นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดตัวพรรคภูมิ ใจไทย ที่กลายเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่อันดับสองในรัฐบาล ว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นสมาชิกเก่าที่อยู่ในซีกรัฐบาลอยู่แล้ว คือ พรรคมัชฌิมาธิปไตย และกลุ่มเพื่อนเนวิน เมื่อถูกยุบพรรคก็ไปตั้งพรรคใหม่ คือ ภูมิใจไทย ถือเป็นปรากฏการณ์ตามปกติ
ส่วนกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่ผเด็จการแห่งชาติ(นปช.)ตั้งข้อสังเกตถึงพลังต่อรองภายในรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์จะต้องกังวลมากกว่า พรรคเพื่อไทยนั้น นายสุเทพ เห็นว่า นปช.แกล้งตั้งข้อสังเกตเพื่อให้สับสน พรรคประชาธิปัตย์ไม่จำเป็นต้องระแวง เพราะเป็นเพื่อนร่วมตั้งรัฐบาลมาด้วยกัน ทั้งกลุ่มเพื่อนเนวิน 23 คน และพรรคมัชฌิมาฯ 7 คน ก็ยกมือให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีอะไรต้องตื่นเต้น
แทนที่ผมจะไปคุยกับ 3 กลุ่ม ทั้งกลุ่มเพื่อนเนวิน กลุ่มนายสมศักดิ์ เทพสุทิน กลุ่มนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ต่อไปผมก็ไปคุยกลุ่มเดียวคือภูมิใจไทย สะดวกดี
ส่วนกระแสข่าวพรรคร่วมรัฐบาลไม่พอใจการจัดสรรงบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจ กว่าแสนล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนเนวิน ที่โครงการถนนปลอดฝุ่นถูกตัดงบฯนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เชื่อว่ากลุ่มเพื่อนเนวินจะเข้าใจ ว่างบฯที่ทำขึ้นมานี้เป็นงบฯอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินต้องเอาไปใช้ได้ทันที และสำเร็จทันที การสร้างถนนทั้งประเทศต้องใช้เวลา จึงเห็นว่ารอทำในงบฯปกติ แต่มีบางส่วนที่สามารถทำได้ทันที จึงจัดสรรงบฯ ไปให้ 1,500 ล้านบาท
การวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ได้คุมงบฯกว่า 60% เห็นว่าคนพูด พยายามพูดให้เกิดปัญหา พรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจดีว่างบฯ นี้เป็นงบฯ กระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นงบฯ ที่ต้องใช้ให้ถึงมือประชาชน เป็นประโยชน์ทันที
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหาร พรรค ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ทำแน่ และเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยก็คงไม่คิดจะทำ
คนถูกตัดสิทธิร่วมงานภูมิใจไทยไม่ผิด
นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีอดีต กรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบและถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมาร่วมในงาน เปิดตัวพรรคภูมิใจไทย ว่า ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไปร่วมงานในฐานะแขกรับเชิญเท่านั้น รวมทั้งไม่ได้ประกาศว่าเป็นผู้ร่วมจัดตั้งพรรคการเมืองแต่อย่างใด จึงไม่น่าจะผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตามหากผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไปร่วมจัดตั้งพรรคการเมืองก็จะถือว่าทำผิดกฎหมาย รวมทั้งยังไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดได้ เนื่องจาก เมื่อเป็นสมาชิกก็ย่อมต้องไปทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกับพรรคซึ่งอาจจะขัดต่อกฎหมายเช่นกัน
ส่วนที่มีข่าวว่า ส.ส. ที่เข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย บางส่วนอาจย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทยนั้น นางสดศรี กล่าวว่า ส.ส. ที่ได้ย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทยแล้ว ไม่สามารถที่จะย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยได้ จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีการยุบสภาเท่านั้น
