xs
xsm
sm
md
lg

"สาทิตย์" บี้ตำรวจหาตัว"นช.แม้ว"วันโฟนอิน-เสื้อแดงอีสานแตก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "สาทิตย์" จี้ตำรวจหาแหล่งกบดาน "นช.แม้ว" วันโฟนอิน "สันติบาล" คุยรู้หน้าที่ แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด อัยการ จี้ตำรวจส่งที่อยู่ที่ชัดเจน แย้มรู้เพียงข่าว 31 ม.ค.นี้ "แม้ว" จะโฟนอินมาจากฮ่องกง "เชาวริน" เดือดนายใหญ่ถูกถอดยศ "สุเทพ"ยัน ตร.ทำไปตามระเบียบ ระบุไม่ได้เสนอถอดยศเฉพาะ ”ทักษิณ” แต่ทำเป็นชุดใหญ่ทั้งตำรวจและทหาร “เสื้อแดงขอนแก่น-เสื้อแดงเขาวิหาร" เมินร่วมม็อบใหญ่ 31 ม.ค. “อำนวย” คุยตำรวจคุมได้

วานนี้ (22 ม.ค.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องคำพิพากษา จำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 31 ม.ค.นี้ว่า แสดงว่าต้องมีหลักแหล่งที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างแน่นอน ดังนั้น ตำรวจจะต้องทราบดีว่า ควรจะดำเนินการอย่างไร

พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส. กล่าวถึงกรณีการหาแหล่งที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อสืบหาที่อยู่ที่ชัดเจน และติดตามตัวมาดำเนินคดีตามหมายจับว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจสันติบาลโดยตรงอยู่แล้วในการตรวจสอบทั้งเรื่องข้อความที่ใช้โฟนอิน เรื่องการติดตามที่อยู่ พ.ต.ท.ทักษิณ และการดูแลการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) ซึ่งพร้อมที่จะดูในเรื่องเหล่านี้อยู่แล้วแม้ไม่มีการ้องขอจากรัฐบาล

พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวอีกว่า อะไรก็ตามที่ทำให้เกิดปัญหา กับภาพส่วนใหญ่ของประเทศก็เป็นหน้าที่ของตำรวจสันติบาลในการติดตาม รวมทั้งการชุมนุมของ นปช.ซึ่งจะมีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะมีการเฝ้าฟังและบันทึกไว้ตรวจสอบ รวมทั้งการติดตามที่อยู่ที่โฟนอินเข้ามาแต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในการติดตาม รวมทั้งการดูแลไม่ให้มีมือที่สามเข้ามาปั่นป่วนสร้างความวุ่นวายให้เกิดเรื่องเมื่อมีการชุมนุม จนเกิดเป็นความร้าวฉาน โดยมุ่งเน้นการหาข่าวในเชิงสมานฉันท์ เพื่อให้เกิดความสงบสุข

แหล่งข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยในเรื่องเดียวกันว่า หน้าที่หลักที่จะต้องติดตามความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ดูแลเรื่องนี้โดยตรงน่าจะเป็นด้านการฑูต ตำรวจสากล หรืออัยการประสานมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อจะได้ทราบว่าทาง สตช.ได้มอบหมายให้หน่วยงานใดรับผิดชอบติดตามในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ส่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ก็เป็นหน้าที่ประจำของ สตม.ที่จะต้องตรวจสอบบุคคลเข้าออกนอกประเทศตามระบบ ซึ่งถ้าได้รับรายงานใครมีหมายจับ หากมีการผ่านเข้าออกก็ต้องควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

**อัยการรู้ข่าว"แม้ว"อยู่ฮ่องกง

นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวถึงการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องคำพิพากษา จำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ว่า ตามขั้นตอนการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน จะดำเนินการได้ต่อเมื่อมีหลักฐานชัดเจนว่าบุคคลนั้นมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในประเทศใด แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหน ล่าสุดมีเพียงกระแสข่าวว่าจะโฟนอินมาจากประเทศฮ่องกง ในวันที่ 31 ม.ค.นี้

ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในฐานะผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามหมายจับของศาลจะสืบหาข้อมูลที่ชัดเจนว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักอยู่ที่ใด และประสานขอความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะดำเนินการเรื่องดังกล่าว หลังจากที่มีข้อมูลชัดเจนแล้ว อัยการในฐานะผู้ทำหน้าที่ยื่นคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจะได้ดำเนินการต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประสานเข้ามาจากทาง สตช.แต่อย่างใด

