xs
xsm
sm
md
lg

"มาร์ค"สอนมวย"เป็ดเหลิม" มั่วข้อหา-ชี้นำเล่นงาน พธม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "เป็ดเหลิม" หลงทาง แทนที่จะตรวจสอบการทำงานรัฐบาล กลับตั้งกระทู้กลางสภาจี้นายกฯ ให้เล่นงานกลุ่มพันธมิตรฯ มั่วยัดข้อหาผู้ก่อการร้ายสากล โถ! เสนอปลด "กษิต" พ้นเก้าอี้ ไปต่อสู้คดี ด้าน "มาร์ค" ยันไม่ใช่นอมินีพันธมิตรฯ ส่วนการชุมนุมประท้วงผิดหรือไม่ ไม่ขอตอบ เพราะจะเป็นการชี้นำ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ ยันดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย ชี้แกนนำพันธมิตรฯ แค่โดนข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายสากล ด้าน "สนธิ" อัดตำรวจเลว ปั้นเรื่องรับใช้นักการเมือง

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ (22 ม.ค.) ช่วงวาระพิจารณากระทู้ถามสด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ถามนายกรัฐมนตรี เรื่องการดำเนินคดีความกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ มีมาตั้งแต่ปี 49 จนถึงปี 51 จากการประท้วงคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งมีการบุกปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล มีการสลายการชุมนุม พร้อมยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้ดำเนินการใช้ความรุนแรง แต่ความบังเอิญในการทำหน้าที่ แล้ววันนี้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้พิจารณาสรุปความผิดออกมา รวมถึงเหตุการณ์ปิดสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งการชุมนุมของพันธมิตรฯ ถือเป็นการกระทำผิด โดยเฉพาะนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำฯ ได้ประกาศสงครามเก้าทัพ อยากถามว่า นายสนธิ เป็นใครที่มาประกาศเช่นนี้ เพราะเป็นเรื่องของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจึงจะประกาศได้ อยากถามว่าการกระทำของพันธมิตรฯ ผิดตามกฎหมายหรือไม่ ถ้ามีความผิดอะไรบ้าง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้มาชี้แจงด้วยตัวเองว่า ตนไม่ได้เป็นนอมินีกลุ่มพันธมิตรฯ และจะไม่ตอบว่าการกระทำของพันธมิตรฯ มีความผิดหรือไม่ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่เป็นฝ่ายปฎิบัติ เพราะหากพูดไปแล้วจะเป็นการชี้นำ ขอยืนยันจุดยืนไม่ว่าเป็นฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล ทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย โดยหลักการรัฐบาลในแถลงนโยบายชัดเจนว่า ต้องการสมานฉันท์ ความสามัคคีของคนในชาติซึ่งจะต้องอยู่บนความถูกต้อง และมีความยุติธรรม จึงได้กำชับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ( ผบ.ตร.)ว่า ใครทำผิดอะไร โดยทุกคดี ขอให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา อย่าละเว้น กลั่นแกล้ง อย่าถ่วงเวลา แต่อย่ารวบรัดจนเกินไป

ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องพันธมิตรฯ มีทั้งหมด 30 คดี ดำเนินการเสร็จแล้ว 4 คดี สอบสวนยังไม่เสร็จ 24 คดี และอยู่ระหว่างการพิจารณา 2 คดี ส่วนเหตุการณ์บุกยึดทำเนียบรัฐบาล ได้มีการสอบสวนและส่งให้อัยการแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานตามขั้นตอน ส่วนกรณีเหตุการณ์ 7 ต.ค.51 นั้น อยู่ระหว่างการสอบสวนและแจ้งดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา

ส่วนคดีปิดสนามบินดอนเมือง อยู่ระหว่างการสอบสวน โดยพิจารณาไปแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ คดีปิดสนามบินสุวรรณภูมิ สอบสวนไปคืบหน้า 30 เปอร์เซนต์ ขอยืนยันว่า จะมีความคืบหน้าทุกคดี ส่วนคดีแพ่ง ผู้เสียหายกำลังมีการรวบรวมความเสียหายอยู่ จะมีการยื่นต่อไป

