xs
xsm
sm
md
lg

“แก๊งหัวขวด” ประณามเผด็จการหัวเถิก ปลุกเสื้อแดงป่วน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แก๊งสามเกลอหัวขวด กระเหี้ยนกระหือรือ นั่งหน้าสลอนโต้กองทัพอยู่เบื้องหลังรัฐประหารซ่อนรูป เดินเกมเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาล ประณามเผด็จการหัวเถิก ท้าทายปลุกมวลชนคนเสื้อแดงป่วนบ้านเมือง 13 ธ.ค.

วันนี้ (7 ธ.ค.) ที่ร้าน Sapha coffee ชั้น 6 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ และอดีตแกนนำ นปก.นำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ร่วมกันแถลงแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงแฟนคลับรายการความจริงวันนี้

นายวีระ มุสิกพงศ์ กล่าวถึงเรื่องของจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่กำลังมีการจับขั้ว ซึ่งพวกตนวิเคราะห์และได้ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดและวิเคราะห์ออกมาค่อนข้างชัดเจนว่า มีความพยายามจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้ ว่า เป็นการจัดการของฝ่ายอื่นนอกเหนือระบบรัฐสภา โดยได้รับคำยืนยันชัดเจนจากนักการเมืองคนสำคัญที่ไม่ประสงค์จะออกนาม 2 คน ว่า เมื่อวานมีการพบกันที่บ้านของนายทหารใหญ่ เพื่อให้พรรคการเมืองยอมรับรัฐบาลใหม่ภายใต้การอำนวยการของทหาร โดยอ้างว่ารับคำสั่งมาอีกต่อหนึ่ง

“ซึ่งเป็นลักษณะที่พวกเราเรียกว่า การรัฐประหารซ่อนรูป ส่วนการตั้งรัฐบาลเราไม่ขัดข้องให้ใครจัดตั้งหรือเป็นนายกฯก็ได้ แต่ขอให้เป็นกรอบของรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย แต่เมื่อใดเป็นการอำนวยการสร้างของทหาร ถือเป็นวิธีการที่เรารังเกียจและต่อต้าน เพราะเป็นส่วนหนึ่งของรัฐประหารซ่อนรูป ซึ่งการปล้นการบริหารราชการแผ่นดินครั้งนี้แพงที่สุดกว่าการปฏิวัติยึดอำนาจ ทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะการทำรัฐประหารซ่อนรูปครั้งนี้ ทำให้เสียหายหลายแสนล้าน ทั้งยึดทำเนียบ สนามบิน และยุบ 3 พรรค โดยหวังว่าจะให้แนบเนียน แต่คนก็จับได้” นายวีระ กล่าว

นายวีระ กล่าวว่า การแทรกแซงของทหารต่อการเมืองมีมาตั้งแต่ปี 2523-2531 เพราะขณะนั้นรัฐธรรมนูญยังครึ่งใบ จึงมีทหารเข้ามาบริหารจัดการซึ่งเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่ใช่กระบวนการประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม ถ้าทหารไม่ได้ทำก็ประณามว่าเป็นพฤติการณ์ไม่เป็นประชาธิปไตย ขาดจริยธรรมทางการเมือง แต่พอตัวเองทำกลับบอกว่าเป็นเรื่องไม่ผิดปกติ ธรรมดา ทั้งนี้ ถ้านับจากรัฐธรรมนูญ 2550 ก็นับว่าหลังจากหลังเลือกตั้ง 23 ธ.ค.2550 เป็นต้นมาทหารก็กลับมาอีกครั้ง หลังจากพยายามแทรกแซงหลังการเลือกตั้ง เพราะ นายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งมีเป็นผู้นำที่มีความเข้มแข็งขึ้นมาเป็นนายกฯเสียก่อน เพราะเขาต้องการให้พรรคตรงข้ามพลังประชาชนขึ้นมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ดังนั้น ความพยายามหลังการเลือกตั้ง 23 ธ.ค.ก็ล้มเหลวไป