**"เชาวริน"เดือดถอดยศลูกพี่

ด้าน ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้สดถาม นายกรัฐมนตรีเรื่อง การเสนอถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง เป็นผู้ตอบกระทู้แทน

โดย ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า คมช. ตั้งกรรมการตรวจสอบที่เป็นปฏิปักษ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ คตส.จึงตรวจสอบโดยไม่เป็นธรรม ผลการตรวจสอบไม่ว่าจะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ ประชาชนในประเทศส่วนหนึ่งไม่ยอมรับ และรัฐบาลมีความจำเป็นเร่งด่วนอะไรที่ต้องดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งๆที่รัฐบาลเพิ่งจะแถลงนโยบายได้เพียง 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ ประเด็นความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เกี่ยวกับการเซ็นต์ยินยอมให้กับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ทำนิติกรรมซื้อชายที่ดินรัชดา แม้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง มีมติ 5 ต่อ 4 ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความผิด แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เพียงแต่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 101

"การกระทำแบบนี้อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มีศรัทธาต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และอาจลุกขึ้นมาประท้วงอันเป็นผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยได้ จึงอยากทราบว่ารัฐบาลจะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร"

นอกจากนี้ อยากทราบว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินการกับตำรวจนายอื่นๆ ที่อยู่ในกระบวนการถอดยศอย่างไรบ้าง เพราะที่ผ่านมามีกรณีของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ก็ถูกคำพิพากษาให้จำคุกเหมือนกัน แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีกระบวนการการถอดยศ และในฐานะที่นายสุเทพ เป็นรองนายกฯ ดูแลความมั่นคง ในส่วนของทหารมีกระบวนการในการถอดยศเหมือนกับตำรวจหรือไม่ อยากให้ไปตรวจสอบ สตช.หลังจากที่คณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณพบว่ามีการทุจริตในงบประชาสัมพันธ์ จำนวน 18 ล้านบาทด้วย

**"เทพ"แจ้งถอดยศไม่เกี่ยวรัฐบาล

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ที่มีข่าวเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนทราบจากสื่อพร้อมกับประชาชนคนอื่นๆจากนั้นได้ตรวจสอบโดยสอบถามไปยัง สตช.ว่า การถอดยศมีหลักเกณฑ์ความเป็นมาอย่างไร ก็ทราบว่า มี พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และระเบียบ สตช.ว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 โดย พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 28 , 29 การถอดยศ มี 7 กรณี 1.ต้องคำพิพากษาให้ถึงที่สุดในกรณีทุจริตต่อหน้าที่ แม้จะมีการรอลงโทษก็ตาม 2.ต้องคำพิพากษาให้ถึงที่สุดจำคุก หรือมีโทษมากกว่าจำคุก เว้นแต่เป็นคดีลหุโทษ และความประมาท 3.ต้องคำพิพากษาให้ถึงที่สุดในคดีล้มละลายและก่อหนี้สิน 4.ผิดวินัยร้ายแรงและให้ออกจากราชการ 5.ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง 6.ต้องคดีอาญาแล้วหลบหนี และ7.ถูกสั่งให้ออกจากราชการ เพราะขาดคุณสมบัติ

นายสุเทพ กล่าวว่า กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องที่สืบเนื่อง จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ลงโทษจำคุก 2 ปี ซึ่งแม้ไม่ได้เป็นตามประมวลกฎหมายอาญา แต่โดนลงโทษจำคุกตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. ทั้งนี้ กรณีนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องรัฐบาล นายกฯ หรือตน ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องหรือสั่งการ แต่เป็นการทำตามหน้าที่ของตำรวจ โดยเฉพาะกองวินัยและกองกำลังพล ทำหนังสือถึงศาลตรวจสอบผลคดี และศาลแจ้งว่า ถึงที่สุดแล้ว เพราะไม่มีการอุทธรณ์ ตำรวจก็ปฏิบัติไปตามหน้าที่ จึงไม่ใช่เรื่องรัฐบาลไปรู้เห็นหรือสั่งการ และตนไม่คิดว่าจะมีการประท้วงอย่างรุนแรงจากประชาชนและขอความเป็นธรรมให้กองวินัย เพราะทำตามหน้าที่