ร.ต.อ.เฉลิม ยังได้ถามว่า นายกฯรู้เห็นกับการชุมนุมของพันธมิตรฯหรือไม่ โดยได้อ้างคำปราศรัยของแกนนำพันธมิตรฯได้ปราศรัยทวงบุญคุณที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล และนายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ เพราะการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯโดยเฉพาะนายสนธิ ได้ประกาศบนเวทีว่า รัฐบาลอย่ามาแตกหักกับกลุ่มพันธมิตรฯ พี่น้องพร้อมลุกฮืออีกครั้ง ซึ่งการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ต้องดูในภาพรวม เพราะถือเป็นการก่อการร้ายสากล แต่นายกฯ กลับตั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายสากลเข้ามาเป็น รมว.ต่างประเทศ รวมถึงตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี อยู่ในรัฐบาลถึง 6-7 ตำแหน่ง เหมือนเป็นการกระทืบหัวใจประชาชน

ร.ต.อ.เฉลิม ยังขอให้นายกฯ ปลดนายกษิต ภิรมย์ ออกจากตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ เพราะเป็น แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อให้ไปต่อสู้คดี อย่างไรก็ตามหากนายกฯไม่พูดว่ามีความผิดหรือไม่ ก็ขอตั้งคำถามว่า การยึดสนามบินเป็นความผิดการก่อการร้ายสากลหรือไม่ แล้วจะมีการตั้งแกนนำพันธมิตรฯ เข้ามาทำงานในรัฐบาลอีกหรือไม่ และในพรรคประชาธิปัตย์ ยังมีพันธมิตรฯอีกกี่คน นอกจากนี้ ยังได้ระบุถึงการเรียกนายตำรวจมาสั่งรื้อฟื้น 4 คดี เป็นความเข้าใจผิดของนายกฯ เพราะแต่ละคดีมีอายุความถึง 20 ปี ไม่จำเป็นต้องไปรื้อคดีใหม่

**นายกฯ ตอก"เหลิม"หน้าหงาย

นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า การเชิญตำรวจหลายคนเข้ามารายงานนั้น ไม่ได้สั่งห้ามทำคดีใด เพียงสอบถามความคืบหน้า และปัญหาอุปสรรคในคดีต่างๆ ไม่ได้สั่งรื้อฟื้นคดีแต่อย่างใด หากเห็นว่าการกระทำของตนไม่เหมาะสม ก็ขอให้ย้อนกลับไปดูรัฐบาลของท่านที่เรียกมาบอกว่า อย่าทำคดีนั้นคดีนี้ จนเป็นที่มาของปัญหาทุกวันนี้

"วันนี้ผมจะไม่โกรธใคร เพราะผมตั้งใจทำงานให้กับประชาชน แม้บางคนจะเคยปรามาสว่า ผมไม่มีโอกาสเป็นนายกฯ ถ้าจะได้เป็นนายกฯ ก็รอให้หิมะตกในประเทศ อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า จะทำงานด้วยความถูกต้อง ถ้าทำแล้วมีผลต้องพ้นจากตำแหน่งก็ยอม เพราะความถูกต้อง ต้องอยู่เหนือประโยชน์อื่นใด"

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงอีกว่า กรณีผู้ชุมนุมปิดสนามบินสองแห่ง เป็นเหตุการณ์ก่อนจะมารับผิดชอบ หน่วยงานที่ได้รับความเสียหายได้มีการแจ้งความไปแล้ว ในข้อหาร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการในเวลากลางคืน ดังนั้นข้อกล่าวหาการก่อการร้ายสากล จึงเป็นความคิดของ ร.ต.อ.เฉลิม ตนก็เคารพ

ส่วนกรณีของนายกษิต นั้น ทางกลุ่มพันธมิตรฯไม่ได้ตั้งเป็นแกนนำ แต่ถ้าผลสอบออกมามีมูลก็ ไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งได้ วันนี้รมว.ต่างประเทศ ต้องทำงานหนักในการเรียกความเชื่อมั่นจากต่างประเทศคืนมา โดยวันนี้ ผู้นำประเทศอาเซียนทุกประเทศได้ตอบรับจะเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนแล้ว ส่วนจะมีการตั้งพันธมิตรฯ เข้ามาทำงานอีกกี่คน ไม่แน่ใจว่าจะตอบได้หรือไม่ เพราะไม่ทราบ ระบุไม่ได้ว่าใครเป็นพันธมิตรฯ ในมาตรฐานของร.ต.อ.เฉลิม

