xs
xsm
sm
md
lg

จาบจ้วง?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพเวที นปช. หน้ารัฐสภาวันนี้ (29 ธ.ค.)
จากเหตุการณ์ปิดล้อมรัฐสภา เพื่อมิให้รัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 176 ของ “ม็อบเสื้อแดง” หรือ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ที่เริ่มการชุมนุมมาตั้งแต่วานนี้ (28 ธ.ค.) ต่อเนื่องจนถึงวันนี้

ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ (29) ในการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่บริเวณหน้ารัฐสภา ได้มีการตั้งเวทีปราศรัยขึ้น โดยเป็นเวทีปราศรัยที่ตั้งประจันหน้ากับอาคารรัฐสภา และหลังพิงอยู่กับสวนสัตว์ดุสิต

ทั้งนี้ เวทีปราศรัยดังกล่าวของ นปช.มีผู้สังเกตการณ์ ผู้สื่อข่าว และช่างภาพจำนวนหนึ่ง ได้จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม เนื่องจากฉากหลังของเวทีมีการเขียนข้อความที่ไม่เหมาะสมไว้คู่กับพระบรมฉายาลักษณ์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในช่วงสายของวันที่ 29 ธ.ค.นั้น ที่บริเวณเวทีปราศรัยของกลุ่มนปช.ซึ่งตั้งอยู่หน้ารัฐสภานั้น มีการนำภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ มาติดที่ฉากหลังของเวที พร้อมทั้งข้อความที่อยู่บริเวณด้านข้างขนาดใหญ่ว่า “อภิสิทธิ์ชนโจร” ทั้งนี้ รูปพระบรมฉายาลักษณ์ดังกล่าวนั้นได้นำมาติดตั้งในวันนี้ (29 ธ.ค.) เป็นวันแรก ซึ่งเป็นวันแถลงนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ฉากหลังเวทีดังกล่าว ยังมีเพียงข้อความว่า “อภิสิทธิ์ชนโจร” เท่านั้น และไม่มีพระบรมฉายาลักษณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การนำภาพพระบรมฉายาลักษณ์มาติดด้านข้างข้อความ “อภิสิทธิ์ชนโจร” นั้น ทำให้เป็นที่วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งจากผู้ที่พบเห็นและสื่อมวลชน ว่า ไม่เหมาะสม จนมีการโพสต์ในเว็บไซต์ต่างๆ รวมทั้งยังมีการเสนอภาพข่าวในช่วงข่าวภาคเที่ยงของสถานีโทรทัศน์หลายช่องด้วย จนมีวิพากษ์วิจารณ์ด้วยว่า อาจถูกตีความที่ล่อแหลมนำไปสู่การละเมิดสถาบันได้ อย่างไรก็ตาม มีการขอร้องให้แกนนำ นปช.เอาภาพพระบรมฉายาลักษณ์ออกจากเวที จนทำให้แกนนำต้องปลดภาพพระบรมฉายาลักษณ์ออกจากหลังฉากเวทีในช่วงเที่ยง เหลือเพียงแค่ข้อความว่า “อภิสิทธิ์ชนโจร” เท่านั้น



ภาพเวทีหลังจากนำพระบรมฉายาลักษณ์ออกไปแล้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ กลุ่ม นปช.ถูกจับตามองหลายครั้งว่าละเมิดสถาบันจากการจัดเวทีตั้งแต่เมื่อครั้งต่อต้าน คมช.ที่สนามหลวง ซึ่งครั้งนั้นมีการแจกใบปลิว รวมถึงการปราศรัยหลายครั้งที่หมิ่นเหม่ต่อสถาบัน ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ถูกวิจารณ์ว่าไม่เคารพสถาบัน ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เหตุผลของการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ซึ่งทุกครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเข้ามายังมวลชนเสื้อแดงนั้น จะยืนยันเสมอว่าจงรักภักดีต่อสถาบัน ทุกอย่างเป็นข้อกล่าวหา แต่กลับบอกว่า เขาจะกลับเข้ามาในประเทศไทยได้ ก็เพราะพระบารมีให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือมวลชนของเขาเท่านั้น

