เมื่อเวลา 10.15 น. วานนี้ (21ม.ค.) แกนนำแก๊งเสื้อแดง นำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจักรภพ เพ็ญแข และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ร่วมกันแถลงข่าวที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ดีสเตชั่น โดยนายวีระ กล่าวถึงกรณีที่ แก๊งคนเสื้อแดงแตกคอกันหนักว่า เป็นปัญหาเล็กน้อย การจะแตกกันจริงหรือไม่ จะพิสูจน์กันได้ในวันชุมนุมใหญ่วันที่ 31 ม.ค.นี้ที่สนามหลวง และจะขอมติผู้ชุมนุมว่าจะปฏิบัติต่อไปอย่างไร เพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง
ทั้งนี้ สาเหตุที่จัดชุมนุมเพราะรัฐบาลไม่ใส่ใจสาระสำคัญ ไม่ตอบคำถามถึงความชอบธรรมในการบริหารประเทศ รัฐบาลยอมรับอำนาจนอกระบบเพียงเพื่อให้ตัวเองได้เป็นผู้บริหาร นอกจากนี้รัฐบาลยังไม่ใส่ใจ โดยตั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการยึดทำเนียบฯ และสนามบินมาเป็นรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรี รวมทั้งการโยกย้ายข้าราชการ และการเตรียมแต่งตั้งข้าราชการในครั้งต่อไป รัฐบาลก็ไม่คำนึงถึงสิ่งที่เคยประกาศไป ทั้งเรื่องความสมานฉันท์ และการขจัดความขัดแย้งในชาติ ซึ่งเป็นการสวนทางกับการทำงนของรัฐบาล อีกทั้งการดำเนินการเรื่อง สปก.4-01 รัฐบาลก็ไม่ได้ตระหนักถึงความเสียที่เกิดขึ้น รวมทั้งกรณี การแจกปลากระป๋องเน่า ให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม เรื่องนี้อยากให้มีการติดตามให้ดีๆ เพราะมันเป็นการทุจริต ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อย่างที่คาดไม่ถึงก็ได้
**ยื่นหนังสือสถานทูต9ประเทศ
ด้านนายจักรภพ กล่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงจะดำเนินการสองเรื่อง เร่งด่วน คือ
1. จะเดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูตทั้ง 9 ประเทศ เพื่อยื่นหนังสือ เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 ม.ค.เวลา 10.00 น. ที่สถานทูตพม่า และ 10.30 น. จะไปสถานทูตสิงคโปร์ ในวันจันทร์ที่ 26 ม.ค. เวลา 10.00 จะไปสถานทูตฟิลิปปินส์ และเวลา 11.00 น. จะไปสถานทูตอินโดนิเซีย ในวันอังคารที่ 27 ม.ค. 10.00 น.จะไปสถานทูตบรูไน และ 11.00 น.จะไปสถานทูตกัมพูชา วันพุธที่ 28 ม.ค. 10.00 น. จะไปสถานทูตเวียดนาม และ 11.00 น. จะไปสถานทูตมาเลเซีย วันพฤหัสที่ 29 ม.ค. 10.00 น. จะไปสถานทูตลาว เพื่อบอกว่า เราสนับสนุนการทำงานร่วมทั้งการจัดประชุมของกลุ่มประเทศอาเซียน แต่เราไม่ยอมรับรัฐบาลของตัวเอง และที่มีการถามว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้เสื่อมเสียต่อประเทศหรือไม่นั้น ขอบอกว่าเราสูญเสียตั้งแต่มีรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศแล้ว หากไม่มีการแก้ไขก็จะยิ่งทำให้เสื่อมเสียมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การไปยื่นหนังสือถึงสถานทูตต่างๆนั้น เราจะไม่เรียกร้องให้ทูตแต่ละประเทศตัดสินใจอะไร เพราะเคารพอธิปไตยของแต่ละประเทศ
2. เราจะดำเนินการเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายที่ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง เมื่อได้ผู้กระทำที่อยู่หน้าฉากแล้ว เราอาจจะลงลึกไปยังผู้ที่อยู่หลังฉากว่า ใครเป็นผู้สั่งการให้ยึดสนามบิน ทำให้ประเทศชาติเสียหายเป็นแสนล้าน
ทั้งนี้ ในการชุมนุมวันที่ 31 ม.ค. ตนจะเล่าถึงขั้นตอนเกี่ยวกับขบวนการก่อการร้าย และนัดแนะกัน ซึ่งในวันดังกล่าวจะเป็นรูปธรรมว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร
