xs
xsm
sm
md
lg

พรรคภูมิไจไทย มิตรวันนี้หรือมะเร็งร้ายในวันหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การเปิดตัวพรรคภูมิใจไทยเมื่อวานนี้(14 ม.ค.) ถือเป็นการออกสตาร์ทโชว์บุคลากรในระดับบัญชาการ ได้เป็นอย่างดี เพราะระดับบิ๊กของวงการการเมืองโผล่หน้ามาให้ชมกันหน้าสลอน แบบไม่มีอาการเหนียมอายอีกต่อไป
ทั้งสมาชิกบ้านเลขที่ 111 อาทิ นายเนวิน ชิดชอบ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสรอรรถ กลิ่นประทุม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสุชาติ ตันเจริญ และนายอนุชา นาคาศัย ที่แฝงนัยสำคัญไว้ด้วยว่า คนเหล่านี้เป็นแนวร่วมให้กับกลุ่มเพื่อนเนวิน
ขณะที่อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนก็เดินทางมาโชว์ตัวกับเขาด้วย อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี คนสนิทนายเนวิน นายธีระชัย แสนแก้ว และนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์
ส่วนรัฐมนตรีในโควตากลุ่มเพื่อนเนวิน ก็เดินทางมาร่วมด้วยอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ นายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
พรรคภูมิใจไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2551 โดยมีนายพิพัฒน์ พรมวราภรณ์ เป็นหัวหน้าพรรค นายนรวุฒิ นามเดช เป็นรองหัวหน้าพรรค นายมงคล ศรีอ่อน เป็นเลขาธิการพรรค นายบัวลอย ฉิมมารักษ์ เป็นรองเลขาธิการพรรค นางศรีวัง เสือทอน เป็นเหรัญญิกพรรค นางวันเพ็ญ ขวัญวงศ์ เป็นโฆษกพรรค มีนายฉัตรภูมิ อำนาจเหนือ เป็นนายทะเบียนพรรค นายไกรศร ชูเที่ยง และน.ส. สุริยาพร โพธิ์ศรี เป็นกรรมการบริหารพรรค
สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ 134/245 ถ.นนทบุรี ต.ท่าทราย อ.เมือง นนทบุรี ส่วนสโลแกนพรรคใช้คำว่า "ประชานิยม...สังคมเป็นสุข" โดยใช้โลโก้เป็นรูปริ้ว 2 ริ้ว สีแดงและสีน้ำเงินประกบเข้าด้วยกัน เป็นรูปหัวใจล้อมรอบแผนที่ประเทศไทยที่เป็นสีแดงทั้งหมด
สำหรับประวัติทางการเมืองของ นายพิพัฒน์ ที่เป็นหุ่นเชิดตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้น เคยเป็นอดีตผู้สมัครส.ส.กลุ่ม 1 ภาคเหนือของพรรคมัชฌิมาธิปไตย และยังเป็นคนสนิทของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคมัชฌิมาธิปไตยด้วย โดยนายพิพัฒน์ทำงานด้านมวลชนในพื้นที่ให้กับนายสมศักดิ์มาโดยตลอด
แม้ว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคอะไหล่ของพรรคมัชฌิมาธิปไตยเดิม แต่เนื่องจากนายสมศักดิ์นั้น มีส.ส.ในมือเพียง 7 คน ที่โหวตให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ตรงนี้เองที่ทำให้อำนาจต่อรองทางการเมืองของนายสมศักดิ์ย่อมต้องลดลงตามไปด้วย
**จนเป็นที่มาของการต้องจับมือกันระหว่างนายสมศักดิ์กับนายเนวิน รวมถึงการพ่วงเอากลุ่มของนายสรอรรถมาอยู่ด้วยกันด้วย ซึ่งล้วนเพื่อหวังผลในการต่อรองทั้งสิ้น
เมื่อการเมืองดำเนินไปในรูปแบบนี้ ส่งผลให้จำนวน ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย เบื้องต้นถึงเวลานี้รวมกันแล้วอย่างน้อย 30-35 คน ที่จะมาค้ำจุนรัฐนาวา มาร์ค 1 ให้ลอยลำต่อไปได้ เพราะเวลานี้กลายเป็นพรรคอันดับ 2 รองจากพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว
**ตรงนี้เองที่บรรดาเซียนการเมืองต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การเลือกตั้งใหญ่ในอนาคตนั้น พรรคภูมิใจไทยจะเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดของพรรคประชาธิปัตย์ อย่างแน่นอน
เพราะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์มีฐานเสียงอยู่ที่ภาคใต้ พรรคภูมิใจไทยก็มีฐานเสียงใหญ่ที่ภาคอีสานหนุนหลังเหมือนกัน ขนาดลูกผู้ชายที่ชื่อสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังต้องออกมาพูดดักคอเสียงอ่อนเสียงหวานไว้ล่วงหน้าว่า ในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า พรรคประชาธิปัตย์ยังพร้อมที่จะทำงานร่วมกัน
