-150 เหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ได้ให้ ภาคเอกชน ได้แก่สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว ,สหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย และ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไปหารือร่วมกัน ในการจัดทำแพกเกจทัวร์ และ ต้องร่วมกันทำตลาด เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยล่าสุดได้จัดทำเอกสารเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี(ค.ร.ม.) ในเดือน ธ.ค.นี้ ให้พิจารณายกเว้นนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศ เพียงแต่ให้ยืนเอกสารสำคัญไว้ เช่น พาสสปอร์ต ก็สามารถออกไปท่องเที่ยวได้ในเวลาที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม โครงการ ทรานซิส ช้อยส์ ดังกล่าวข้างต้น จะช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศได้เพิ่มขึ้น ซึ่งในอดีต สมัยที่ใช้สนามบินดอนเมือง เคยมีโครงการนี้แล้ว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวใช้บริการประมาณ 2 หมื่นคนต่อเดือน แต่ขณะนี้ สนามบินสุวรรณภูมิ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น ดังนั้น ไทยจะได้รับนักท่องเที่ยวจากโครงการนี้เป็นหลักแสนคนต่อเดือน