**"สมัคร" ถึงไทย 23.45น.
นายจักรภพ กล่าวด้วยว่า ในคืนวันที่ 21 ม.ค. เวลาประมาณ 23.45 น. นายสมัคร สุนทรเวช จะเดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อพักรักษาตัว ท่านฝากขอร้องว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อพักฟื้นร่างกาย ยังไม่พร้อมที่จะรับแขกจำนวนมาก และเมื่อเดินทางมาถึงแล้ว ก็จะเดินทางไปที่บ้านพักทันที
นายจักรภพ ยังกล่าวถึงการตั้งสถาบันคนเสื้อแดงว่า กำลังดำเนินการอยู่ โดยรูปแบบจะตั้งเป็นสำนักงานในแต่ละจังหวัด เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ไม่เกินวันที่ 1 ก.พ. โดยจะมีสมุดประจำตัวขนาดเล็กของคนเสื้อแดง คล้ายๆพาสปอร์ต ซึ่งจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับคนเสื้อแดง รวมทั้งวิธีการเคลื่อนไหว
** ยัน"แม้ว"โฟนอินหลังรายการ"มาร์ค"
ขณะที่นายจตุพร กล่าว ยืนยันว่า ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรี จัดรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ในเช้าวันอาทิตย์เสร็จสิ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะโฟนอินมายังสถานี ดีสเตชั่นทันที โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงเต็ม เริ่มตั้งแต่ 10.00 น. โดยพวกเราจะเป็นผู้ร่วมจัดรายการ และสนทนากับพ.ต.ท.ทักษิณ จะมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ในมุมมองของพ.ต.ท.ทักษิณ
**รัฐบาลไม่ห่วง"แม้ว"โฟนอิน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสื่อ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโพนอินเข้ามาในสถานีโทรทัศน์ ดีสเตชั่น (ดีทีวี) หลังรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ว่า เป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ถือว่าทำได้ และรัฐฐาลก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไร เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเข้ามาหลายครั้งแล้ว และมีการติดต่อคนที่ยังสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ มาโดยตลอด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ที่คนรู้จักกันจะคุยกัน
ส่วนจะทำให้เกิดการเปรียบเทียบทางด้านนโยบายหรือไม่นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดี เพราะที่ผ่านมีการเปรียบเทียบว่านายกฯไปลอกนโยบายของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งหลังจากนี้ประชาชนจะได้มีข้อมูลมากขึ้น และรัฐบาลจะได้ทำงานด้วยความระมัดระวังขึ้น อย่างไรก็ตามรัฐบาลไม่ได้กังวล และจะไม่จัดตั้งหน่วยงานใดมาดูแลเป็นพิเศษ เพราะปกติก็ทำกันอยู่แล้วโดยประเด็นที่พูด ก็มีการบันทึกเป็นหลักฐานอยู่แล้ว ถ้าออกนอกกรอบก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ต้องอยู่ในความรับผิดชอบของสถานี
"ต้องยอมรับว่า ชื่อของพ.ต.ท.ทักษิณ ยังเป็นที่ยอมรับของคนอยู่มาก แต่ประชาชนส่วนใหญ่ที่อยากให้ประเทศสงบสุข และพร้อมให้โอกาสรัฐบาลบริหารประเทศ ก็มีมากเช่นกัน ดังนั้นรัฐบาลจะไม่หยิบยกประเด็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาสร้างความแตกแยก" รมต.ประจำสำนักนายกฯกล่าว
**เสื้อแดงภูธรแตกหักแก๊ง3เกลอ
นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ระบุว่า หากนายขวัญชัย ไม่มาร่วมในการชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 31 ม.ค. ก็ไม่ง้อว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้เห็นจากสื่อต่างๆ รวมทั้งทางดีทีวี ว่า ทั้งนายจตุพร และนายณัฐวุฒิ โจมตีตนอย่างหนัก แต่ตนไม่แคร์ เพราะวันนี้มีประชาชนเสื้อแดงในภาคอีสานโทรศัพท์ มาให้กำลังใจตนจำนวนมาก อีกทั้งตนก็ไม่ได้เป็นส.ส. จึงไม่จำเป็นต้องรักษาภาพเหมือนนายจตุพร
