xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยซบลุ้นแผนกู้ศก.สหรัฐฯ-ผลงานบจ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวในกรอบขาลง ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบเหงา รับผลตลาดหุ้นเอเชียหยุดซื้อขายในช่วงเทศการตรุษจีน บวกกันนักลงทุนยังกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว-ผลงานบจ.ปี 51 ประสบปัญหาขาดทุนหนัก ด้านโบรกเกอร์ แนะหยุดเทรด-ถือเงินสด รอลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯ
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ สัปดาห์นี้ น่าจะความเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ทำให้ตลาดในเอเชียหลายแห่งปิดทำการ บวกกับปัญหาภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว ทำให้นักลงทุนต้องชะลอการลงทุนออกไป โดยนักลงทุนยังให้ความสำคัญกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของนายบารัค โอบามาประธานาธิปดี ที่จะมีออกมาเพิ่มเติมหรือไม่
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังให้ความสำคัญกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2551 ที่กำลังจะทยอยประกาศออกมาว่าจะมีทิศทางใด ดังนั้นจึงแนะนำนักลงทุนให้ชะลอการลงทุนออกไปก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์ โดยประเมินแนวรับอยู่ที่ 420-429 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 459 จุด
ส่วนมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลนั้น นายเจริญ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐคงไม่ค่อยจะไม่ผลมากนัก เนื่องจากผู้บริโภคไม่มีความมั่นใจต่อหน้าที่การงานและรายได้ของตนเอง แม้จะมีมาตรการต่างๆ ออกมาก็ไม่สามารถกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคได้เท่าที่ควร
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่งปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยเงียบเหงาตามไปด้วย ขณะที่นักลงทุนต่างตั้งท่ารอดูแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ตลอดจนการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของไทย โดยนักลงทุนควรชะลอการลงทุนเพื่อรอจังหวะที่เหมาะสม ประเมินแนวรับที่ 420 จุด และแนวต้านที่ 450 จุด
ขณะที่ มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์เองคงไม่ส่งผลทำให้ยอดซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นจากเดิม แต่จะส่งผลดีต่อผู้ที่กำลังต้องการจะซื้อที่อยู่อาศัยทำให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้ปรับเพิ่มขึ้นรับข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
ด้านนางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KSET กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้คงจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ เพราะตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่งปิดทำการเนื่องในเทศการตรุษจีน บวกกับภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่หดตัว ซึ่งนักลงทุนควรรอดูผลการประกอบการไตรมาส 4/51 ของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCC ตัวเลขดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจของไทย รวมถึงความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นดาวโจนส์ ทั้งนี้แนะนำนักลงทุนควรชะลอการลงทุน โดยมีแนวรับอยู่ที่ 420 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 440 จุด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะตกอยู่ในภาวะที่ซบเซา จากช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปิดทำการ อาทิ ตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ตลาดหุ้นไต้หวัน ทำให้เม็ดเงินลงทุนในระดับภูมิภาคหดหายไปมาก รวมทั้งตลาดหุ้นยังขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ
“นักลงทุนน่าจะชะลอการลงทุนเพื่อรอการประกาศแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งได้มีการหารือทีมเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน หลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ หากทางรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาให้ความชัดเจนเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจจะช่วยผลักดันให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้”
อย่างไรก็ตาม ภายในสัปดาห์นี้บริษัทจดทะเบียนเริ่มจะทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4 และงวดปี 2551 ขณะที่นักลงทุนคอยติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนหลักๆ โดยเฉพาะ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCC และกลุ่มบมจ.ปตท. หรือ PTT ที่คาดการณ์ว่าจะประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นไทย ดังนั้นนักลงทุนควรชะลอการลงทุน และถือเงินสดไว้ ประเมินแนวรับไว้ที่ 420 จุด และแนวต้าน 450 จุด
ด้านบล. กสิกรไทย และบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินว่า สัปดาห์นี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวกรอบแคบอยู่ในช่วงขาลง เพื่อรอดูปัจจัยใหม่ ขณะที่หลายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียจะปิดทำการ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน ซึ่งคงจะทำให้การซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง โดยปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา ได้แก่ การเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มเติม และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ด้านปัจจัยในต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ผลการประชุมนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 27-28 ม.ค. และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ อาทิ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/51 ตลอดจนการปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจชุดใหม่ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในตลาดโลก และการปรับตัวของตลาดหุ้นภูมิภาค โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 429 และ 420 จุด ขณะที่แนวต้าน 447 และ 480 จุด ตามลำดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น