พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) อยู่เบื้องหลังการจับขั้วการเมืองต่างๆว่า ตนขอยืนยันว่า พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ได้อยู่เบื้องหลังในการจับขั้วต่างๆ ทางการเมือง ซึ่ง ผบ.ทบ. ได้เล่าให้ตนฟังว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 5 ธ.ค.51 ที่ผ่านมา มีกลุ่มนักการการเมืองโทรศัพท์มาปรึกษาท่านจำนวนมาก ซึ่งท่านก็บอกว่า เราไปห้ามเขาไม่ได้ ที่จะไม่ให้เขาโทรมาปรึกษา การที่เขาโทรมาถามก็ถือเป็นสิทธ์ของเขา
อย่างไรก็ตาม ผบ.ทบ.ได้บอกไปกับนักการเมืองเหล่านั้นว่า ในฐานะที่ท่านเป็นข้าราชการประจำ เป็นกำลังพลของกองทัพบก ท่านคงไม่สามารถให้คำแนะนำอะไรที่เป็นเรื่องลึกซึ้งเกี่ยวกับการเมืองได้ ซึ่งกองทัพก็มีความคิดเห็นเหมือนกับพี่น้องประชาชนโดยทั่วไปโดยคาดหวังว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาจะให้บทเรียนกับทุกฝ่ายและตนก็มีจุดยืนที่ชัดแจนว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมากองทัพมีท่าทีชัดเจนตลอดที่จะกู้วิกฤติกาลของบ้านเมืองที่จะต้องแก้ไขด้วยกระบวนการยุติธรรมและก็ฝ่ายการเมืองด้วยตัวเอง
ส่วนนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม เช่น พรรคเพื่อไทย กลับมองในด้านตรงกันข้ามว่าทหารเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของท่านที่จะคิดอย่างไร แต่ทางกองทัพขอยืนยันว่าเราไม่ได้ลงลึกไปในรายละเอียดของเรื่อง การเมือง ว่าใครจะอยู่กับใคร เป็นเรื่องที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องใช้ดุลยพินิจ ร่วมกัน เราเป็นกลไกของรัฐอะไรมาเราก็รับได้ ขออย่างเดียวให้ทุกคนเสียสละประโยชน์ส่วนตน ยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะขัดต่อนโยบายของกองทัพที่บอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กองทัพยังยึดนโยบาย วางตัวเป็นกลาง ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง นี้คือจุดยืนของกองทัพจริงๆ เราไม่ได้ลงไปในรายละเอียดและไม่ได้วิเคราะห์ว่าใครจะอยู่กับใคร ต้องให้ฝ่ายการเมืองเขาว่ากันไป
ส่วนจะส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ของกองทัพหรือไม่นั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า การที่กองทัพไม่เข้าไปยุ่งกับปัญหาทางด้านการเมืองยังไม่ดีอีกหรือ ซึ่งการกระทำและการวางตัวทางการเมืองของ ผบ.ทบ. ที่ผ่านมาถือเป็นสิ่งที่ดี คือท่านไม่เข้าไปยุ่งกับการเมือง แต่ถ้าใครมาถามท่านก็ไปห้ามไม่ได้ แต่สิ่งที่ท่านพูดไปคือ อยากให้ทุกฝ่ายนำประสบการณ์ที่ผ่านมาไปลองพิจารณากันถ้าเสียสละผลประโยชน์ส่วนตนมองผลประโยชน์ส่วนร่วมได้ บ้านเมืองก็มีความหวัง
ต่อข้อถามว่าการที่นักการเมืองโทรศัพท์มาปรึกษา เป็นในส่วนของ ผบ.ทบ. คนเดียวไม่เกี่ยวกับเหล่าทัพอื่นใช่หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่า เขาโทรไปหาใครบ้าง แต่เหตุผลที่เขาโทรหา ผบ.ทบ. อาจเป็นเพราะว่าที่ผ่านมาประชาชนได้คาดหวังกับกองทัพให้ออกมาแก้ไขปัญหาและวิกฤติของบ้าเนมือง ซึ่งที่ผ่านมา ท่านก็ยืนยันในจุดยืนว่าจะไม่เข้าไปยุ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่านักการเมืองฝ่ายตรงข้ามระบุว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการปฏิวัติซ่อนรูป พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่ไช่การปฏิวัติซ่อนรูป การที่ท่านไม่ลงไปยุ่งกับการเมืองจะเรียกว่าการปฏิวัติได้อย่างไร เมื่อถามว่า แต่ประชาชนทั่วไปไม่รู้ว่า ท่านให้ความคิดเห็นอย่างอื่นอีกหรือไม่ พ.อ.สรรเสริฐ กล่าวว่า เราจะห้ามปรามความคิดเห็นของแต่ละฝ่ายคงไม่ได้ ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง
ส่วนนักการเมืองที่โทรติดต่อมาหาเป็นใครบ้างนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ท่านไม่ได้บอกว่าเป็นใครบ้าง พรรคไหน เพียงแต่บอกว่ามีหลายคน เมื่อถามว่า กังวลว่ากลุ่มเสื้อแดงจะออกมาต่อต้านหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นข้อตกลงใจ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยกันเองว่าจะรวมกันอย่างไร ส่วนกลุ่มเสื้อแดงจะรวมกลุ่มกดดัน จะกดดันใครในเมื่อกองทัพไม่ได้เข้าไปยุ่ง ปัญหาที่เป็นปัจจัยทั้งหลายบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ต้องนำไปวิเคราะห์กันว่าท่านจะตกลงกันกันอย่างไร ซึ่ง ผบ.ทบ. เพียงแต่ให้คำแนะนำไป หรือคำแนะนำที่ว่าก็ไม่ได้แตกต่าง ไปจากความรู้สึกของคนไทยทั้งมวล
ผู้สื่อข่าวถามว่าคำแนะนำของ ผบ.ทบ. ถือเป็นเสียงสะท้อนถึงความต้องการ ส่วนหนึ่งของประชาชนหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กองทัพก็ประกอบไปด้วยกำลังพลก็คือประชาชนส่วนหนึ่ง จึงถือว่าเป็นมุมมองของทางกองทัพก็แล้วกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าผบ.ทบ. ได้แสดงความกังวลหรือไม่ว่าหากนายกรัฐมนตรี มาจากพรรคเพื่อไทยจะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอีก พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ท่านไม่ได้แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากพรรคใด ส่วนเรื่องที่ หลายฝ่ายเกรงว่านายกรัฐมนตรีจะมาจากพรรคเพื่อไทยแล้วจะทำให้เกิดความ วุ่นวายนั้น ผบ.ทบ.ไม่ได้แสดงความคิดเห็นในส่วนนี้รวมถึงการเดินทางกลับมาของ คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ อดีตภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะมาเคลื่อนไหวทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ผบ.ทบ.ได้บอกไปกับนักการเมืองเหล่านั้นว่า ในฐานะที่ท่านเป็นข้าราชการประจำ เป็นกำลังพลของกองทัพบก ท่านคงไม่สามารถให้คำแนะนำอะไรที่เป็นเรื่องลึกซึ้งเกี่ยวกับการเมืองได้ ซึ่งกองทัพก็มีความคิดเห็นเหมือนกับพี่น้องประชาชนโดยทั่วไปโดยคาดหวังว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาจะให้บทเรียนกับทุกฝ่ายและตนก็มีจุดยืนที่ชัดแจนว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมากองทัพมีท่าทีชัดเจนตลอดที่จะกู้วิกฤติกาลของบ้านเมืองที่จะต้องแก้ไขด้วยกระบวนการยุติธรรมและก็ฝ่ายการเมืองด้วยตัวเอง
ส่วนนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม เช่น พรรคเพื่อไทย กลับมองในด้านตรงกันข้ามว่าทหารเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของท่านที่จะคิดอย่างไร แต่ทางกองทัพขอยืนยันว่าเราไม่ได้ลงลึกไปในรายละเอียดของเรื่อง การเมือง ว่าใครจะอยู่กับใคร เป็นเรื่องที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องใช้ดุลยพินิจ ร่วมกัน เราเป็นกลไกของรัฐอะไรมาเราก็รับได้ ขออย่างเดียวให้ทุกคนเสียสละประโยชน์ส่วนตน ยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะขัดต่อนโยบายของกองทัพที่บอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กองทัพยังยึดนโยบาย วางตัวเป็นกลาง ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง นี้คือจุดยืนของกองทัพจริงๆ เราไม่ได้ลงไปในรายละเอียดและไม่ได้วิเคราะห์ว่าใครจะอยู่กับใคร ต้องให้ฝ่ายการเมืองเขาว่ากันไป