“นี่ยังไม่ทันครบหรือเข้ารอบปีก็กลับมาวังวนเก่า ต้องบอกว่า เป็นพฤติกรรมที่ผู้รักประชาธิปไตยต้องต่อต้าน ซึ่งเราไม่ได้ต่อต้านตัวบุคคล แต่เราต่อต้านความคิดที่ทหารเข้ามาแทรกแซง แล้วทำมากินปูนร้อนท้องเพราะผมยังไม่ทันกล่าวหาก็ออกมาบอกว่าทหารไม่เกี่ยวข้อง อะไรกันเดินทางจากพรรคประชาธิปัตย์ถึงโรงแรมสุโขทัยใช้เวลาสองชั่วโมง แล้วเลี้ยวเข้าไปใน ร.1 พัน 1 ได้อย่างไร และการที่นักการเมืองสยบสมยอมทหารถือเป็นการทรยศต่อประชาชน ซึ่งนักประชาธิปไตยยอมไม่ได้ ครั้งนี้เราจะดูต่อไปว่าจะมีผลลัพธ์อย่างไร” นายวีระ กล่าว

นายวีระ กล่าวอีกว่า ตนมาแถลงถึงประชาชนถึงเสื้อทุกสีผู้รักประชาธิปไตย ว่า ท่านจะยอมให้เกิดเรื่องนี้ไม่ได้ เราไม่ยอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเสื้อแดงต้องเตรียมการกันล่วงหน้า ซึ่งเราจะต้องทำความเข้าใจกันครั้งใหญ่ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ในรายการความจริงวันนี้สัญญจรที่สนามศุภชลาศัย ตนจะพูดให้รายละเอียดเรื่องรัฐประหารซ่อนรูปว่าเป็นอย่างไร

นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภา ตนขอประณามพฤติกรรมของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ที่เข้ามายุ่งและบงการการจัดตั้งรัฐบาล เป็นการแทรกแซงกระบวนการประชาธิปไตย ซึ่งตนไม่อยากให้ใครมาเรียกว่า “เผด็จการหัวเถิก” เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของทหาร

นายจตุพร กล่าวว่า การที่ ผบ.ทบ.ปล่อยให้ให้พันธมิตรฯ มายึดทำเนียบ สนามบิน เสียหายแสนล้าน แล้วให้ยุบ 3 พรรค เพื่อให้เกิดสิ่งเหล่านี้ คิดหรือว่าประชาชนจะรับได้ และการที่พรรคประชาธิปัตย์ ปล่อยให้ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และสมาชิกพรรคไปยึดสถานที่ แต่พรรคประชาธิปัตย์เองกลับไม่รับผิดชอบการกระทำครั้งนี้ ก็ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ สมคบกันทำลายให้รัฐบาลเกิดความบอบช้ำ แล้วตัวเองย้อนกลับมาเป็นวีรบุรุษ ซึ่งตนคิดว่า นายอภิสิทธิ์ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีแม้แต่วันเดียว

นอกจากนี้ นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯไปด้วยเหตุผลทางการเมือง ดังนั้น ตัว นายอภิสิทธิ์ ที่ไม่ผ่านการเกณฑ์ทหารจะเป็นนายกฯได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวรายการงานว่า จากนั้น นายจตุพร ได้แสดงเอกสารเพื่อยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้เกณฑ์ทหาร ดังนั้น ตนสรุปว่า ครั้งนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ ผบ.ทบ.กวาดต้อนนักการเมืองเพื่อให้คนหนีทหารขึ้นมาเป็นนายกฯ

“ท่านทำลายประชาธิปไตยไม่ได้ง่ายต่อหน้าต่อตา และนายอภิสิทธิ์ ก็เป็นนายกฯไม่ได้แม้แต่วันเดียว ทั้งหมดจึงชี้ให้เห็นว่าการพยายามเปลี่ยนขั้วทางการเมือง โดยให้ ผบ.ทบ.มาเดินเกม ดังนั้น ประเทศไทยหลังจากนี้ไม่มีความสงบสุขออยู่อีกเลย เหมือนเป็นการตบหน้าประชาธิปไตย เพราะเอาคนหนีเกณฑ์ทหารมาเป็นนายกฯจะต้องได้รับการขัดขวางจากประชาชนจนถึงที่สุด” นายจตุพร กล่าวและว่า ทำไมไม่รัฐประหารไปเสียเลย ฝ่ายประชาธิปไตยจะได้ออกมา อย่ามาเป็นเผด็จการหัวเถิก