"ขอประกาศว่า ที่ผ่านมาผมตกเป็นเครื่องมือรับใช้นักการเมืองมาตลอด หลังจากนี้จะไม่ยอมอีกแล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงในอีสานก่อนหน้านี้ก็เคยชื่นชมกลุ่มของนายวีระ มุสิกพงศ์ แต่ในระยะหลังตั้งแต่จัดรายการทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ก็ไม่เคยพูดให้เครดิตกลุ่มเสื้อแดงในต่างจังหวัดเลย หลังจากนี้คงต้องแยกกันเดิน โดยผมจะทบทวนบทบาทในการเคลื่อนไหว และขอยืนยันว่า กลุ่มคนรักอุดร จะไม่ไปร่วมการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 31 ม.ค. อย่างแน่นอน แต่เร็วๆนี้ ในช่วงกลางเดือน ก.พ. ผมจะนัดเครือข่ายคนเสื้อแดงในภาคเหนือ ภาคกลาง และอีสาน ทั้ง30จังหวัด เช่นนครราชสีมา ขอนแก่น ชัยภูมิ ชลบุรี สมุทรปราการ และพิษณุโลก เป็นต้น เพื่อหารือกันถึงจุดยืนที่จะไม่ไปร่วมเคลื่อนไหว กับกลุ่มผู้จัดรายการความจริงวันนี้" นายขวัญชัยกล่าว
**เพื่อไทยตัวการสร้างความแตกแยก
พล.อ. สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท. ทักษิณ เตรียมโฟนอิน ผ่าน ดีทีวี เพื่อปลุกระดมพวกเสื้อแดง ว่า ต้องมอง 2 มุม คือ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนไทยคนหนึ่ง น่าจะทำได้ แต่อีกมุม พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในฐานะของผู้ต้องหาหลบหนีคดี ดังนั้น การออกมาพูดอะไรความน่าเชื่อถือคงไม่มี เพราะเขาอยู่ในฐานะที่ไม่มีเครดิต เราไม่น่าไปสนใจ
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่บริหารประเทศ มีเวลา 4-5 ปี ทำไมไม่ทำให้ดี แต่กลับไปทำให้มีปัญหา พอมีคนออกมาค้าน และมีคดีติดตัวแล้วมาทำเป็นเก่ง ส่วนเขาควรหยุดเคลื่อนไหวหรือไม่ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะหากเขาหยุดคงหยุดไปนานแล้ว
"เขาพยายามเคลื่อนไหวต่อเนื่อง แต่เห็นชัดว่า กลุ่มเสื้อแดงก็มีความแตกแยกกัน มีการด่าทอกัน พูดจาถึงขั้นมึงกู แสดงว่ามีความแตกแยก และการที่นาย ขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดร ซึ่งเป็นแกนนำมวลชนเสื้อแดงภาคอีสาน พูดว่าไปขอเงินพรรคเพื่อไทย ผ่านทางนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนพรรคเพื่อไทย แสดงให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยสนับสนุนให้ประชาชน มีการชุมนุม และสนับสนุนให้ประเทศเกิดความแตกแยก" พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาล ตั้งแกนนำพันธมิตรฯ เข้ามาทำงานในรัฐบาลเหมาะสมหรือไม่ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า แล้วแต่มุมมอง ทั้งนายประพันธ์ คุณมี และนายสำราญ รอดเพชร ก็เป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น อยู่ที่มุมมอง หากคนชอบก็ไม่เป็นไร แต่คนไม่ชอบก็มองว่าไม่ถูกต้อง แต่การที่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีการตั้งแกนนำ นปช. เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี โฆษกรัฐบาล ที่ปรึกษามากมาย แล้วมีความชอบธรรมหรือไม่
ทั้งนี้ ไม่ใช่ทีใครทีมัน แต่เมื่อเขาคิดว่า คนนี้มีความรู้ความสามารถก็เลือกมาทำงาน แต่รัฐบาลก็คงต้องรับผิดชอบ หากเกิดปัญหา หรือมีความไม่โปร่งใส
