ร้อยเอ็ด-เวทีพันธมิตรฯร้อยเอ็ดภิวัฒน์ พบปะสังสรรค์ครอบครัวพันธมิตรฯบรรลุเป้าหมาย หลังม็อบเติมเงินนปก.ยอมพ่ายความอหิงสา วิทยากรรุมจวกบรรดาทาสรับใช้แม้ว จ้างเสื้อแดงป่วนเวทีหวิดล่ม “สมเกียรติ”ซัดตำรวจ-ผู้ว่าฯยังสวามิภักดิ์ระบอบทักษิณ ไม่ยอมรับอำนาจรัฐบาลใหม่ แนะนายกฯมาร์คสังคายนา ถือเป็นปฏิปักษ์บริหารงานแผ่นดิน ประกาศลั่น 14-15 กุมภาฯ เปิดอีก 2 เวทีคาราวานพันธมิตรฯอุดรธานี-ขอนแก่น
เมื่อวันเสาร์ที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดร้อยเอ็ด ได้เปิดเวทีปราศรัยในหัวข้อ"ก้าวสู่ ร้อยเอ็ดภิวัฒน์ พบปะสังสรรค์ ครอบครัวพันธมิตรฯ พี่น้องผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาธิปไตย" ขึ้นที่บึงพลาญชัย อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งตามกำหนดการงานจะเริ่มในเวลาราว 18.00 น. โดยมี นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายไทกร พลสุวรรณ นายอมร อมรรัตนานนท์ นายพิชัย ไชยมงคล ฯลฯขึ้นปราศรัยให้ความรู้เกี่ยวกับการขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชน
เสื้อแดงป่วนบุกรื้อเวทีพันธมิตรฯ
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น.ได้มีกลุ่มนปก. เสื้อแดง ทยอยกันมารวมตัวที่บริเวณใกล้กับสถานที่จัดกิจกรรมและมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในช่วงหัวค่ำ ซึ่งฝูงชนเสื้อแดงเหล่านี้ได้รับจ้างมาจากบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทยและอดีต ส.ส.ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองอย่าง นายนิสิต สินธุไพร ระหว่างการชุมนุมบรรดาแกนนำต่างผลัดเปลี่ยนกันป่าวประกาศก่นดาพี่น้องพันธมิตรฯด้วยถ้อยคำหยาบคาย และยืนกรานว่าจะไม่ยอมให้พันธมิตรฯเปิดเวทีปราศรัยสำเร็จ ต้องล้มเวทีให้ได้
บรรยากาศการเผชิญหน้าตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงได้พยายามฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปทำลายรื้อเวทีของพันธมิตรฯให้ได้ ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เจรจากับแกนนำพันธมิตรฯร้อยเอ็ดให้รื้อถอนเวทีออกไปก่อนเพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย
ขณะเดียวกันพี่น้องพันธมิตรฯทั้งในจังหวัดร้อยเอ็ดและอีกหลายจังหวัดในภาคอีสาน ได้ทยอยเข้าไปสมทบมากขึ้น โดยนัดหมายกันไปรวมตัวที่หน้าสภ.เมืองร้อยเอ็ด เพื่อรอแกนนำที่กำลังเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ซึ่งยืนยันการเปิดเวทีปราศรัย หากตั้งเวทีที่บึงพลาญชัยไม่ได้ก็จะชุมนุมปราศรัยหน้า สภ.เมืองร้อยเอ็ดแทน
รายงานข่าวระบุว่าต่อมาในเวลาประมาณ 20.00 น.กลุ่มนปก.เสื้อแดงร่วม400-500 คนได้ทยอยเดินทางกลับ เพราะถือว่ายึดเวทีตามใบสั่งสำเร็จ กลุ่มเสื้อแดงเหล่านี้เกือบทั้งหมดอยู่รอบนอก ต่างอำเภอ ก็ได้ทยอยเดินทางกลับบ้าน หลังจากนั้นไม่นาน บรรดาแกนนำและวิทยากรก็เดินทักทายผู้ชุมนุม เช่น นายไทกร พลสุวรรณ นายวีระ สมความคิด นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายอมร อมรรัตนานนท์ และหรั่ง ร็อคเคสตร้า