นอกจากนี้ แกนนำกลุ่ม นปช.บางคน เช่น นายจักรภพ เพ็ญแข ยังมีคดีหมิ่นสถาบันจากการพูดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทยและที่ประเทศอเมริกา จนทำให้ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี กดดันให้ นายจักรภพ ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดงที่ใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างยิ่ง ก็เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เมื่อครั้งยังเป็น ส.ส.จนถูกศาลตัดสินจำคุกก่อนที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษในเวลาต่อมา และล่าสุดถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอีกครั้ง จากการปราศรัยที่สนามหลวง เมื่อเดือนเมษายน 2550 ซึ่งขณะนี้ตำรวจ สน.ชนะสงคราม อยู่ระหว่างทำสำนวนส่ง บช.น.พิจารณา

ขณะที่การปราศรัยหลายครั้งที่เวทีสนามหลวง ในช่วงปี 2551 ก็เคยมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงฉากหลังเวทีที่มีรูปไดโนเสาร์สวมแหวนเพชรบลูไดมอนด์ จนมีการโพสต์ในเว็บไซต์ต่างๆ อย่างกว้างขวาง จนกลุ่มพันธมิตรฯ นำไปปราศรัยว่าไม่เหมาะสม ประกอบกับ แกนนำ นปช.อย่าง นายสุชาติ นาคบางไทร ได้พูดหลบหลู่สถาบัน จนตำรวจออกหมายจับ แต่ นายสุชาติ หนีออกนอกประเทศไปก่อน รวมทั้ง นายชูชีพ ชีวะสุทธิ์ ที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่จัดรายการวิทยุ เผยแพร่เนื้อหาที่หมิ่นสถาบันก็หนีออกนอกประเทศไทยไปก่อนแล้ว ขณะที่ “ดา ตอร์ปิโด” นักปราศรัยของ นปช.ก็ถูกจับกุมอยู่ในเรือนจำในข้อหาคดีหมิ่นเบื้องสูงเช่นกัน

ขณะที่การปราศรัยบนเวที นปช.จุดที่บริเวณประตูรัฐสภา ด้านถนนพิชัยนั้น มีการพูดกระทบกระเทียบนายอภิสิทธิ์ ว่า นายอภิสิทธิ์ ได้ตั้งฉายารัฐบาลสมชาย ว่า ชายกระโปรง แต่นายอภิสิทธิ์ ก็มาได้เพราะอยู่ใต้กระโปรง แต่เป็นกระโปรงใครไม่ทราบได้อีกด้วย

“สุริยะใส” แฉไม่ใช่ครั้งแรก

ด้าน นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่มิบังควรอย่างยิ่ง ที่กลุ่ม นปช.ทำฉากเวที โดยมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อยู่แถวเดียวกับคำว่า “อภิสิทธิ์ชนโจร” ถือเป็นการส่อเจตนาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างชัดเจน

ก่อนหน้านี้ ในช่วงพันธมิตรฯ ชุมนุม และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชทานเพลิงศพน้องโบว์ ในช่วงนั้น นปช.จัดเวทีที่สนามหลวงก็ทำฉากเวทีที่มีรูปไดโนเสาร์สวมแหวนเพชรบลูไดมอนด์ และ นายสุชาติ นาคบางไทร แกนนำ นปช.ก็ปราศรัยหมิ่นสถาบันจนถูกออกหมายจับ หรือปล่อยให้มีธงชาติไทยที่มีข้อความพ่อก็ไม่รัก แม่ก็ลำเอียง ปรากฏในที่ชุมนุมที่สนามศุภฯ

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า เข้าใจว่า แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงพยายามจะซ่อนความหมาย หรือนัยยะของการเคลื่อนไหวเพื่อให้มวลชนเข้าใจ และเชื่อว่า สถาบันเบื้องสูงอยู่คนละฝั่งกับขบวนการคนรักทักษิณ ถือเป็นการจาบจ้วงซ่อนรูป หากจะแสดงความจงรักภักดีจริงจะต้องจัดวางพระบรมฉายาลักษณ์ไว้ในที่สูงสุด หรือในที่ที่อันควร