นางสดศรี กล่าวถึงกรณีที่ทางพรรคฝ่ายค้านยังไม่สามารถเลือกผู้นำฝ่ายค้าน ได้ว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 110 ระบุว่าเมื่อ ครม.เข้าบริหารราชการแผ่นดิน จะต้องมีการแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แม้จะไม่ได้กำหนดเวลาไว้ ดังนั้นการจะไม่เลือกคงทำไม่ได้ เพราะตำแหน่งดังกล่าวกำหนดไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญ และเป็นตำแหน่งที่ต้องโปรดเกล้าฯ รวมทั้งหากไม่มีผู้นำฝ่ายค้านอาจจะมีปัญหา ตามมาสำหรับการทำงานในสภาฯโดยเฉพาะไม่สามารถที่จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นกรณีผู้ที่ ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองไปร่วมงานเปิดตัวพรรคภูมิใจไทยผิดกฎหมายหรือไม่ โดยกล่าวเพียงว่า มาตรา 97 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง ห้ามผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ไปดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค หรือจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ ซึ่งกกต.เคยมีความเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะเป็นกรรมการบริหารพรรคให้ถือว่าบุคคลนั้นเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย ดังนั้นต้องดูข้อเท็จจริงว่าการไปร่วมงานเข้าข่ายลักษณะมาตรา 97 หรือไม่
ส่วนที่ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ที่ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแสดงความ ต้องการจะย้ายพรรคไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยโดยอ้างว่า ความเป็นสมาชิก พรรคเพื่อไทยยังไม่สมบูรณ์ นายสุทธิพล กล่าวว่า ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แต่ตามมาตรา 20 วรรค 2 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ระบุว่า การลาออกจากการเป็น สมาชิกพรรคให้ถือว่าสมบูรณ์ต่อเมื่อยื่นใบลาออกต่อนายทะเบียนสมาชิกพรรค ซึ่งการย้ายพรรคที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการย้ายพรรคภายใต้กติกาที่มีการยุบพรรค ดังนั้นเมื่อไปยื่นใบสมัครพรรคการเมืองหนึ่งแล้ว จะย้ายไปสมัครไปอยู่อีก พรรคการเมืองหนึ่งไม่ได้ ดังนั้นการสมัครต้องไปตรวจสอบว่านายทะเบียนสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ตอบรับแล้วหรือยัง
ด้านนายกฤช เอื้อวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวว่าความเป็นสมาชิกพรรคแต่ละพรรคจะมีความสมบูรณ์ หรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อบังคับพรรคนั้นๆ ว่าจะกำหนดอย่างไร แต่ในส่วนของ พรรคเพื่อไทย ข้อบังคับพรรคบอกว่าความเป็นสมาชิกพรรคสมบูรณ์เมื่อนายทะเบียนสมาชิกพรรค ได้ตอบรับ ซึ่งกรณีนี้หากนายทะเบียนสมาชิกพรรคได้ตอบรับสมบูรณ์แล้ว ส.ส.กลุ่มดังกล่าวจะไม่สามารถย้ายไปสังกัดพรรคอื่นได้ และส.ส.พรรคเพื่อไทยลาออก จากการเป็นสมาชิกพรรคก็จะสิ้นสุดสมาชิกภาพการเป็นส.ส.ทันที และหากเป็นส.ส.เขตลาออกก็ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่
ทั้งนี้ที่ประชุมกกต.ได้ตอบรับการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ที่มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว และนายทะเบียนพรรคการเมืองก็เห็นชอบ
สำหรับกรณีมีการเสนอจดแจ้งพรรคเงินเดือนประชาชนนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารระบุใช้ชื่อย่อว่า (งดช. ) มีหัวหน้าพรรคชื่อ นายอินแก้ว เทียนแก้ว มีเลขาธิการพรรคชื่อ นายบุญส่ง เทียนแก้ว และกรรมการบริหารพรรคที่เสนอมา เกือบทุกคนนามสุกล เทียนแก้ว เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.กานต์ เทียนแก้ว อดีตแกนนำพรรคพลังประชาชน โดยที่ทำการพรรคอยู่ที่ 62 ซอย 1 ถ.นาก่วม ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง
สำหรับ ตราสัญลักษณ์พรรค เป็นรูปวงกลม โดยรอบนอกเป็นสีม่วง มีชื่อ พรรคเงินเดือนประชาชน (งดช.) และชื่อพรรคภาษาอังกฤษชื่อ People Salary Party โดยในวงกลมเป็นพื้นสีขาว ซึ่งพรรคดังกล่าวได้มาขอจดแจ้งกับ กกต. ในวันที่ 19 ธ.ค. 2551
ส่วนกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่ผเด็จการแห่งชาติ(นปช.)ตั้งข้อสังเกตถึงพลังต่อรองภายในรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์จะต้องกังวลมากกว่า พรรคเพื่อไทยนั้น นายสุเทพ เห็นว่า นปช.แกล้งตั้งข้อสังเกตเพื่อให้สับสน พรรคประชาธิปัตย์ไม่จำเป็นต้องระแวง เพราะเป็นเพื่อนร่วมตั้งรัฐบาลมาด้วยกัน ทั้งกลุ่มเพื่อนเนวิน 23 คน และพรรคมัชฌิมาฯ 7 คน ก็ยกมือให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีอะไรต้องตื่นเต้น
แทนที่ผมจะไปคุยกับ 3 กลุ่ม ทั้งกลุ่มเพื่อนเนวิน กลุ่มนายสมศักดิ์ เทพสุทิน กลุ่มนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ต่อไปผมก็ไปคุยกลุ่มเดียวคือภูมิใจไทย สะดวกดี
ส่วนกระแสข่าวพรรคร่วมรัฐบาลไม่พอใจการจัดสรรงบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจ กว่าแสนล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนเนวิน ที่โครงการถนนปลอดฝุ่นถูกตัดงบฯนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เชื่อว่ากลุ่มเพื่อนเนวินจะเข้าใจ ว่างบฯที่ทำขึ้นมานี้เป็นงบฯอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินต้องเอาไปใช้ได้ทันที และสำเร็จทันที การสร้างถนนทั้งประเทศต้องใช้เวลา จึงเห็นว่ารอทำในงบฯปกติ แต่มีบางส่วนที่สามารถทำได้ทันที จึงจัดสรรงบฯ ไปให้ 1,500 ล้านบาท
การวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ได้คุมงบฯกว่า 60% เห็นว่าคนพูด พยายามพูดให้เกิดปัญหา พรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจดีว่างบฯ นี้เป็นงบฯ กระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นงบฯ ที่ต้องใช้ให้ถึงมือประชาชน เป็นประโยชน์ทันที
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหาร พรรค ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ทำแน่ และเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยก็คงไม่คิดจะทำ
คนถูกตัดสิทธิร่วมงานภูมิใจไทยไม่ผิด
นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีอดีต กรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบและถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมาร่วมในงาน เปิดตัวพรรคภูมิใจไทย ว่า ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไปร่วมงานในฐานะแขกรับเชิญเท่านั้น รวมทั้งไม่ได้ประกาศว่าเป็นผู้ร่วมจัดตั้งพรรคการเมืองแต่อย่างใด จึงไม่น่าจะผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตามหากผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไปร่วมจัดตั้งพรรคการเมืองก็จะถือว่าทำผิดกฎหมาย รวมทั้งยังไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดได้ เนื่องจาก เมื่อเป็นสมาชิกก็ย่อมต้องไปทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกับพรรคซึ่งอาจจะขัดต่อกฎหมายเช่นกัน
ส่วนที่มีข่าวว่า ส.ส. ที่เข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย บางส่วนอาจย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทยนั้น นางสดศรี กล่าวว่า ส.ส. ที่ได้ย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทยแล้ว ไม่สามารถที่จะย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยได้ จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีการยุบสภาเท่านั้น