วิทยากรได้เริ่มเปิดตัวปราศรัย ส่วนใหญ่แสดงความไม่พอใจ การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเนื่องจากปล่อยให้ นักการเมืองได้นำกลุ่มคนเสื้อแดง กดดันรื้อเวที โดยได้ย้ำถึงปัญหาของรัฐตำรวจในยุครัฐบาลของ "ทักษิณ" ที่จะต้องเป็นเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่จะต้องไม่เกิดขึ้น
นายไทกร พลสุวรรณ กล่าวว่า ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดใจและหยุดรับใช้นักการเมือง เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปก. ชัดเจนว่าเป็นฝีมือของ นักการเมือง แต่กลับมีเหตุการณ์กดดัน ที่บ่งชี้ชัดได้ว่าอยู่เหนือกฎหมายอย่างชัดเจน ที่ยังทำให้เหตุว่า ระบอบทักษิณ ยังคงกลืนแผ่นดินอีสาน จึงต้องการให้ เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ยุติการรับใช้นักการเมืองและให้ร่วมกันสร้างการเมืองใหม่ด้วยกัน
นายวีระ สมความคิด กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่เกิดจากกระบวนการต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป้าหมายชัดเจนคือ ประชาชนต้องการการเมืองใหม่ และขอให้พี่น้องพันธมิตรฯร่วมกันเฝ้าติดตามการทำงานของรัฐบาล "มารค์" ที่จะต้องเก็บกวาดระบอบทักษิณให้หมดไป จึงขอให้พี่น้องพันธมิตรฯ ได้ร่วมรักษาสัญญาและร่วมต่อสู้ให้ถึงที่สุด
ด้าน นายอมร อมรรัตนานนท์ กล่าวว่า ต้องการบอก นายนิสิต สินธุไพร อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด ที่ได้นำม็อบเสื้อแดงมารื้อเวที ขอให้ยุติบทบาทชั่วๆได้แล้ว และในขณะนี้พี่น้องประชาชนทุกคนรู้แล้วว่า ปัญหาทางการเมืองไทยเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญคือการรวมตัวและร่วมต่อต้านระบอบทักษิณให้หมดไปจากแผ่นดินไทย
"สมเกียรติ"ปลุกคนอีสานร่วมคาราวานพันธมิตรฯ
จัดใหญ่กลาง ก.พ. จ.อุดรธานีและจ.ขอนแก่น
แม้บรรยากาศจะค่อนข้างหนาวแต่การชุมนุมฟังปราศรัยของพี่น้องพันธมิตรฯเป็นไปอย่างคึกคัก นอกจากวิทยากรจะผลัดเปลี่ยนกันปราศรัยแล้ว ยังมีศิลปินหลายท่านผลัดกันร้องเพลงปลุกใจ สลับกับการขึ้นเวทีปราศรัยของวิทยากร
จนถึงเวลาราวเที่ยงคืน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัยท่ามกลางเสียงตบมือของพี่น้องพันธมิตรฯที่ยังอยู่กันหนาแน่น
นายสมเกียรติ กล่าวว่า เท่าที่ลงพื้นที่ในภาคอีสาน โดยเฉพาะล่าสุดที่มาเปิดเวทีร่วมกับพันธมิตรร้อยเอ็ด พบว่า กลไกที่หยั่งรากลึกในระบอบทักษิณ ยังคงฝั่งแน่นในภาคอีสาน ดังจะเห็นจากพฤติกรรมของ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด หรือแม้แต่นายตำรวจใหญ่ ทำให้เห็นว่าอิทธิพลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงมีอยู่มีความมั่นคงในภูมิภาคแห่งนี้ ที่พิสูจน์ได้จากการที่กลุ่มม็อบเสื้อแดงได้เข้ามาสร้างปัญหาให้แก่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ยังพบเห็นระบบการสวามิภักดิ์ต่อระบอบทักษิณยังมีอยู่ และพร้อมที่จะกลับมารับใช้อยู่ตลอดเวลา
อีกทั้งนักการเมืองในภาคอีสานก็ยังสมยอม และพร้อมที่จะเป็นเครื่องมือให้แก่ ระบอบทักษิณ อยู่ตลอดเวลาทั้งยังมีความพยายามในการเตรียมการที่จะเป็นฐานการเมือง ที่เตรียมตัวที่จะฟื้นคืนชีพให้แก่ระบอบทักษิณที่พันธมิตรฯสามารถจับได้และรู้ทัน
