xs
xsm
sm
md
lg

ลูกสาวเจ๊แดงท่าจะแย่ ถือหุ้นบริษัทคู่สัญญารัฐอื้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ขณะที่วานนี้ ( 21ม.ค.) นายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ ได้เข้าชี้แจงเพิ่มเติมต่อคณะอนุกรรมการฯ ที่มี นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง เป็นประธาน กรณีขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของน.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นบุตรสาวของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 , 265 , 160 (6) เป็นเหตุให้การเป็นสมาชิกภาพต้องสิ้นสุดลง เนื่องจากถือครองหุ้นในบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับรัฐ
หลังจากเข้าชี้แจง นายสมคิด กล่าวว่า จากที่ได้ยื่นข้อมูลต่อคณะอนุกรรมการไปก่อนหน้านี้ ทางอนุกรรมการฯได้นำไปตรวจสอบกับกรมทะเบียนการค้า พบว่าน.ส.ชินณิชา มีหุ้นที่มีความเชื่อมโยงกับบริษัทต่างๆ รวม 317 แห่ง จากที่เคยยื่นไว้ เพียง 18 แห่ง นอกจากนี้ทราบว่า คณะกรรมการจะทำหนังสือเชิญทางฝ่ายตรวจสอบบัญชีของตระกูลวงศ์สวัสดิ์ และ น.ส.ชินณิชา เข้ามาชี้แจง ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการฯ ได้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้วเสร็จไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ คาดว่า น่าจะสามารถสรุปผลได้ภายในสิ้นเดือนนี้ เพราะคณะกรรมการฯได้ขอขยายเวลาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวไว้รวมแล้ว 45 วัน ซึ่งขณะนี้ผ่านมากว่า 30 วันแล้ว ดังนั้นเชื่อว่าภายในสิ้นเดือนนี้ น่าจะแล้วเสร็จ

**คุยข้อมูลมัด"เนวิน"แน่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าด้วยว่า ในวันที่ 23ม.ค.นี้ คณะกรรมการไต่สวนกรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่า นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่มีนายสุวิช ชูตระกูล เป็นประธาน จะมีการเรียก นายสุรพงษ์ เข้าให้ปากคำ
ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ให้ตนมาชี้แจงเวลา 10.30 น. ซึ่งตนจะมาพร้อมกับทนายฝีมือดี สำหรับหลักฐานคงไม่มีการนำมาเพิ่ม เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ส่งมอบให้ กกต.ไปหมดแล้ว เป็นหลักฐานที่มีความสมบูรณ์ชัดเจนว่า มีความเคลื่อนไหว เพื่อให้ได้มาซึ่งการบริหารประเทศ มีการตกลงกันจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดมีการเริ่มต้น ตกลง และการกระทำจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ จากนั้นพบว่ามีการตอบแทนตามที่ได้ตกลงกันไว้
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า การชี้แจงครั้งนี้ ตนเชื่อว่าคงเป็นขั้นตอนและวิธีการของกกต.ในการเรียกผู้ร้องเรียนเข้ามาให้ข้อมูล เพื่อนำหลักฐานมาประกอบสำนวนให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น จากนั้นคงเป็นขั้นตอนการเซ็นรับรองหลักฐาน และเชื่อว่าหลังจากนี้อนุกรรมการสืบสวนสอบสวนน่าจะสรุปสำนวนส่งให้ กกต. เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป
"สำหรับเรื่องดังกล่าว คิดว่าหลักฐานชัดเจนอยู่แล้ว ทำให้พิจารณาได้ง่าย และไม่มีความซับซ้อน ประกอบกับหลักฐานทั้งภาพถ่าย และข้อมูลก็ครบถ้วน จึงไม่จำเป็นต้องเรียกใครมาชี้แจงอีกแล้ว โดยคิดว่าน่าจะสามารถสรุปสำนวนได้เลย" นายสุรพงษ์กล่าว

**ก๊วน"สุวิทย์"ลุ้นเป็นสมาชิกกิจสังคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า การย้ายเข้าสังกัดพรรคกิจสังคมของ 5 ส.ส.ที่นำโดยนายสุวิทย์ คุณกิตติ อาจมีปัญหา เนื่องจากกระบวนการรับสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคไม่ถูกต้อง จากการตรวจสอบพบว่า ขณะนี้ พรรคการเมืองที่ส.ส. ของพรรคที่ถูกยุบได้ย้ายเข้าสังกัด มีการแจ้งการรับสมาชิกมายังนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว รวมถึงพรรคกิจสังคม ซึ่งจากนี้นายทะเบียนพรรคการเมื อง จะทำการตรวจสอบว่าการรับสมาชิกเป็นไปตามข้อบังคับของพรรคการเมืองนั้นๆหรือไม่ โดยกฎหมาย ไม่ได้ระบุระยะเวลาว่า นายทะเบียนฯ ต้องตรวจสอบให้แล้วเสร็จเมื่อใด แต่หากตรวจสอบพบว่าไม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรค หรือมีการโต้แย้งก็จะแจ้งไปให้พรรคดำเนินการให้ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม กฎหมายไม่ได้กำหนดโทษร้ ายแรงถึงขั้นยุบพรรค แต่อาจจะมีผลในเรื่องระยะเวลาว่า ส.ส. ทั้ง 5 คน จะเข้าสังกัดพรรคใหม่ ไม่ทันกำหนด 60 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งยุบพรรค ซึ่งจะมีผลทำให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส. ต้องสิ้นสุดลง

**ตั้งกก.สอบข้อเท็จจริง"เพื่อแผ่นดิน"
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดินว่า ขณะนี้นายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว โดยมีนายปกครอง สุนทรสุทธิ์ รองเลขาธิการด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ เป็นประธานฯ ซึ่งไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่กกต.ได้เน้นย้ำให้ดำเนินการโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ กกต.มีมติตอบรับการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยแล้ว ภายหลังนายพรวุฒิ นามเดช และนายฉัตรภูมิ อำนายเหนือ ได้ลาออกจากการเป็นรองหัวหน้าพรรค และสมาชิกพรรค ซึ่งทางพรรคจะต้องมีการประชุมเพื่อคัดเลือกกรรมการบริหาพรรคคนใหม่ ภายในระยะเวลา 30 วัน หลังจากที่ กกต.ได้ตอบรับ ซึ่งทางพรรคต้องเรียกสมาชิกพรรคประชุมใหญ่ เพื่อคัดเลือกตัวบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งพรรคภูมิใจไทย นายสุทธิพลกล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่หากมีการร้องเรียนเข้ามา ทางกกต.ก็มีหน้าที่ตรวจสอบ
นายสุทธิพล ยังกล่าวถึงการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองว่า ที่ประชุม กกต.มีมติรับทราบคำขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองประจำปี พ.ศ. 2553 ที่ผ่านการเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุนแล้ว โดยมีวงเงิน 500 ล้านบาท สามารถแยกเป็น สนับสนุนกิจการพรรค 325 ล้านบาท ตั้งสถาบันพัฒนาพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง 70 ล้านบาท พัฒนาพรรคการเมือง 35 ล้านบาท วิจัย และพัฒนาพรรคการเมือง 5 ล้านบาท กันงบประมาณเป็นกองทุนหมุนเวียน 50 ล้านบาท และการบริหารกองทุน 15 ล้านบาท ซึ่งทางกกต. จะมีการเสนอให้ครม.พิจารณาเห็นชอบต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น