ยังไม่นับรวมส.ส.ของฟากพรรคเพื่อไทย ที่วันนี้เริ่มดวงตาเห็นธรรมแล้วว่า อยู่กับฝั่งไหนจะอิ่มท้องได้มากที่สุด ดูได้จากการทำหนังสือสอบถามไปยังกกต.ว่า สามารถย้ายไปสังกัดเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยได้หรือไม่
**ร้อนถึงนางสดศรี สัตยธรรม ต้องออกมาฟันธงว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะติดข้อกฎหมายที่ระบุว่า ส.ส.ไม่สามารถย้ายพรรคระหว่างสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ นอกจากจะมีการยุบสภา ส่งผลให้หลายคนออกมาโอดโอยกับการตัดสินใจ ที่ผิดพลาดครั้งนี้กันเป็นทิวแถว
ส่วนยุทธศาสตร์ที่พรรคภูมิใจไทยจะยึดไว้เป็นหลักนั่นก็คือ พยายามรักษาฐานเสียงของตัวเองเอาไว้ให้ได้มากที่สุด หรืออย่างน้อยพรรคจะต้องมีส.ส.ไม่น้อยกว่า 30 คน เพื่อเป็นอำนาจต่อรองขอร่วมรัฐบาลกับพรรคที่ได้เสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาลทุกยุคสมัยนั่นเอง
เมื่อหันมามองเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย เรียกได้ว่าเป็นเก้าอี้ที่มีไว้เพื่อสร้างฐานเสียงในพื้นที่ได้เป็นอย่างดีทั้งสิ้น ทั้ง รมว.มหาดไทย รมช.มหาดไทย รมว.คมนาคม รมช.คมนาคม รมว.พาณิชย์ รมช.สาธารณสุข และรมช.เกษตรและสหกรณ์ ยังไม่นับรวมเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรของนายชัย ชิดชอบ อีกเก้าอี้หนึ่งด้วย
**สำหรับเรื่องสำคัญสุด คือทุน เรียกกล่าวได้ว่า เวลานี้พรรคภูมิใจไทยน่าจะเป็นพรรคเดียวที่ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้ก็ว่าได้ เพราะเพียงแค่ได้ยินชื่อ ซิโน-ไทย และคิงเพาเวอร์ บวกกับทีมงานของนายอนุชา นาคาศัย แล้ว งานนี้พร้อมควักกระเป๋าทุ่มทุนสร้างเต็มที่แบบไม่มีเม้ม
ยิ่งหากนายชวรัตน์ได้นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค และนางพรทิวา นาคาสัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้นั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรค ในการปรับโครงสร้างพรรคใหม่ที่จะเกิดขึ้นในเดือนก.พ.ด้วยแล้วละก็ เท่ากับเป็นการแบ่งงานกันบริหารอย่างลงตัว
นายชวรัตน์บริหารงานและเงินในฟากเพื่อนเนวิน ขณะที่นางพรทิวา ก็บริหารงบและงานในฟากของกลุ่มนายสมศักดิ์
**แต่ที่รู้กันดีก็คือ ทั้ง 2 คนนี้ เป็นนายทุนประเภทมือเบา พร้อมเติมกระสุนใส่ลูกซองให้ลูกน้องแบบไม่มีอั้น
นี่ขนาดยังไม่รวมกลุ่มทุนรายอื่นที่มาโชว์ตัวในวันแถลงข่าวเปิดตัวพรรคภูมิใจไทย เรียกได้ว่าหันหน้ามองแกนนำพรรคคนไหนก็มีแต่กลุ่มทุนทั้งนั้น เห็นทีงานนี้ลูกพรรคภูมิใจไทยคงได้กินอิ่มนอนหลับกับการดูแลแบบไข่ในหินเลยทีเดียว
**เพราะน้ำเลี้ยงคงไม่ขาดสาย หรือตระหนี่ถี่เหนียวแบบพรรคเก่าที่ย้ายหนีมา แบบนี้การที่ส.ส.จะย้ายกลับไปซบรังเก่าเห็นทีจะเป็นไปได้ยาก ไม่ต้องอาศัยเงื่อนไขผูกมัดอะไรกันให้มาก แค่โชว์ศักยภาพกลุ่มทุนให้บรรดาส.ส.ได้เห็นหน้า แค่นี้ก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้ส.ส.ลงหลักปักฐานอยู่กับพรรคภูมิใจไทยไปอีกนาน
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ส.ส.และอดีตส.ส.พากันมากระจุกตัวกันที่พรรคนี้ เพราะเป็นรัฐบาล ได้รับเบี้ยเลี้ยงจากหัวหน้ากลุ่มก๊วนครั้งละเป็นแสนบาท ไม่ต้องทนอดยากปากแห้งกับพรรคฝ่ายค้าน มันย่อมดีกว่ากันเยอะ
แต่ที่น่าแปลกก็คือ บรรดาระดับบิ๊กการเมืองเหล่านี้ล้วนเก๋าเกมการเมืองทั้งสิ้น แม้วันนี้มาโชว์หน้าโชว์ตัว ทำทีมาดูลาดเลา แต่ก็พร้อมจะเปลี่ยนใจได้ทุกเวลาเช่นกัน
**ย่างก้าวจากนี้ไปของพรรคภูมิใจไทยจึงเรียกได้ว่า น่าจับตามองอย่างยิ่ง และถือเป็นความท้าทายของรัฐนาวา มาร์ค 1 ด้วยว่า จะบริหารความต้องการของพรรคร่วมรัฐบาลในสถานการณ์ที่ตัวเองก็ไม่สามารถกุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ขนาดไหน
เพราะคำถามวันนี้ที่ยังน่าคลางแคลงใจคือ บิ๊กการเมืองเหล่านี้ มารวมตัวกันขนาดนี้ จุดประสงค์จริงๆแล้วต้องการอะไรกันแน่ แอบซุกวาระช่วยนายใหญ่ไว้หรือไม่ เพราะแว่วมาว่า ถึงเวลานี้ไม่ขอรับส.ส.ของพรรคไหนมาเพิ่มให้เป็นภาระอีกแล้ว
**นั่นหมายถึงว่า พรรคภูมิใจไทย อาจกลายเป็นมะเร็งร้ายของรัฐบาลได้ทุกเมื่อ
กำลังโหลดความคิดเห็น