นางสดศรี กล่าวถึงกรณีที่ทางพรรคฝ่ายค้านยังไม่สามารถเลือกผู้นำฝ่ายค้าน ได้ว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 110 ระบุว่าเมื่อ ครม.เข้าบริหารราชการแผ่นดิน จะต้องมีการแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แม้จะไม่ได้กำหนดเวลาไว้ ดังนั้นการจะไม่เลือกคงทำไม่ได้ เพราะตำแหน่งดังกล่าวกำหนดไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญ และเป็นตำแหน่งที่ต้องโปรดเกล้าฯ รวมทั้งหากไม่มีผู้นำฝ่ายค้านอาจจะมีปัญหา ตามมาสำหรับการทำงานในสภาฯโดยเฉพาะไม่สามารถที่จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นกรณีผู้ที่ ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองไปร่วมงานเปิดตัวพรรคภูมิใจไทยผิดกฎหมายหรือไม่ โดยกล่าวเพียงว่า มาตรา 97 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง ห้ามผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ไปดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค หรือจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ ซึ่งกกต.เคยมีความเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะเป็นกรรมการบริหารพรรคให้ถือว่าบุคคลนั้นเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย ดังนั้นต้องดูข้อเท็จจริงว่าการไปร่วมงานเข้าข่ายลักษณะมาตรา 97 หรือไม่
ส่วนที่ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ที่ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแสดงความ ต้องการจะย้ายพรรคไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยโดยอ้างว่า ความเป็นสมาชิก พรรคเพื่อไทยยังไม่สมบูรณ์ นายสุทธิพล กล่าวว่า ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แต่ตามมาตรา 20 วรรค 2 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ระบุว่า การลาออกจากการเป็น สมาชิกพรรคให้ถือว่าสมบูรณ์ต่อเมื่อยื่นใบลาออกต่อนายทะเบียนสมาชิกพรรค ซึ่งการย้ายพรรคที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการย้ายพรรคภายใต้กติกาที่มีการยุบพรรค ดังนั้นเมื่อไปยื่นใบสมัครพรรคการเมืองหนึ่งแล้ว จะย้ายไปสมัครไปอยู่อีก พรรคการเมืองหนึ่งไม่ได้ ดังนั้นการสมัครต้องไปตรวจสอบว่านายทะเบียนสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ตอบรับแล้วหรือยัง
ด้านนายกฤช เอื้อวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวว่าความเป็นสมาชิกพรรคแต่ละพรรคจะมีความสมบูรณ์ หรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อบังคับพรรคนั้นๆ ว่าจะกำหนดอย่างไร แต่ในส่วนของ พรรคเพื่อไทย ข้อบังคับพรรคบอกว่าความเป็นสมาชิกพรรคสมบูรณ์เมื่อนายทะเบียนสมาชิกพรรค ได้ตอบรับ ซึ่งกรณีนี้หากนายทะเบียนสมาชิกพรรคได้ตอบรับสมบูรณ์แล้ว ส.ส.กลุ่มดังกล่าวจะไม่สามารถย้ายไปสังกัดพรรคอื่นได้ และส.ส.พรรคเพื่อไทยลาออก จากการเป็นสมาชิกพรรคก็จะสิ้นสุดสมาชิกภาพการเป็นส.ส.ทันที และหากเป็นส.ส.เขตลาออกก็ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่
ทั้งนี้ที่ประชุมกกต.ได้ตอบรับการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ที่มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว และนายทะเบียนพรรคการเมืองก็เห็นชอบ
สำหรับกรณีมีการเสนอจดแจ้งพรรคเงินเดือนประชาชนนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารระบุใช้ชื่อย่อว่า (งดช. ) มีหัวหน้าพรรคชื่อ นายอินแก้ว เทียนแก้ว มีเลขาธิการพรรคชื่อ นายบุญส่ง เทียนแก้ว และกรรมการบริหารพรรคที่เสนอมา เกือบทุกคนนามสุกล เทียนแก้ว เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.กานต์ เทียนแก้ว อดีตแกนนำพรรคพลังประชาชน โดยที่ทำการพรรคอยู่ที่ 62 ซอย 1 ถ.นาก่วม ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง
สำหรับ ตราสัญลักษณ์พรรค เป็นรูปวงกลม โดยรอบนอกเป็นสีม่วง มีชื่อ พรรคเงินเดือนประชาชน (งดช.) และชื่อพรรคภาษาอังกฤษชื่อ People Salary Party โดยในวงกลมเป็นพื้นสีขาว ซึ่งพรรคดังกล่าวได้มาขอจดแจ้งกับ กกต. ในวันที่ 19 ธ.ค. 2551