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับสถิติการถอดยศ เช่น พ.ศ.2534 ก่อนมีระเบียบนี้ มีตำรวจสัญญบัตร 251 คน ประทวน 1,909 คน ถูกถอด แสดงให้เห็นว่า ตำรวจก็ดูแลเกียรติยศศักดิ์ศรีของตำรวจอย่างเคร่งครัด หรือปี 47 ที่มีกฎหมายนี้ มีตำรวจสัญญบัตร 35 คน ประทวน 203 คนถูกถอดยศ ปี 48 สัญญบัตร 21 คนประทวน 76 คน ปี 49 สัญญาบัตร 6 คน ประทวน 32 คน ส่วนกรณี พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ตรวจสอบพบว่า คดียังไม่สิ้นสุด อยู่ในศาล 3 คดี โดยคดียักยอกเพชร อยู่ในชั้นศาลฎีกา คดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาอยู่ในชั้นศาลอุทธรณ์ คดีหน่วงเหนียวกักขัง อยู่ระหว่างตรวจสอบผลคดีจากศาลอุทธรณ์ และตำรวจยืนยันว่า หากศาลตัดสินถึงที่สุด ก็จะดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการถอดยศ เหมือนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ

**"ทักษิณ"ถอดยศพร้อมพวก 15 คน

นายสุเทพ ชี้แจงย้ำว่านอกจากนี้ปีนี้ไม่ได้ดำเนินการถอดยศ เฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะการดำเนินการถอดยศ ต้องมีการประกาศพระบรมราชโองการ ซึ่งหากทำทีละคน หรือสองคนก็อาจจะทำให้เป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทได้ ดังนั้น กระบวนการถอดยศต้องทำทีละหลายคน หรือเรียกว่าเป็นชุดๆ ซึ่งเฉพาะในปีนี้มีตำรวจที่รอพิจารณาถอดยศ จำนวน 15 คน รวมไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย เช่นเดียวกับ ในส่วนของทหาร ทางกระทรวงกลาโหมให้ข้อมูลว่าตอนนี้อยู่ในกระบวนการถอดยศนายทหารระดับพันตรีรายหนึ่ง ที่มีความผิดวินัยร้ายแรง ตามความเห็นของ ป.ป.ช. ซึ่งในกรณีนี้ทางกองทัพได้ดำเนินการตามพ.ร.บ.ยศทหาร พ.ศ. 2479 เหมือนกัน

**เสื้อแดงขอนแก่นไม่ร่วมม็อบ 31 ม.ค.

นายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น กลุ่มเพื่อนเนวิน พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ผู้จัดรายการความจริงวันนี้ ประกาศชุมนุมใหญ่ในวันที่31ม.ค.ว่าโดยข้อเท็จจริงแล้วชาวบ้านหลายจังหวัดไม่อยากมา เพราะอยากให้รัฐบาลได้ทำงานก่อน เชื่อว่าการชุมนุมครั้งนี้ พื้นที่หลายจังหวัดของอีสาน จะไม่เดินทางมาร่วมชุมนุมด้วย ตนจึงสงสัยว่า หากไม่มีแนวร่วมจากอีสาน จะมีคนจากที่ไหนมาร่วมชุมนุม แนวร่วมใน กทม.หรือ อย่างไร

“สำหรับชาวขอนแก่นนั้น ผมได้ทำความเข้าใจกับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงหมดแล้ว เพราะฉะนั้นการชุมนุมในวันที่ 31 ม.ค.จะไม่มีชาวขอนแก่นมาร่วมชุมนุมด้วยอย่างแน่นอน และไม่รู้ว่าจะจัดชุมนุมทำไม เพราะวันที่ 31 ม.ค.ดูแล้วก็ไม่มีเหตุการณ์อะไร รัฐสภาร่วมพิจารณากรอบการประชุมอาเซียน ก็เสร็จสิ้นแล้ว”