ส่วนจะส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ของกองทัพหรือไม่นั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า การที่กองทัพไม่เข้าไปยุ่งกับปัญหาทางด้านการเมืองยังไม่ดีอีกหรือ ซึ่งการกระทำและการวางตัวทางการเมืองของ ผบ.ทบ. ที่ผ่านมาถือเป็นสิ่งที่ดี คือท่านไม่เข้าไปยุ่งกับการเมือง แต่ถ้าใครมาถามท่านก็ไปห้ามไม่ได้ แต่สิ่งที่ท่านพูดไปคือ อยากให้ทุกฝ่ายนำประสบการณ์ที่ผ่านมาไปลองพิจารณากันถ้าเสียสละผลประโยชน์ส่วนตนมองผลประโยชน์ส่วนร่วมได้ บ้านเมืองก็มีความหวัง
ต่อข้อถามว่าการที่นักการเมืองโทรศัพท์มาปรึกษา เป็นในส่วนของ ผบ.ทบ. คนเดียวไม่เกี่ยวกับเหล่าทัพอื่นใช่หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่า เขาโทรไปหาใครบ้าง แต่เหตุผลที่เขาโทรหา ผบ.ทบ. อาจเป็นเพราะว่าที่ผ่านมาประชาชนได้คาดหวังกับกองทัพให้ออกมาแก้ไขปัญหาและวิกฤติของบ้าเนมือง ซึ่งที่ผ่านมา ท่านก็ยืนยันในจุดยืนว่าจะไม่เข้าไปยุ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่านักการเมืองฝ่ายตรงข้ามระบุว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการปฏิวัติซ่อนรูป พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่ไช่การปฏิวัติซ่อนรูป การที่ท่านไม่ลงไปยุ่งกับการเมืองจะเรียกว่าการปฏิวัติได้อย่างไร เมื่อถามว่า แต่ประชาชนทั่วไปไม่รู้ว่า ท่านให้ความคิดเห็นอย่างอื่นอีกหรือไม่ พ.อ.สรรเสริฐ กล่าวว่า เราจะห้ามปรามความคิดเห็นของแต่ละฝ่ายคงไม่ได้ ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง
ส่วนนักการเมืองที่โทรติดต่อมาหาเป็นใครบ้างนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ท่านไม่ได้บอกว่าเป็นใครบ้าง พรรคไหน เพียงแต่บอกว่ามีหลายคน เมื่อถามว่า กังวลว่ากลุ่มเสื้อแดงจะออกมาต่อต้านหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นข้อตกลงใจ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยกันเองว่าจะรวมกันอย่างไร ส่วนกลุ่มเสื้อแดงจะรวมกลุ่มกดดัน จะกดดันใครในเมื่อกองทัพไม่ได้เข้าไปยุ่ง ปัญหาที่เป็นปัจจัยทั้งหลายบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ต้องนำไปวิเคราะห์กันว่าท่านจะตกลงกันกันอย่างไร ซึ่ง ผบ.ทบ. เพียงแต่ให้คำแนะนำไป หรือคำแนะนำที่ว่าก็ไม่ได้แตกต่าง ไปจากความรู้สึกของคนไทยทั้งมวล
ผู้สื่อข่าวถามว่าคำแนะนำของ ผบ.ทบ. ถือเป็นเสียงสะท้อนถึงความต้องการ ส่วนหนึ่งของประชาชนหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กองทัพก็ประกอบไปด้วยกำลังพลก็คือประชาชนส่วนหนึ่ง จึงถือว่าเป็นมุมมองของทางกองทัพก็แล้วกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าผบ.ทบ. ได้แสดงความกังวลหรือไม่ว่าหากนายกรัฐมนตรี มาจากพรรคเพื่อไทยจะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอีก พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ท่านไม่ได้แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากพรรคใด ส่วนเรื่องที่ หลายฝ่ายเกรงว่านายกรัฐมนตรีจะมาจากพรรคเพื่อไทยแล้วจะทำให้เกิดความ วุ่นวายนั้น ผบ.ทบ.ไม่ได้แสดงความคิดเห็นในส่วนนี้รวมถึงการเดินทางกลับมาของ คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ อดีตภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะมาเคลื่อนไหวทางการเมือง
