ASTVผู้จัดการรายวัน - "หมอมิ้ง" โผล่! ปฏิเสธประสานบริษัทล๊อบบี้ยีสต์ต่างชาติที่ถูกกล่าวหาว่าแม้วจ้างให้ทำลายประเทศไทย ลั่นไม่เชื่อจะมีใครว่าจ้างสื่อได้ ชี้ "หมอบุรณัชย์"ปูดเรื่องนี้เพื่อหาแพะทางการเมือง อ้างการกระทำของพันธมิตรฯ และการรัฐประหารเป็นผลกระทบต่อความเชื่อถือ จี้รัฐบาลจัดการตาม กม. ด้านโฆษก ปชป.ท้า "มิ้ง" ให้แจงข้อเท็จจริงการจ้างล็อบบี้ยีสต์ "อภิสิทธิ์" ไม่สนแต่อย่าโจมตีประเทศ-ล่วงละเมิดสถาบัน
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แถลงโต้ กรณี นพ.บุรณัชย์ สมุทรรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ว่าจ้าง 4 บริษัท ล็อบบี้ยีสต์ต่างชาติทำลายความน่าเชื่อถือ ของประเทศไทย โดยมี นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ นายภูมิธรรม เวชชยชัย และนพ.พรหมินทร์ ทำหน้าที่ติดต่อ ประสานงานกับบริษัทดังกล่าวว่า ในสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคผู้นำรัฐบาล ควรมุ่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน สร้างความสามัคคี ยุติปัญหาความขัดแย้ง มากกว่าการกล่าวหาให้ร้ายว่าสาเหตุต่างๆ เกิดจาก พ.ต.ท.ทักษิณ หรือการล็อบบี้ของบริษัทใด ๆ ในต่างประเทศ
"ปัญหาของประเทศต้องการแก้ไข มากกว่าการกล่าวหาแพะทางการเมือง เพื่อโยนความผิดให้ผู้อื่นตามความถนัด ย่อมไม่เป็นข้ออ้างเพื่อเลี่ยงความรับผิดชอบ การแก้ปัญหาของชาติและปัญหาปากท้องประชาชนที่มีความเร่งด่วน"
นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า เหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2549 ต่อเนื่องถึง กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บุกยึด ทำเนียบรัฐบาล ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศด้วยตัวเหตุการณ์เอง คงไม่มีบริษัท ล็อบบี้ใดในโลกสามารถทำได้ จึงเป็นภาระสำคัญที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องทำ ตามที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะสื่อมวลชนคงจับตาเรื่องนี้ เนื่องจากมี นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ นายประพันธ์ คูณมี นายสำราญ รอดเพชร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ร่วมเป็นแกนนำ และผู้ร่วมปฏิบัติการคนสำคัญของกลุ่มพันธมิตรฯ
นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า สื่อต่างประเทศยึดมั่นในเสรีภาพของสื่อมวลชนและหลักประชาธิปไตย คงไม่มีใครไปกำหนดหรือบอกให้สื่อมวลชนทำอะไรได้ โดยฝืนข้อเท็จจริง ที่ผ่านมารัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถูกวิจารณ์อย่างรุนแรง แม้หลังการรัฐประหารจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่หยุดวิจารณ์ ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครคิดร้ายต่อประเทศ จนต้องจัดจ้างใครมาทำลายความน่าเชื่อถือ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์คงจะถนัดแต่การกล่าวร้ายจนลืมตรวจสอบตรรกะความน่าเชื่อถือ
"หาก หมอบุรณัชย์ ยังไม่ถนัดทำงานด้านสร้างสรรค์ หรือไม่มีแบบอย่าง ผมและ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ในฐานะที่ได้รับการอบรมศึกษาในวิชาชีพแพทย์เหมือนกัน ถูกอบรมให้ยึดมั่นในความจริง ข้อเท็จจริง เป็นผู้แก้ทุกข์ แก้ปัญหาให้ผู้อื่นมากกว่า สร้างทุกข์ และทำลายผู้อื่น ยินดีเป็นผู้ให้คำแนะนำ"