อย่างไรก็ตาม กรณีที่วันที่ 13 ธ.ค.นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะโฟนอินเข้ามาพูดคุยกับคนเสื้อแดงนั้น ท่านจะพูดทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นทุกเรื่องที่เป็นการนำพาการโค่นล้มประชาธิปไตย

ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวเสริมว่า อยากฝากไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ว่า อยู่บนถนนการเมืองมานานถึง 60 ปี ซึ่งเวลานี้จำเป็นที่จะต้องควบคุมความอยากของตัวเอง อย่าให้ความใคร่มีในอำนาจในการขับเคลื่อน เพราะโดยหลักการพรรคที่เสียงข้างมากลำดับที่ 1 เขายืนยันว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยมารยาทของพรรลำดับสองจะไม่แสดงความเคลื่อนไหวแถลงข่าวเหมือนลำตัดแม่ประยูรดังเช่นเมื่อวาน

“โดยมารยาทแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ อย่าว่ายวนอยู่ในทะเลของความอยาก ขอให้ตั้งสติ เพราะการจะผลักดันใครให้เป็นนายกฯขอให้คำนึงถึงความสวยงามทางการเมืองด้วย และด้วยความอยากพรรคประชาธิปัตย์ยังจะเดินไปตามอำนาจของนายทหารใหญ่บางคน ในการกำกับทำตัวอุ้มพรรคร่วมรัฐบาลมาให้จับมือกับประชาธิปัตย์ ประเด็นก็คือวิธีการที่ทำมันไม่ใช่ประชาธิปไตย ถือเป็นการดูหมิ่นประชาชนทั้งประเทศ อย่าคิดว่าเรื่องที่ทำกันจะรู้กันแค่เฉพาะนายอภิสิทธิ์ นายชวนและนายสุเทพ เท่านั้น เพราะคนไทยเขารู้มองออกและไม่ยอมรับวิธีการพวกนี้ ซึ่งน่าแปลกใจที่ นายอภิสิทธิ์ ที่ไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร แต่พอจะตั้งรัฐบาลก็ให้ทหารไปเกณฑ์พรรคร่วมมาแถลงข่าว” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า อยากฝากไปยังแม่ทัพนายกอง ว่า ไม่มีสิทธิ์จะมาจับขั้ว ทำขั้ว การเมือง เพราะถ้าคิดว่าบ้านเมืองจะเจริญและพัฒนาด้วยวิธีนี้ หากจะเอาอย่างนั้นให้ยึดอำนาจไปเลย อย่าแอบทำอย่าทำลับลับล่อๆ ให้ปล้นดีกว่าเป็นตีนแมวย่องเบา เพราะประชาชนเขารู้ทันไม่มีใครเอาวิธีการแบบนั้น อย่างไรก็ตามตนขอฝากไปยังพี่น้องที่เคยต่อสู้ร่วมกันทุกพรรค พี่น้อง ส.ส.ด้วยว่าความเป็นพี่น้อง ความรักความห่วงใยยังมีอยู่ไม่เสื่อมคลาย การตัดสินใจสนับสนุนนายอภิสิทธิ์เป็นนายกตนก็เคารพความคิด แต่ตนอยากให้เคารพประชาชนที่เขาส่งมาป็นตัวแทนประชาชนในนามพรรคพลังประชาชนที่ว่าไม่มีใครสนับสนุนหรือให้ยกมือให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ

“หากคิดว่า เป็นการกระทำโดยชอบ ก็ขอบอกว่า ประชาชนก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงเจตจำนงที่จะสื่อสารไปยัง ส.ส.ของตัวเอง ว่า พี่น้องประชาชนรู้สึกอย่างไร เพราะไม่เช่นนั้นแล้วเจตนารมณ์ของประชาชนก็ถูกบิดเบือนกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะการจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่คำนึงถึงคนรักประชาธิปไตยเขายอมรับไม่ได้” นายณัฐวุฒิ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น