**บอกประชาชนไม่ต้องรอแม้ว

นายปัญญา กล่าวอีกว่า กลุ่มเพื่อนเนวินได้ไปชี้แจงให้ชาวบ้านเข้าใจหมดแล้ว ถึงเรื่องประชานิมยมว่า ยังมีเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนมือคนทำเท่านั้น หากยังรอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้กลับมา นโยบายประชานิยมเรายังทำเหมือนรัฐบาลเดิม แค่เปลี่ยนคนทำ ซึ่งชาวบ้านก็เข้าใจพร้อมทั้งบอกว่าจะรอดูว่าจะทำได้จริงหรือไม่ หากทำไม่ได้ ส.ส.ต้องรับผิดชอบ ตนก็รับปาก หากทำไม่ได้ก็คงจะเสียอนาคตทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม อยากให้จับตา หากงบประมาณลงท้องถิ่นเมื่อไร เชื่อว่ากระแสต่างๆที่เคยต่อต้านกลุ่มเพื่อนเนวิน และรัฐบาลนั้นจะค่อยๆ ดีขึ้นตามมา โดยเฉพาะเรื่องถนนไร้ฝุ่นนั้นจะทำให้เป็นจริงให้ได้

สำหรับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น หากบ้านเมืองสงบสุข เราก็พร้อมช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณเต็มที่ อยากให้ท่านได้กลับมาต่อสู้เรื่องคดี เพราะท่านถือเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า

**"เสื้อแดงเขาวิหาร" เมินร่วม 31 ม.ค.

ด้านนายจักรภพ สถาวร อายุ 51 ปี อยู่บ้านกระแชง ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า ตามที่กลุ่มผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ และแกนกลุ่ม นปช.ได้นัดชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 31 ม.ค.นั้น ตนได้รับการติดต่อประสานงานจากแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงจากหลายจังหวัดในเขตภาคอีสานและภาคเหนือ เพื่อเชิญพวกเราให้ไปเข้าร่วมชุมนุมด้วย แต่จากการที่พวกเราได้ประชุมหารือกันภายในกลุ่มคนเสื้อแดงเขาพระวิหาร แล้วมีมติว่าจะไม่ไปเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากเห็นว่าควรที่จะเปิดโอกาสให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้มีโอกาสทำงานบริหารประเทศชาติบ้านเมืองไปสักระยะเวลาหนึ่งก่อน เพื่อเป็นการพิสูจน์ฝีมือการทำงานของรัฐบาลชุดใหม่

“พวกเราแม้จะอยู่ห่างไกลแต่ก็มีจิตใจรักประชาธิปไตยและเคารพกฏหมายบ้านเมือง เมื่อรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศตามช่องทางของระบอบประชาธิปไตยก็สมควรที่จะให้รัฐบาลทำงานต่อไปได้ ไม่ควรไปตีรวนโดยไม่มีเหตุผล” นายจักรภพ กล่าว

**นปช.ถกเสื้อแดงลพบุรี-สิงห์บุรี

ทางด้านนายจักรภพ เพ็ญแข 1 ใน 4 แกนนำ นปช.หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อคืนวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่ของ จ.ลพบุรี เพื่อประชุมกลุ่มสมาชิกผู้สนับสนุนการชุมนุมของกลุ่ม นปช.และรายการความจริงวันนี้ ในพื้นที่ของ จ.ลพบุรี และสิงห์บุรี ซึ่งได้มีผู้ที่สนับสนุนเดินเข้าเขามาร่วมประชุมกับนายจักภพ ที่บริเวณร้านอาหารบัวหลวง ตั้งอยู่กลางเมืองลพบุรีกว่า 200 คน โดยส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านจากสิงห์บุรี ที่เดินทางมา

โดยในพื้นที่ จ.ลพบุรี ผู้ที่นำกลุ่มเสื้อแดงมาร่วมในครั้งนี้ นำโดยนายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายพหล วรปัญญา อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชาชน และนายพิชัย เกียรติวินัยสกุล อดีตนายก อบจ.ลพบุรี และยังเป็นอาของนายณัฐพล เกียรติวินัยสกุล อดีต ส.ส.พรรคพลังประชาชน เป็นแกนนำ ซึ่งในการมาในครั้งนี้ได้มีการลงทะเบียนเพื่อตรวจสอบรายชื่อ

โดยนายจักรภพ กล่าวว่า ในการเดินทางมาในครั้งนี้ เพื่อเป็นการประชุมและจัดตั้งแกนนำของกลุ่มเสื้อแดงในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี และลพบุรี เพื่อให้เป็นผู้ติดต่อประสานงานกับทาง นปช.ส่วนกลาง เพื่อรับนโยบายและข้อมูลในการทำงานต่างๆ จาก นปช.ส่วนกลาง เพื่อแจ้งให้กลุ่มเสื้อแดงในแต่ละพื้นที่ ในการขับเคลื่อนกำลังประชาชน เพื่อเข้าร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีชุดนี้ให้มีการยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน และมีการเลือกตั้งใหม่