นพ.พรมมินทร์กล่าวว่า คงไม่ฟ้องร้อง นพ.บุรณัชย์ เพราะมีคดีฟ้องหมิ่นประมาทของศาลอาญา ที่จะอ่านคำพิพากษาวันที่ 13 ก.พ.นี้ ที่ตนฟ้องพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เลขาธิการพรรค โฆษกพรรค ในขณะนั้น กล่าวหาว่าตน มีส่วนเกี่ยวข้องกรณีปฏิญญาฟินแลนด์ ซึ่งผลการตัดสินเรื่องนี้จะเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้เพียงแต่รอเวลาเท่านั้น
นพ.พรหมินทร์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวทางการเมืองแล้ว หลังจากถูกตัดสิทธิทางการเมือง ทำธุรกิจอย่างเดียว และถึงจะครบ 5 ปี ที่ถูกตัดสิทธิการเมือง ก็ไม่ขอกลับมาเล่นการเมืองอีก การทำงานการเมืองที่ผ่านมาก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะเข้ามา เพียงแต่มีโอกาสจึงเข้ามาทำงาน และการแถลงข่าววันนี้ (5 ธ.ค.) ได้ปรึกษากับทั้งนายภูมิธรรมและนายพันศักดิ์แล้ว แต่ทั้งสองติดภารกิจจึงไม่ได้เดินทางมาด้วย
ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงโต้ตอบ นพ.พรหมินทร์ ที่ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังหาแพะทางการเมืองว่า สำคัญอยู่ที่ข้อเท็จจริงมากกว่าว่า ทั้ง 3 ท่านรับทราบหรือไม่ว่าเคยมีและยังมีการว่าจ้าง 3 บริษัทเดิมอยู่หรือบริษัทใหม่หรือไม่เท่านั้น ตนเองไม่เคยกล่าวว่า 3 ท่านเป็นผู้ว่าจ้างเอง ซึ่งนพ.พรหมินทร์ก็ไม่ปฏิเสธถึงการรับรู้แต่อย่างใด แต่ก็ยังหวังอยู่ว่า นพ.พรหมมินทร์ จะช่วยยุติการดำเนินการดังกล่าวได้
นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า ที่ผ่านมาความแตกแยกในสังคมเป็นผลโดยตรงจากการ ใช้สื่อรัฐปลุกระดมโดยรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ที่พาดพิงว่าตนเองไม่ถนัดการเมือง สร้างสรรค์หรือไม่มีแบบอย่างและอาสาจะเป็นผู้แนะนำนั้น ตนก็ยินดีรับคำแนะนำ แต่คนอย่าง นพ.พรหมมินทร์ไม่ได้เป็นแบบอย่างทางการเมืองของตน และเห็นว่า การเมืองที่สร้างสรรค์ คือการพูดความจริงให้ครบ แต่ตนยังมีความหวังอยู่ว่า การดำเนินการดังกล่าวจะได้ยุติลงเพื่อที่บ้านเมืองจะได้เดินหน้าในการฟื้นความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย เพื่อแก้วิกฤตเศรษฐกิจ และปัญหาของประชาชนได้ต่อไป
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จ้างบริษัทล็อบบี้ยิตส์ จะเข้าไปตรวจสอบอย่างไร เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทยว่า อะไรก็ตามที่เป็นเรื่องเสียหายกับประเทศ ก็ต้องหาทางแก้ไข กรณีนี้ถ้าสามารถพูดจาทำความเข้าใจกันได้ก็ต้องทำ และนี่เป็นเหตุผลที่ตนตั้งใจว่า จะพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ
สำหรับบริษัทล็อบบี้ยิตส์ ทางรัฐบาลจะตั้งเป็นทีมงาน หรือให้กระทรวงต่างประเทศ ชี้แจงกับต่างประเทศนั้น นายสุเทพกล่าวว่า คงต้องให้ฝ่ายที่มีหน้าที่ดูแล ตนมีหน้าที่เพียงว่า ถ้าเจรจาได้ก็จะไปเจรจา และก่อนไปก็จะดูว่านอกจากเรื่อง ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ยังมีประเด็นอื่นที่สมควรไปพูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ อีกหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงขณะนี้ยังติดต่อกับพ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ ติดขัดอุปสรรคอะไร นายสุเทพ กล่าวว่ายังเร็วเกินไป ที่ผ่านมาตนได้ติดต่อผ่านคนที่เชื่อมั่นว่า เขาสามารถไปบอกกับพ.ต.ท.