ส่วนที่กลุ่ม นปช.อ้างว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการเลียนแบบการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า อยากเสนอแนะว่า อย่าเลียนแบบเฉพาะรูปแบบ ต้องศึกษาและเลียนแบบเนื้อหาการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ด้วย โดยเฉพาะเนื้อหาการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ที่ต่อสู้เพื่อการเมืองใหม่ แต่เนื้อหาของกลุ่ม นปช.เป็นการต่อสู้เพื่อคนๆ เดียว คือ พ.ต.ท.ทักษิณ

นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า ในช่วงพันธมิตรฯ ชุมนุมหน้าสภา หรือหลายๆ ที่ แกนนำ นปช.ก็เคยเสนอแนะรัฐบาลให้ใช้กำลังสลายการชุมนุมตลอดเวลา จนเกิดเหตุการณ์ปราบปรามประชาชนในวันที่ 7 ตุลาคม แต่ในการชุมนุมของ นปช.นั้น แกนนำพันธมิตรฯ ไม่เคยเสนอให้ตำรวจใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม หรือใช้รูปแบบ 7 ตุลาคม เข้ามาควบคุมสถานการณ์ ซ้ำยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพสิทธิการเคลื่อนไหวด้วย

สำหรับการชุมนุมปิดสภา กดดันให้ยุบสภา นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งสังคมวงกว้างจะไม่ตอบรับ สุดท้ายก็คงจะอ่อนกำลังไปเอง และจะเห็นว่า ที่หน้าสภาครั้งนี้คนก็มาน้อยกว่าที่แกนนำระบุ ไม่ถึงหมื่นคนด้วยซ้ำ รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังเรื่องความรุนแรงและการจลาจล เพราะอาจเข้าทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายและการรัฐประหารในที่สุด

“ตู่ นปช.” แก้ตัวพัลวัน

ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.และ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีใครนำรูปพระบรมฉายาลักษณ์ดังกล่าวไปติดที่ฉากเวทีปราศรัย แต่ยืนยันว่า ไม่มีเจตนาละเมิดสถาบันแน่นอน เพราะกลุ่ม นปช.ต้องการแสดงให้เห็นว่า นปช.เทิดทูนสถาบัน แต่เนื่องจากมีความพยายามเชื่อมโยงเรื่องดังกล่าว จึงนำรูปดังกล่าวลง เพื่อป้องกันไม่ให้ไปขยายผลต่อไป และทำให้เกิดปัญหาได้ ส่วนข้อความว่า “ไม่ไว้วางใจ อภิสิทธิ์ชนโจร” นั้น เราต้องการโจมตี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เท่านั้น ไม่มีนัยแอบแฝง

พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่ทราบว่า มีการนำพระบรมฉายาลักษณ์มาติดตั้งเป็นฉากหลังเวที แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ส่วนตัวเห็นว่าไม่เสียหาย และไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเป็นการเทิดทูน คนไหนที่ไม่เทิดทูนก็ไม่ใช่คนไทย และคิดว่า ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะชาวไทยต่างเทิดทูนอยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อแดงที่ต่างเทิดทูนเพราะพระองค์ท่านเป็นเหมือนเครื่องเตือนสติ ส่วนที่มีการรื้อภาพภายหลังนั้น ก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะช่วงปราศรัยก็ไม่ได้สังเกต ส่วนเสียงวิจารณ์นั้นก็สามารถโจมตีได้ทุกเมื่อ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ส.ในพรรครู้เห็นกับการนำภาพพระบรมฉายาลักษณ์มาติดด้วยหรือไม่ พ.ต.ท.สุรทิน กล่าวว่า ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ ส่วนใครเอาออกก็ไม่ทราบ
กำลังโหลดความคิดเห็น