เมื่อถามถึงกระแสข่าวอดีต คมช. เตรียมตั้งพรรคการเมือง พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า คงไม่มี ขณะนี้ยังไม่เห็นมีใครเข้าไปเกี่ยวข้อง คิดว่า พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีตผบ.ทอ. และอดีตรักษาการประธาน คมช. คงไม่ใช่ แม้แต่พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. คงไม่น่าจะเล่นการเมือง แต่หากคิดเล่น ก็ไม่ผิด เพราะพล.อ.สนธิ ก็คือคนไทยคนหนึ่ง แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นคมช. ท่านใดที่คิดตั้งพรรคการเมือง
ทั้งนี้ สาเหตุที่จัดชุมนุมเพราะรัฐบาลไม่ใส่ใจสาระสำคัญ ไม่ตอบคำถามถึงความชอบธรรมในการบริหารประเทศ รัฐบาลยอมรับอำนาจนอกระบบเพียงเพื่อให้ตัวเองได้เป็นผู้บริหาร นอกจากนี้รัฐบาลยังไม่ใส่ใจ โดยตั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการยึดทำเนียบฯ และสนามบินมาเป็นรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรี รวมทั้งการโยกย้ายข้าราชการ และการเตรียมแต่งตั้งข้าราชการในครั้งต่อไป รัฐบาลก็ไม่คำนึงถึงสิ่งที่เคยประกาศไป ทั้งเรื่องความสมานฉันท์ และการขจัดความขัดแย้งในชาติ ซึ่งเป็นการสวนทางกับการทำงนของรัฐบาล อีกทั้งการดำเนินการเรื่อง สปก.4-01 รัฐบาลก็ไม่ได้ตระหนักถึงความเสียที่เกิดขึ้น รวมทั้งกรณี การแจกปลากระป๋องเน่า ให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม เรื่องนี้อยากให้มีการติดตามให้ดีๆ เพราะมันเป็นการทุจริต ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อย่างที่คาดไม่ถึงก็ได้
**ยื่นหนังสือสถานทูต9ประเทศ
ด้านนายจักรภพ กล่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงจะดำเนินการสองเรื่อง เร่งด่วน คือ
1. จะเดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูตทั้ง 9 ประเทศ เพื่อยื่นหนังสือ เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 ม.ค.เวลา 10.00 น. ที่สถานทูตพม่า และ 10.30 น. จะไปสถานทูตสิงคโปร์ ในวันจันทร์ที่ 26 ม.ค. เวลา 10.00 จะไปสถานทูตฟิลิปปินส์ และเวลา 11.00 น. จะไปสถานทูตอินโดนิเซีย ในวันอังคารที่ 27 ม.ค. 10.00 น.จะไปสถานทูตบรูไน และ 11.00 น.จะไปสถานทูตกัมพูชา วันพุธที่ 28 ม.ค. 10.00 น. จะไปสถานทูตเวียดนาม และ 11.00 น. จะไปสถานทูตมาเลเซีย วันพฤหัสที่ 29 ม.ค. 10.00 น. จะไปสถานทูตลาว เพื่อบอกว่า เราสนับสนุนการทำงานร่วมทั้งการจัดประชุมของกลุ่มประเทศอาเซียน แต่เราไม่ยอมรับรัฐบาลของตัวเอง และที่มีการถามว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้เสื่อมเสียต่อประเทศหรือไม่นั้น ขอบอกว่าเราสูญเสียตั้งแต่มีรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศแล้ว หากไม่มีการแก้ไขก็จะยิ่งทำให้เสื่อมเสียมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การไปยื่นหนังสือถึงสถานทูตต่างๆนั้น เราจะไม่เรียกร้องให้ทูตแต่ละประเทศตัดสินใจอะไร เพราะเคารพอธิปไตยของแต่ละประเทศ
2. เราจะดำเนินการเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายที่ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง เมื่อได้ผู้กระทำที่อยู่หน้าฉากแล้ว เราอาจจะลงลึกไปยังผู้ที่อยู่หลังฉากว่า ใครเป็นผู้สั่งการให้ยึดสนามบิน ทำให้ประเทศชาติเสียหายเป็นแสนล้าน
ทั้งนี้ ในการชุมนุมวันที่ 31 ม.ค. ตนจะเล่าถึงขั้นตอนเกี่ยวกับขบวนการก่อการร้าย และนัดแนะกัน ซึ่งในวันดังกล่าวจะเป็นรูปธรรมว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร
**"สมัคร" ถึงไทย 23.45น.
นายจักรภพ กล่าวด้วยว่า ในคืนวันที่ 21 ม.ค. เวลาประมาณ 23.45 น. นายสมัคร สุนทรเวช จะเดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อพักรักษาตัว ท่านฝากขอร้องว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อพักฟื้นร่างกาย ยังไม่พร้อมที่จะรับแขกจำนวนมาก และเมื่อเดินทางมาถึงแล้ว ก็จะเดินทางไปที่บ้านพักทันที
นายจักรภพ ยังกล่าวถึงการตั้งสถาบันคนเสื้อแดงว่า กำลังดำเนินการอยู่ โดยรูปแบบจะตั้งเป็นสำนักงานในแต่ละจังหวัด เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ไม่เกินวันที่ 1 ก.พ. โดยจะมีสมุดประจำตัวขนาดเล็กของคนเสื้อแดง คล้ายๆพาสปอร์ต ซึ่งจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับคนเสื้อแดง รวมทั้งวิธีการเคลื่อนไหว
** ยัน"แม้ว"โฟนอินหลังรายการ"มาร์ค"
ขณะที่นายจตุพร กล่าว ยืนยันว่า ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรี จัดรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ในเช้าวันอาทิตย์เสร็จสิ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะโฟนอินมายังสถานี ดีสเตชั่นทันที โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงเต็ม เริ่มตั้งแต่ 10.00 น. โดยพวกเราจะเป็นผู้ร่วมจัดรายการ และสนทนากับพ.ต.ท.ทักษิณ จะมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ในมุมมองของพ.ต.ท.ทักษิณ
**รัฐบาลไม่ห่วง"แม้ว"โฟนอิน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสื่อ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโพนอินเข้ามาในสถานีโทรทัศน์ ดีสเตชั่น (ดีทีวี) หลังรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ว่า เป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ถือว่าทำได้ และรัฐฐาลก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไร เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเข้ามาหลายครั้งแล้ว และมีการติดต่อคนที่ยังสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ มาโดยตลอด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ที่คนรู้จักกันจะคุยกัน
ส่วนจะทำให้เกิดการเปรียบเทียบทางด้านนโยบายหรือไม่นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดี เพราะที่ผ่านมีการเปรียบเทียบว่านายกฯไปลอกนโยบายของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งหลังจากนี้ประชาชนจะได้มีข้อมูลมากขึ้น และรัฐบาลจะได้ทำงานด้วยความระมัดระวังขึ้น อย่างไรก็ตามรัฐบาลไม่ได้กังวล และจะไม่จัดตั้งหน่วยงานใดมาดูแลเป็นพิเศษ เพราะปกติก็ทำกันอยู่แล้วโดยประเด็นที่พูด ก็มีการบันทึกเป็นหลักฐานอยู่แล้ว ถ้าออกนอกกรอบก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ต้องอยู่ในความรับผิดชอบของสถานี
"ต้องยอมรับว่า ชื่อของพ.ต.ท.ทักษิณ ยังเป็นที่ยอมรับของคนอยู่มาก แต่ประชาชนส่วนใหญ่ที่อยากให้ประเทศสงบสุข และพร้อมให้โอกาสรัฐบาลบริหารประเทศ ก็มีมากเช่นกัน ดังนั้นรัฐบาลจะไม่หยิบยกประเด็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาสร้างความแตกแยก" รมต.ประจำสำนักนายกฯกล่าว
**เสื้อแดงภูธรแตกหักแก๊ง3เกลอ
นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ระบุว่า หากนายขวัญชัย ไม่มาร่วมในการชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 31 ม.ค. ก็ไม่ง้อว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้เห็นจากสื่อต่างๆ รวมทั้งทางดีทีวี ว่า ทั้งนายจตุพร และนายณัฐวุฒิ โจมตีตนอย่างหนัก แต่ตนไม่แคร์ เพราะวันนี้มีประชาชนเสื้อแดงในภาคอีสานโทรศัพท์ มาให้กำลังใจตนจำนวนมาก อีกทั้งตนก็ไม่ได้เป็นส.ส. จึงไม่จำเป็นต้องรักษาภาพเหมือนนายจตุพร