ทักษิณได้ว่า ตนมีความตั้งใจที่จะไปปรึกษาหารือด้วย ซึ่งเขาก็จะไปบอกพ.ต.ท.ทักษิณ อีกที หากทางโน้นตกลงต้องมีการนัดกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจได้อย่างไรว่าเมื่อคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ แล้วทุกอย่างจะคลี่คลาย และจะมีเงื่อนไขอะไรที่พร้อมจะให้พ.ต.ท.ทักษิณได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร แต่เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอดีตนายกฯ ย่อมจะเข้าใจผลประโยชน์ของชาติ และประชาชนเป็นอย่างดี และยังเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีใจคิดถึงประชาชนอยู่ จึงอยากพูดคุยกันด้วยเหตุผล ก็เชื่อว่าน่าจะเข้าใจกันได้ เพราะในอดีต ตนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เคยพูดคุยกันมา
ส่วนคนที่ติดต่อผ่านไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณใช่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนาหรือไม่นั้น นายสุเทพ ปฏิเสธว่า ไม่ใช่นายพงศ์เทพ และตนยังไม่อยากเปิดเผยว่าเป็นใคร ไม่เช่นนั้นเขาจะถูกกดดัน และจะทำให้ตนทำงานยากขึ้น
ต่อข้อถามว่านอกจากจะพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วยังมีแนวทางอื่นที่จะสร้างความสมานฉันท์หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ต้องมีด้วย อาจจะไม่เร็วเท่าไร แต่ก็จะทำคู่ขนานกันไป ที่ผ่านมาจะเห็นว่า รัฐบาลนี้พยายามจะไม่ทะเลาะกับใคร แต่จะใช้วิธีเจรจาพูดคุยมากกว่า ซึ่งได้ทำมาตลอด
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยถึงบริษัทล็อบยบี้ยิสต์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจ้างในขณะนี้จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ปิดประตูการเจรจาหรือไม่ เพราะเหมือนว่ารัฐบาลไปโจมตีเขาก่อน นายสุเทพกล่าวว่า ความจริงตนก็เพิ่งรู้จากสื่อ ก็คงต้องคุยกับคนที่เขาออกมาเปิดเผยเรื่องนี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลพยายามจะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่กลับมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไปจ้างบริษัทล๊อบบี้ยีสต์ จากต่างประเทศหลายบริษัทให้มาโจมตีไทยว่า ในส่วนปัญหาการเมืองไม่เป็นไร แต่อย่าโจมตีประเทศล่วงละเมิดสถาบัน ส่วนการต่อรองทางการเมือง เป็นเรื่องปกติธรรมดา
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศต้องทำงานในเชิงรุกหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกฝ่ายรวมถึงตนต้องทำงานเชิงรุก ให้ทั่วโลกได้เข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริง ของประเทศไทย รัฐบาลเองได้พบกับสื่อต่างประเทศพอสมควรเพื่อชี้แจงให้เกิดความ เข้าใจและจะทำต่อเนื่องในหลายรูปแบบ
เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ที่วันนี้เจอทั้งศึกในและนอกประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ห่วง เราเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ วันนี้เร่งรัดหลายเรื่องไปได้ด้วยดี เช่น เรื่องท้องถิ่น ภายในสัปดาห์หน้าสามารถอนุมัติเงินถึงมือประชาชนได้เร็วขึ้น เรื่องยางพารา นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯได้ไปดำเนินการ ในกรณีของรัฐวิสาหกิจไม่อยากให้ระงับการสั่งซื้อ โดยผ่านสถานฑูตจีน ทุกอย่างเดินหน้าแก้ปัญหา เป็นธรรมดามีการเมืองบ้าง บริหารบ้าง ตนมุ่งแก้ปัญหาของประชาชนเป็นหลัก ส่วนปัญหาการเมืองถ้ากระทบการทำงานก็แก้ไป ถ้าไม่หนักหนาก็ต้องปล่อยไปบ้าง