**แฉ ขรก.ลพบุรีแอบหนุนเสื้อแดง

พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการขัดขวางการประชุมอาเซียนซัมมิก อย่างแน่นอน แต่จะขับไล่รัฐบาลเพียงอย่างเดี่ยว ซึ่งจะมีการร่วมพลครั้งใหญ่ในวันที่ 31 ม.ค.52 ที่ท้องสนามหลวง ซึ่งในการชุมนุมของ นปช.ในต่างจังหวัด ยังไม่สามารถหาแกนนำในการติดต่อประสานงาน และนำชาวบ้านเข้าร่วมชุมนุมได้ พร้อมกันนี้กลุ่มเสื้อแดงทั้ง 2 จังหวัด ยังได้ร่วมกันร้องเพลงคำมั่นสัญญา และปิดท้ายด้วยเพลงเดือนเพ็ญ

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการมาของนายจักรภพ ครั้งนี้ ได้มีข้าราชการของจังหวัดลพบุรีเดินทางไปร่วมงานกับกลุ่มเสื้อแดงจำนวนมาก ทั้งสายตำรวจ มหาดไทย ส่วนราชการอื่นๆ เข้ามาในครั้งนี้ด้วย

**"อำนวย" ฟุ้งคุมเสื้อแดงได้

พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.กล่าวถึงการดูแลความเรียบร้อยกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงจะนัดชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ว่า ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมเล็กหรือใหญ่ หากเป็นการชุมนุมภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ คือ ต้องสงบและปราศจากอาวุธ คือ ต้องทั้งสองอย่างประกอบกัน คำว่าสงบ คือ ต้องไม่ไปรบกวนบุคคลอื่น และต้องไม่มีอาวุธ หากมีการก่อความวุ่นวาย มีการปิดกั้น และใช้ความรุนแรงอย่างนั้นถือว่าไม่สงบ และแม้จะชุมนุมอย่างสงบแต่มีอาวุธก็ถือว่าผิดเช่นกัน

“อยากฝากว่ากลุ่มที่จะเคลื่อนไหววันที่ 31 ม.ค.นี้เคยพูดว่า การกระทำอย่างนั้นไม่ถูกต้อง ทำไม่ได้ และทราบดีอยู่แล้วว่าทำแบบไหนไม่ได้ ก็อย่าทำแบบนั้น เดี๋ยวจะไปเข้าสุภาษิตที่ว่า “ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง” เมื่อทราบกันอยู่แล้วว่าทำอย่างนั้นไม่ถูกไม่ต้อง ก็ขอร้องว่าอย่าทำเลยดีกว่า เพราะหากพบว่าละเมิดตำรวจก็ต้องดำเนินการตามมาตรฐานเดียวกัน อย่างจริงจัง”

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า อยากฝากเตือนว่า ขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ และกำลังเดินไปได้ด้วยดี ผู้คนเริ่มมีความมั่นใจกับปัญหาต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ไขอยู่ ขอความกรุณาว่าควรติดตามผลงานรัฐบาลไปสักระยะหนึ่ง และหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาลก็มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่นั้นอยุ่แล้ว หรือราษฎรก็มีหน้าที่ตรวจสอบ แต่ควรให้รัฐบาลได้ทำงานก่อน เพราะการที่จะเข้ามาขัดขวางการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลก่อนนั้นก็ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกไม่ต้อง แต่ก็สามารถชุมนุมได้ไม่ว่าวันไหนๆ แต่ต้องสงบและปราศจากอาวุธอย่างแท้จริง

“ส่วนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะมีการดาวกระจายไปยังสถานทูตต่างๆ รวม 9 แห่งนั้น ในการดูแลสถานที่สำคัญๆ หรือสถานทูตประเทศต่างๆ นั้น ทางตำรวจมีมาตรการในการดูแลอยู่แล้ว และคิดว่าการไปก็คงเป็นการไปยื่นหนังสือ และการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ก็คงต้องเป็นการไปอย่างสงบและปราศจากอาวุธอีกเช่นกัน” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น