นายสมเกียรติระบุว่า ความต้องการที่แท้จริงของพันธมิตรฯจึงไม่ต้องการที่จะให้มีพื้นที่ให้แก่ระบอบทักษิณ ดังจะพบได้จากความพยายามของพี่น้องพันธมิตรฯทั่วภาคอีสาน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองมีความพยายามที่จะนำทาง นำความรู้ไปยังพี่น้องประชาชน แต่ก็ต้องมาถูกปิดกั้นด้วยระบอบสวามิภักดิ์ต่อระบอบทักษิณ อย่างกรณีของจังหวัดร้อยเอ็ด แต่พันธมิตรฯก็สามารถเปิดเวทีขึ้นมาจนได้ ถึงแม้จะมีปัญหาในการต่อรองและ"ยื้อเวลามานานถึง 2 ชั่วโมง"
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ความเลวร้ายของระบอบทักษิณ ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา กับปัญหาความยากจนที่ดำรงอยู่ในภาคอีสาน กับปัญหาของนักการเมืองที่ปล้นชาติที่อยู่ในระบอบทักษิณ ทำให้ภูมิภาคอีสาน ถูกจับตามองเป็นพิเศษ
ดังนั้น จากปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ รัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ควรที่จะต้องสร้างกลไกใหม่ให้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดและกลไกตำรวจให้อยู่ในอำนาจรัฐ แปลความได้ว่า จะต้องให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดและตำรวจในระดับภูมิภาคจะต้องอยู่ในอำนาจของรัฐบาลกลาง ไม่ใช่ว่าจะปล่อยให้ตำรวจหรือจังหวัดสามารถที่จะแข็งข้อต่อรัฐบาล อีกทั้งยังปล่อยให้เกิดปัญหาที่ไม่เกิดความสงบสุขภายในประเทศ
ในขณะนี้ กลไกของผู้ว่าราชการจังหวัด และ ตำรวจ กลายเป็นกลไกเดียวที่จะสามารถเป็นเครื่องมือให้แก่ระบอบทักษิณได้ รัฐบาลจึงควรที่จะต้องกล้าตัดสินใจในการปฏิรูป กลไกของตำรวจและปฏิรูปกลไกของอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพราะหากรัฐบาลไม่ยอมแก้ไขปัญหานี้ การแก้ไขปัญหาให้ตรงถึงระดับภูมิภาคก็จะล่าช้าและไม่ก้าวไปไหน
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ในส่วนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอยืนยันว่า ในการร่วมสร้างการเมืองใหม่ พันธมิตรฯ จะยังคงเดินหน้าในการเปิดพื้นที่ในภาคอีสานต่อไป โดยกำหนดที่จะเปิดเวทีในรูปแบบ คาราวานพันธมิตรฯใหญ่ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ จ.อุดรธานีและวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ จ.ขอนแก่น เพราะบทพิสูจน์จากความอหิงสา ในเวที จ.ร้อยเอ็ดที่สามารถยึดเวทีคืนและเปิดเวทีปราศรัยได้ นั่นก็คือความสำเร็จของพันธมิตรฯทุกคน
"เกี่ยวกับการสร้างการเมืองใหม่ หรือการเปิดเวทีแต่ละครั้งสิ่งที่ต้องการฝากถึงพี่น้องพันธมิตรฯภาคอีสานทุกจังหวัด ควรที่จะต้องมีการวางแผนให้รัดกุม โดยเฉพาะการประสานความร่วมมือกับเพื่อนพันธมิตรฯหลายๆจังหวัดและควรอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการจัดแบบกลุ่มก้อน
ในขณะเดียวกันก็จะต้องวางแผนร่วมกับพันธมิตรฯส่วนกลาง และควรที่จะต้องจัดให้มีเวทีปราศรัยให้ได้ในทุกจังหวัดของภาคอีสานที่ควรจะเกิดคาราวานพันธมิตรฯในลักษณะของการหมุนเวียนให้ความรู้กับพี่น้องประชาชน และขอให้พี่น้องพันธมิตรฯมีกำลังใจและมั่นใจในการสร้างการเมืองใหม่ร่วมกัน" นายสมเกียรติ กล่าว