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่กังวลคือภาพพจน์ของประเทศ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น ตนเข้าใจว่าการที่ โฆษกพรรค ประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผย พ.ต.ท.ทักษิณ จ้างบริษัทล็อบบี้ยีสต์ต่างขาติทำลายไทย เพราะต้องการชี้ให้เห็นว่ามีกระบวนการใดที่ดำเนินการอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการใช้โลกล้อมประเทศไทยแบบนี้ จะสะท้อนให้เห็นว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เ จรจา กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ไม่สำเร็จหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า โลกล้อมประเทศไม่เป็นไร เรามีหน้าที่ ชี้แจงต่อโลก ในปลายเดือน ม.ค.นี้ นายกฯจะมีกิจกรรมไปสร้างความเชื่อมั่นอยู่แล้ว สำหรับกรณีของ พ.ต.ท. ทักษิณ ต้องว่ากันไป รัฐบาลเพียงส่งสัญญาณว่าไม่มีการกลั่นแกล้ง หรือต้องทำให้ใครมีปัญหาจากตัวรัฐบาล
ต่อข้อถามว่ารับมือไหวหรือไม่เพราะขณะนี้รัฐบาลมีทั้งศึกในและศึกนอก นายสาทิตย์ กล่าวว่า พึ่งเริ่มต้น รัฐบาลเตรียมใจไว้แล้ว เรามองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะใช้โอกาสนี้ที่จะช่วยแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ ส่วนการอภิปรายในสภาของฝ่ายค้านนั้น รัฐบาลไม่กังวลต้องชี้แจงไป และยังไม่รู้ว่าจะอภิปรายเรื่องอะไร
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายว่า พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องมาตลอด และกล่าวหาว่ารัฐบาลในขณะนั้นไม่ยอมดำเนินการ แต่ในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลไม่มีหน้าที่ไปสั่งอัยการได้ เมื่อนายอภิสิทธิ์ มีอำนาจเต็มแล้ว ก็อยากให้ลองทำดู.
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แถลงโต้ กรณี นพ.บุรณัชย์ สมุทรรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ว่าจ้าง 4 บริษัท ล็อบบี้ยีสต์ต่างชาติทำลายความน่าเชื่อถือ ของประเทศไทย โดยมี นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ นายภูมิธรรม เวชชยชัย และนพ.พรหมินทร์ ทำหน้าที่ติดต่อ ประสานงานกับบริษัทดังกล่าวว่า ในสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคผู้นำรัฐบาล ควรมุ่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน สร้างความสามัคคี ยุติปัญหาความขัดแย้ง มากกว่าการกล่าวหาให้ร้ายว่าสาเหตุต่างๆ เกิดจาก พ.ต.ท.ทักษิณ หรือการล็อบบี้ของบริษัทใด ๆ ในต่างประเทศ
"ปัญหาของประเทศต้องการแก้ไข มากกว่าการกล่าวหาแพะทางการเมือง เพื่อโยนความผิดให้ผู้อื่นตามความถนัด ย่อมไม่เป็นข้ออ้างเพื่อเลี่ยงความรับผิดชอบ การแก้ปัญหาของชาติและปัญหาปากท้องประชาชนที่มีความเร่งด่วน"
นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า เหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2549 ต่อเนื่องถึง กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บุกยึด ทำเนียบรัฐบาล ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศด้วยตัวเหตุการณ์เอง คงไม่มีบริษัท ล็อบบี้ใดในโลกสามารถทำได้ จึงเป็นภาระสำคัญที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องทำ ตามที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะสื่อมวลชนคงจับตาเรื่องนี้ เนื่องจากมี นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ นายประพันธ์ คูณมี นายสำราญ รอดเพชร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ร่วมเป็นแกนนำ และผู้ร่วมปฏิบัติการคนสำคัญของกลุ่มพันธมิตรฯ
นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า สื่อต่างประเทศยึดมั่นในเสรีภาพของสื่อมวลชนและหลักประชาธิปไตย คงไม่มีใครไปกำหนดหรือบอกให้สื่อมวลชนทำอะไรได้ โดยฝืนข้อเท็จจริง ที่ผ่านมารัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถูกวิจารณ์อย่างรุนแรง แม้หลังการรัฐประหารจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่หยุดวิจารณ์ ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครคิดร้ายต่อประเทศ จนต้องจัดจ้างใครมาทำลายความน่าเชื่อถือ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์คงจะถนัดแต่การกล่าวร้ายจนลืมตรวจสอบตรรกะความน่าเชื่อถือ
"หาก หมอบุรณัชย์ ยังไม่ถนัดทำงานด้านสร้างสรรค์ หรือไม่มีแบบอย่าง ผมและ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ในฐานะที่ได้รับการอบรมศึกษาในวิชาชีพแพทย์เหมือนกัน ถูกอบรมให้ยึดมั่นในความจริง ข้อเท็จจริง เป็นผู้แก้ทุกข์ แก้ปัญหาให้ผู้อื่นมากกว่า สร้างทุกข์ และทำลายผู้อื่น ยินดีเป็นผู้ให้คำแนะนำ"
นพ.พรมมินทร์กล่าวว่า คงไม่ฟ้องร้อง นพ.บุรณัชย์ เพราะมีคดีฟ้องหมิ่นประมาทของศาลอาญา ที่จะอ่านคำพิพากษาวันที่ 13 ก.พ.นี้ ที่ตนฟ้องพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เลขาธิการพรรค โฆษกพรรค ในขณะนั้น กล่าวหาว่าตน มีส่วนเกี่ยวข้องกรณีปฏิญญาฟินแลนด์ ซึ่งผลการตัดสินเรื่องนี้จะเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้เพียงแต่รอเวลาเท่านั้น
นพ.พรหมินทร์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวทางการเมืองแล้ว หลังจากถูกตัดสิทธิทางการเมือง ทำธุรกิจอย่างเดียว และถึงจะครบ 5 ปี ที่ถูกตัดสิทธิการเมือง ก็ไม่ขอกลับมาเล่นการเมืองอีก การทำงานการเมืองที่ผ่านมาก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะเข้ามา เพียงแต่มีโอกาสจึงเข้ามาทำงาน และการแถลงข่าววันนี้ (5 ธ.ค.) ได้ปรึกษากับทั้งนายภูมิธรรมและนายพันศักดิ์แล้ว แต่ทั้งสองติดภารกิจจึงไม่ได้เดินทางมาด้วย
ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงโต้ตอบ นพ.พรหมินทร์ ที่ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังหาแพะทางการเมืองว่า สำคัญอยู่ที่ข้อเท็จจริงมากกว่าว่า ทั้ง 3 ท่านรับทราบหรือไม่ว่าเคยมีและยังมีการว่าจ้าง 3 บริษัทเดิมอยู่หรือบริษัทใหม่หรือไม่เท่านั้น ตนเองไม่เคยกล่าวว่า 3 ท่านเป็นผู้ว่าจ้างเอง ซึ่งนพ.พรหมินทร์ก็ไม่ปฏิเสธถึงการรับรู้แต่อย่างใด แต่ก็ยังหวังอยู่ว่า นพ.พรหมมินทร์ จะช่วยยุติการดำเนินการดังกล่าวได้
นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า ที่ผ่านมาความแตกแยกในสังคมเป็นผลโดยตรงจากการ ใช้สื่อรัฐปลุกระดมโดยรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ที่พาดพิงว่าตนเองไม่ถนัดการเมือง สร้างสรรค์หรือไม่มีแบบอย่างและอาสาจะเป็นผู้แนะนำนั้น ตนก็ยินดีรับคำแนะนำ แต่คนอย่าง นพ.พรหมมินทร์ไม่ได้เป็นแบบอย่างทางการเมืองของตน และเห็นว่า การเมืองที่สร้างสรรค์ คือการพูดความจริงให้ครบ แต่ตนยังมีความหวังอยู่ว่า การดำเนินการดังกล่าวจะได้ยุติลงเพื่อที่บ้านเมืองจะได้เดินหน้าในการฟื้นความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย เพื่อแก้วิกฤตเศรษฐกิจ และปัญหาของประชาชนได้ต่อไป