**อ้างโหวตนายกฯ โมฆะ

ต่อมานายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส. สกลนคร พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้ถามสด เรื่องการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี โดยถามนายอภิสิทธิ์ ว่า รัฐบาลมีความชอบธรรมในการเข้าสู่ตำแหน่งของนายกฯ ตามมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 หรือไม่ เนื่องจากมีข้อสังเกต 3 ข้อ คือ นาย ชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังมีสถานะเป็นประธานรัฐสภาหรือไม่ มีอำนาจในการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญหรือไม่ และมีอำนาจในการลงนามรับสนองพระบรมราชโองการหรือไม่ เพราะโดยข้อกฎหมายสมาชิกภาพของ ส.ส.จะหมดลง เมื่อส.ส.ไม่ได้สังกัดพรรค ซึ่งพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้ถูกยุบพรรคในวันที่ 2 ธ.ค.51 แต่ปรากฏว่า นายชัย ได้รับสนองพระบรมราชโองการในวันที่ 11 ธ.ค.51 ซึ่งถือว่าเป็นส.ส. ที่ไม่ได้สังกัดพรรคแล้ว จึงถือว่าตำแหน่งประธานรัฐสภาหลุดไป ทำให้การเปิดประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.51 ไม่สมบูรณ์ รวมทั้งส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน 37 คน ที่ไม่ได้สังกัดพรรค แต่ไปเลือกนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ ถือว่าเป็นโมฆะ จึงอยากถามนายกฯว่า ได้ตรวจสอบหรือไม่ว่า นายชัย ได้สังกัดพรรคใดหรือไม่ และได้สอบถามนายเนวิน ชิดชอบ อดีต 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย หรือไม่ว่า กลุ่มเพื่อนเนวิน ได้สังกัดพรรคหรือไม่ และในวันประชุม เพื่อแถลงนโยบาย นายกฯได้ไปลงชื่อเข้าร่วมประชุมที่ไหน และองค์ประชุม ครบหรือไม่

**ท้ายื่นศาล รธน.ตีความ

นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า ในอำนาจหน้าที่ไม่สามารถตอบประเด็นเรื่องข้อกฎหมายได้ แต่จากที่อ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา106 (8) จะพบว่า สมาชิกภาพของส.ส.ในกรณีที่พรรคถูกยุบจะสิ้นสุดลงหลังจากที่ไม่สามารถหาพรรคสังกัดได้ภายใน 60 วัน โดยนับวันรุ่งขึ้นหลังจากครบกำหนด 60 วัน เป็นวันสิ้นสมาชิกภาพ แต่ในวันเลือกนายกฯ ทำในช่วง 60 วันหลังจากยุบพรรค

อย่างไรก็ตาม หากใครติดใจสามารถส่งเรื่องให้ กกต.หรือศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ เพราะเรื่องวินิจฉัยสมาชิกภาพ ไม่ใช่หน้าที่รัฐบาล

ส่วนวันแถลงนโยบายนั้น ประธานสภาฯได้แจ้งว่าให้เปลี่ยนสถานที่ประชุมไปที่กระทรวงต่างประเทศ เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมอยู่ที่รัฐสภา และเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถเปิดทางให้เข้ามาประชุมได้ อีกทั้งประธานสภาฯเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยวันที่ 7 ตุลาฯ และไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย และความรุนแรง ตนและสมาชิกจึงไปพร้อมกันตามที่นัดหมาย ที่ประธานสภาฯได้แจ้งกับที่ประชุมว่า มีสมาชิกมาครบองค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า การแถลงนโยบายต้องทำต่อรัฐสภา ซึ่งได้ระบุว่า รัฐสภาต้องประกอบด้วยสมาชิกผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ดังนั้นเมื่อครบองค์ประชุม ก็สามารถแถลงนโยบายได้ และทุกอย่างก็เรียบร้อยดี