"ขอประกาศว่า ที่ผ่านมาผมตกเป็นเครื่องมือรับใช้นักการเมืองมาตลอด หลังจากนี้จะไม่ยอมอีกแล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงในอีสานก่อนหน้านี้ก็เคยชื่นชมกลุ่มของนายวีระ มุสิกพงศ์ แต่ในระยะหลังตั้งแต่จัดรายการทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ก็ไม่เคยพูดให้เครดิตกลุ่มเสื้อแดงในต่างจังหวัดเลย หลังจากนี้คงต้องแยกกันเดิน โดยผมจะทบทวนบทบาทในการเคลื่อนไหว และขอยืนยันว่า กลุ่มคนรักอุดร จะไม่ไปร่วมการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 31 ม.ค. อย่างแน่นอน แต่เร็วๆนี้ ในช่วงกลางเดือน ก.พ. ผมจะนัดเครือข่ายคนเสื้อแดงในภาคเหนือ ภาคกลาง และอีสาน ทั้ง30จังหวัด เช่นนครราชสีมา ขอนแก่น ชัยภูมิ ชลบุรี สมุทรปราการ และพิษณุโลก เป็นต้น เพื่อหารือกันถึงจุดยืนที่จะไม่ไปร่วมเคลื่อนไหว กับกลุ่มผู้จัดรายการความจริงวันนี้" นายขวัญชัยกล่าว
**เพื่อไทยตัวการสร้างความแตกแยก
พล.อ. สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท. ทักษิณ เตรียมโฟนอิน ผ่าน ดีทีวี เพื่อปลุกระดมพวกเสื้อแดง ว่า ต้องมอง 2 มุม คือ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนไทยคนหนึ่ง น่าจะทำได้ แต่อีกมุม พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในฐานะของผู้ต้องหาหลบหนีคดี ดังนั้น การออกมาพูดอะไรความน่าเชื่อถือคงไม่มี เพราะเขาอยู่ในฐานะที่ไม่มีเครดิต เราไม่น่าไปสนใจ
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่บริหารประเทศ มีเวลา 4-5 ปี ทำไมไม่ทำให้ดี แต่กลับไปทำให้มีปัญหา พอมีคนออกมาค้าน และมีคดีติดตัวแล้วมาทำเป็นเก่ง ส่วนเขาควรหยุดเคลื่อนไหวหรือไม่ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะหากเขาหยุดคงหยุดไปนานแล้ว
"เขาพยายามเคลื่อนไหวต่อเนื่อง แต่เห็นชัดว่า กลุ่มเสื้อแดงก็มีความแตกแยกกัน มีการด่าทอกัน พูดจาถึงขั้นมึงกู แสดงว่ามีความแตกแยก และการที่นาย ขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดร ซึ่งเป็นแกนนำมวลชนเสื้อแดงภาคอีสาน พูดว่าไปขอเงินพรรคเพื่อไทย ผ่านทางนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนพรรคเพื่อไทย แสดงให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยสนับสนุนให้ประชาชน มีการชุมนุม และสนับสนุนให้ประเทศเกิดความแตกแยก" พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาล ตั้งแกนนำพันธมิตรฯ เข้ามาทำงานในรัฐบาลเหมาะสมหรือไม่ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า แล้วแต่มุมมอง ทั้งนายประพันธ์ คุณมี และนายสำราญ รอดเพชร ก็เป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น อยู่ที่มุมมอง หากคนชอบก็ไม่เป็นไร แต่คนไม่ชอบก็มองว่าไม่ถูกต้อง แต่การที่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีการตั้งแกนนำ นปช. เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี โฆษกรัฐบาล ที่ปรึกษามากมาย แล้วมีความชอบธรรมหรือไม่
ทั้งนี้ ไม่ใช่ทีใครทีมัน แต่เมื่อเขาคิดว่า คนนี้มีความรู้ความสามารถก็เลือกมาทำงาน แต่รัฐบาลก็คงต้องรับผิดชอบ หากเกิดปัญหา หรือมีความไม่โปร่งใส
เมื่อถามถึงกระแสข่าวอดีต คมช. เตรียมตั้งพรรคการเมือง พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า คงไม่มี ขณะนี้ยังไม่เห็นมีใครเข้าไปเกี่ยวข้อง คิดว่า พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีตผบ.ทอ. และอดีตรักษาการประธาน คมช. คงไม่ใช่ แม้แต่พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. คงไม่น่าจะเล่นการเมือง แต่หากคิดเล่น ก็ไม่ผิด เพราะพล.อ.สนธิ ก็คือคนไทยคนหนึ่ง แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นคมช. ท่านใดที่คิดตั้งพรรคการเมือง