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จ้างบริษัทล็อบบี้ยิตส์ จะเข้าไปตรวจสอบอย่างไร เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทยว่า อะไรก็ตามที่เป็นเรื่องเสียหายกับประเทศ ก็ต้องหาทางแก้ไข กรณีนี้ถ้าสามารถพูดจาทำความเข้าใจกันได้ก็ต้องทำ และนี่เป็นเหตุผลที่ตนตั้งใจว่า จะพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ
สำหรับบริษัทล็อบบี้ยิตส์ ทางรัฐบาลจะตั้งเป็นทีมงาน หรือให้กระทรวงต่างประเทศ ชี้แจงกับต่างประเทศนั้น นายสุเทพกล่าวว่า คงต้องให้ฝ่ายที่มีหน้าที่ดูแล ตนมีหน้าที่เพียงว่า ถ้าเจรจาได้ก็จะไปเจรจา และก่อนไปก็จะดูว่านอกจากเรื่อง ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ยังมีประเด็นอื่นที่สมควรไปพูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ อีกหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงขณะนี้ยังติดต่อกับพ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ ติดขัดอุปสรรคอะไร นายสุเทพ กล่าวว่ายังเร็วเกินไป ที่ผ่านมาตนได้ติดต่อผ่านคนที่เชื่อมั่นว่า เขาสามารถไปบอกกับพ.ต.ท.ทักษิณได้ว่า ตนมีความตั้งใจที่จะไปปรึกษาหารือด้วย ซึ่งเขาก็จะไปบอกพ.ต.ท.ทักษิณ อีกที หากทางโน้นตกลงต้องมีการนัดกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจได้อย่างไรว่าเมื่อคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ แล้วทุกอย่างจะคลี่คลาย และจะมีเงื่อนไขอะไรที่พร้อมจะให้พ.ต.ท.ทักษิณได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร แต่เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอดีตนายกฯ ย่อมจะเข้าใจผลประโยชน์ของชาติ และประชาชนเป็นอย่างดี และยังเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีใจคิดถึงประชาชนอยู่ จึงอยากพูดคุยกันด้วยเหตุผล ก็เชื่อว่าน่าจะเข้าใจกันได้ เพราะในอดีต ตนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เคยพูดคุยกันมา
ส่วนคนที่ติดต่อผ่านไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณใช่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนาหรือไม่นั้น นายสุเทพ ปฏิเสธว่า ไม่ใช่นายพงศ์เทพ และตนยังไม่อยากเปิดเผยว่าเป็นใคร ไม่เช่นนั้นเขาจะถูกกดดัน และจะทำให้ตนทำงานยากขึ้น
ต่อข้อถามว่านอกจากจะพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วยังมีแนวทางอื่นที่จะสร้างความสมานฉันท์หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ต้องมีด้วย อาจจะไม่เร็วเท่าไร แต่ก็จะทำคู่ขนานกันไป ที่ผ่านมาจะเห็นว่า รัฐบาลนี้พยายามจะไม่ทะเลาะกับใคร แต่จะใช้วิธีเจรจาพูดคุยมากกว่า ซึ่งได้ทำมาตลอด