**มาร์คยันไม่ได้เป็นนอมินีพันธมิตรฯ

นายจุมพฏ กล่าวต่อว่า มีประชาชนส่วนใหญ่สงสัยว่า นายอภิสิทธิ์ เข้ามาเป็นนายกฯนั้นเป็นนอมินีใครหรือไม่ เพราะเหตุการณ์ในวันที่ 7 ต.ค.ได้มีรถติดตราพรรคประชาธิปัตย์ ขนเสบียงมาให้พันธมิตรฯ รวมถึงมีสมาชิกพรรคบางคนอยู่ในที่เกิดเหตุ จะเป็นตัวการช่วยสนับสนุน หรือผู้ร่วมกระทำการ และเป็นนอมินีบุคคลใดหรือไม่ ซึ่งตนขอหยิบยกคำพูดของ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ที่ให้สัมภาษณ์ว่า นักการเมืองต้องตระหนักว่า ถ้าไม่มีพันธมิตรฯ ก็ไม่มีรัฐบาลชุดนี้ พวกคุณต้องเข้าใจว่าพันธมิตรฯ มีส่วนสำคัญที่ทำให้คุณยืนอยู่บนตำแหน่งเก้าอี้ ไม่ใช่เที่ยวไปให้กุหลาบแดงคนนั้นคนนี้ พวกคุณเหยียบศพ เหยียบกองเลือดของพันธมิตรฯไป คุณจะลืมเรื่องนี้ไมได้ และน.ต.ประสงค์ ยังบอกว่าขณะนี้กฎหมายรอฆ่าคุณอยู่หลายเรื่อง แม้กระทั่ง ส.ส.ระบบสัดส่วนของพรรคที่ถูกยุบ ไปโหวตก็ทำไม่ได้ คนเหล่านี้ไม่เคารพกฎหมาย ตนขอถามนายกฯว่า เป็นนอมินีพันธมิตรฯ หรือไม่

นายอภิสิทธิ์กล่าวตอบว่า"ผมไม่ได้เป็นครับ"

**ส่งฟ้อง "สนธิ" คดีหมิ่นเบื้องสูง

วันเดียวกันนี้ เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.บรรยง แดงมั่นคง พนักงานสอบสวน(สบ.3) สน.พญาไท ช่วยราชการ สน.ดุสิต นำตัวนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ต้องหาในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และรัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 พร้อมสำนวนการสอบสวนจำนวน 1 แฟ้ม และความเห็นสมควรสั่งฟ้องไปมอบให้แก่นายพีรยุทธ์ ประดิษฐ์กุล อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 เพื่อพิจารณายื่นฟ้องต่อศาล ในกรณีเมื่อวันที่ 20 ก.ค.51 นายสนธิ ได้ปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยนำคำปราศรัยของน.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ“ดา ตอร์ปิโด” ที่เป็นการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ มาพูดซ้ำ ให้กลุ่มผู้ชุมนุมฟัง

โดยพนักงานอัยการได้นัดให้นายสนธิ มาฟังการสั่งคดีว่าจะฟ้องหรือไม่ ในวันที่ 3 มี.ค.52 เวลา 10.00 น. และให้ปล่อยตัวนายสนธิ เป็นการชั่วคราวด้วยหลักทรัพย์เดิม จำนวน 3 แสนบาท เมื่อครั้งที่ยื่นประกันตัวต่อพนักงานสอบสวน

ทั้งนี้ นายสนธิ ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม เพื่อให้อัยการพิจารณาสั่งไม่ฟ้องคดี และจะขอยื่นคำชี้แจง และหลักฐานอื่นๆให้แก่อัยการภายใน30วันด้วย

**อัด ตร.เลวปั้นเรื่องรับใช้การเมือง

ภายหลัง นายสนธิ กล่าวว่า ขณะนี้มีความสุขที่สามารถสร้างครอบครัวพันธมิตรฯ ขึ้นมาได้ เป็นครอบครัวที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ทุกคนภูมิใจในความเป็นพันธมิตรฯ ในฐานะหนึ่งในแกนนำพร้อมยอมรับที่จะถูกดำเนินคดี เมื่อเราต่อสู้มาแล้วพบว่า คุณทักษิณ เป็นปัญหารองลงไป