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยถึงบริษัทล็อบยบี้ยิสต์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจ้างในขณะนี้จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ปิดประตูการเจรจาหรือไม่ เพราะเหมือนว่ารัฐบาลไปโจมตีเขาก่อน นายสุเทพกล่าวว่า ความจริงตนก็เพิ่งรู้จากสื่อ ก็คงต้องคุยกับคนที่เขาออกมาเปิดเผยเรื่องนี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลพยายามจะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่กลับมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไปจ้างบริษัทล๊อบบี้ยีสต์ จากต่างประเทศหลายบริษัทให้มาโจมตีไทยว่า ในส่วนปัญหาการเมืองไม่เป็นไร แต่อย่าโจมตีประเทศล่วงละเมิดสถาบัน ส่วนการต่อรองทางการเมือง เป็นเรื่องปกติธรรมดา
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศต้องทำงานในเชิงรุกหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกฝ่ายรวมถึงตนต้องทำงานเชิงรุก ให้ทั่วโลกได้เข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริง ของประเทศไทย รัฐบาลเองได้พบกับสื่อต่างประเทศพอสมควรเพื่อชี้แจงให้เกิดความ เข้าใจและจะทำต่อเนื่องในหลายรูปแบบ
เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ที่วันนี้เจอทั้งศึกในและนอกประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ห่วง เราเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ วันนี้เร่งรัดหลายเรื่องไปได้ด้วยดี เช่น เรื่องท้องถิ่น ภายในสัปดาห์หน้าสามารถอนุมัติเงินถึงมือประชาชนได้เร็วขึ้น เรื่องยางพารา นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯได้ไปดำเนินการ ในกรณีของรัฐวิสาหกิจไม่อยากให้ระงับการสั่งซื้อ โดยผ่านสถานฑูตจีน ทุกอย่างเดินหน้าแก้ปัญหา เป็นธรรมดามีการเมืองบ้าง บริหารบ้าง ตนมุ่งแก้ปัญหาของประชาชนเป็นหลัก ส่วนปัญหาการเมืองถ้ากระทบการทำงานก็แก้ไป ถ้าไม่หนักหนาก็ต้องปล่อยไปบ้าง
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่กังวลคือภาพพจน์ของประเทศ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น ตนเข้าใจว่าการที่ โฆษกพรรค ประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผย พ.ต.ท.ทักษิณ จ้างบริษัทล็อบบี้ยีสต์ต่างขาติทำลายไทย เพราะต้องการชี้ให้เห็นว่ามีกระบวนการใดที่ดำเนินการอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการใช้โลกล้อมประเทศไทยแบบนี้ จะสะท้อนให้เห็นว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เ จรจา กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ไม่สำเร็จหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า โลกล้อมประเทศไม่เป็นไร เรามีหน้าที่ ชี้แจงต่อโลก ในปลายเดือน ม.ค.นี้ นายกฯจะมีกิจกรรมไปสร้างความเชื่อมั่นอยู่แล้ว สำหรับกรณีของ พ.ต.ท. ทักษิณ ต้องว่ากันไป รัฐบาลเพียงส่งสัญญาณว่าไม่มีการกลั่นแกล้ง หรือต้องทำให้ใครมีปัญหาจากตัวรัฐบาล
ต่อข้อถามว่ารับมือไหวหรือไม่เพราะขณะนี้รัฐบาลมีทั้งศึกในและศึกนอก นายสาทิตย์ กล่าวว่า พึ่งเริ่มต้น รัฐบาลเตรียมใจไว้แล้ว เรามองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะใช้โอกาสนี้ที่จะช่วยแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ ส่วนการอภิปรายในสภาของฝ่ายค้านนั้น รัฐบาลไม่กังวลต้องชี้แจงไป และยังไม่รู้ว่าจะอภิปรายเรื่องอะไร
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายว่า พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องมาตลอด และกล่าวหาว่ารัฐบาลในขณะนั้นไม่ยอมดำเนินการ แต่ในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลไม่มีหน้าที่ไปสั่งอัยการได้ เมื่อนายอภิสิทธิ์ มีอำนาจเต็มแล้ว ก็อยากให้ลองทำดู.