สำหรับปัญหาใหญ่เป็นตำรวจไทย ที่เป็นเครื่องมือของนักการเมือง บางคนเลวทราม ต่ำช้า เห็นแก่อามิสสินจ้าง ปั้นเรื่องหาเรื่อง ตำรวจพวกนี้เมื่อโดน ป.ป.ช. ตรวจสอบ กลับไปวิ่งเต้นถอดถอน ป.ป.ช.ไม่ยอมรับการตรวจสอบ ทำได้อย่างเดียวคือหาเรื่องคนอื่น พอถูกตรวจสอบบ้างไม่ยอม สังคมไทยโชคร้ายมากที่มีตำรวจเลวๆชั่วช้าแบบนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าพันธมิตรฯ จะมีการเคลื่อนไหวต่อไปหรือไม่ นายสนธิ กล่าวว่า ควรให้โอกาสรัฐบาลได้ทำงานก่อน ส่วนตัวแล้วเห็นว่าการตัดสินใจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นั้นใช้ได้ ส่วนเรื่องการแต่งตั้งใครมาเป็นที่ปรึกษานั้น เป็นเรื่องที่ไม่มีความหมาย เพราะที่ปรึกษาไม่มีอำนาจอะไร ตนสนใจเรื่องการกระทำมากกว่า เช่นการสั่งให้มีการรื้อคดีนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความมุสลิมขึ้นมาใหม่และคดีอื่นๆ นั้น แสดงให้เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ ให้ความสนใจเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนไม่เคยได้ยินจากปากนายกรัฐมนตรีคนอื่น

**"อำนวย" ร้อนตัวโต้กลับ

พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.กล่าวถึงกรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวถึงตำรวจ ว่า สำหรับปัญหาใหญ่ตำรวจไทยที่เป็นเครื่องมือของนักการเมือง บางคนเลวทราม ต่ำช้า เห็นแก่อามิสสินจ้าง ปั้นเรื่องหาเรื่อง ตำรวจพวกนี้เมื่อโดนป.ป.ช. ตรวจสอบ กลับไปวิ่งเต้นถอดถอนป.ป.ช. ไม่ยอมรับการตรวจสอบ ทำได้อย่างเดียวคือ หาเรื่องคนอื่น พอถูกตรวจสอบบ้างไม่ยอม สังคมไทยโชคร้ายมากที่มีตำรวจเลวๆ ชั่วช้าแบบนี้ นั้นพล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ไม่รับฝาก และเชื่อว่าคงเป็นเรื่องที่นายสนธิ ถูกดำเนินคดี จึงมีการกล่าวถึงคนที่ดำเนินการ เพราะตน เป็นผู้ที่ทำตามกฎหมาย และไม่อยากให้กฎหมาย เป็นเพียงกระดาษที่เปื้อนน้ำหมึกเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับพล.ต.ต.อำนวย ถือเป็นนายตำรวจที่ออกมาเคลื่อนไหว เพื่อขัดขวางการสอบสวนเพื่อชี้มูลความผิด กรณีเหตุสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 ไม่ว่าจะเป็นการยื่นฟ้องป.ป.ช.ทั้งคณะต่อศาลอาญา แต่ศาลไม่รับฟ้อง เนื่องจากคดีไม่ครบองค์ประกอบความผิด การยื่นฟ้องแบบมีเงื่อมงำ โดยทนายความคนบ้านเดียวกับ พล.ต.ต.อำนวย ยื่นฟ้องตนเอง และคณะตำรวจ เพื่อหวังใช้ศาลเป็นเครื่องมือในการรับฟ้อง เพื่อให้ป.ป.ช. ยุติการไต่สวน รวมทั้งการเคลื่อนไหว จัดฉากจัดสัมนา โดยสมาคมตำรวจ เพื่อล่ารายชื่อของตำรวจยื่นถอดถอน ป.ป.ช.
กำลังโหลดความคิดเห็น