“แก๊งเสื้อแดง” นัดชุมนุมใหญ่ 31 ม.ค.นี้ ปากกล้าท้าพิสูจน์แตกคอจริงหรือไม่ ซัด รบ.“อภิสิทธิ์” ทำความเสียหายใหญ่หลวง แถมยังเมินสมานฉันท์สร้างความขัดแย้งในชาติ ยันเดินหน้าฟ้อง ตปท.ถึงที่สุด รับ “แม้ว” โฟนอินทันที หลังนายกฯพูดในรายการจบ พร้อมผุดรายการ “ขอดเกล็ดอภิสิทธิ์” ซักฟอกนายกฯ ยัน กรณี “ทวี” กับ “สุนัย” เทียบกันไม่ได้ เหิมขู่ล้อมยุติธรรมหากย้าย อธ.ดีเอสไอ เย้ย รบ.จะพังเพราะปลากระป๋องเน่า
วันนี้ (21 ม.ค.) ที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ดีสเตชั่น แกนนำกลุ่ม นปช.นำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจักรภพ เพ็ญแข และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ร่วมกันแถลงข่าว โดย นายวีระ กล่าวว่า จากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่า คนเสื้อแดงแตกคอกันนั้น อย่าประเมินพวกตนแบบตกอกตกใจ เพราะปัญหาเนื้อในกันเองดังกล่าวนี้ถือเป็นปัญหาเล็กน้อย การจะแตกกันจริงหรือไม่ จะพิสูจน์กันได้ในวันชุมนุมใหญ่วันที่ 31 ม.ค.ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป และจะขอมติผู้ชุมนุมว่าจะปฏิบัติต่อไปอย่างไร เพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองต่อไปอย่างไร
ทั้งนี้ การจัดชุมนุมไม่ได้พิสูจน์ว่าเสื้อแดงแตกกันหรือไม่ แต่สาเหตุที่จัดชุมนุม เพราะรัฐบาลไม่ใส่ใจสารสำคัญ ไม่ตอบคำถามถึงความชอบธรรมในการบริหารประเทศ รัฐบาลยอมรับอำนาจนอกระบบเพียงเพื่อให้ตัวเองได้เป็นผู้บริหาร นอกจากนี้ รัฐบาลยังไม่ใส่ใจโดยตั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการยึดทำเนียบ และสนามบิน มาเป็นรัฐมนตรีและที่ปรึกษารัฐมนตรี นอกจากนี้การโยกย้ายข้าราชการ และการเตรียมแต่งตั้งข้าราชการในครั้งต่อไป รัฐบาลก็ไม่คำนึงถึงสิ่งที่เคยประกาศไป ทั้งเรื่องความสมานฉันท์ และการขจัดความขัดแย้งในชาติ ซึ่งเป็นการสวนทางกับการทำงนของรัฐบาลมาโดยตลอด
อีกทั้งการดำเนินการเรื่อง ส.ป.ก.4-01 รัฐบาลก็ไม่ได้ตระหนักถึงความเสียที่เกิดขึ้น รวมทั้งกรณีการแจกปลากระป๋องเน่า ให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม เรื่องนี้อยากให้มีการติดตามให้ดีๆ เพราะมันเป็นการทุจริต ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่คาดไม่ถึงก็ได้
ด้าน นายจักรภพ กล่าวว่า เราได้เห็นภาพพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ นายโอบามา ทำให้เราเกิดความเปรียบเทียบขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะขณะที่ประเทศที่เคารพประชาธิปไตยมากที่สุด แต่ของเรากลับเดินหน้ากับรัฐบาลที่มาแบบไม่ถูกต้อง และทำเหมือนกับว่าชาวโลกนั้นเขามองไม่เห็น ตรงนี้เป็นสิ่งที่มวลชนคนเสื้อแดงมีความกังวล
ส่วนที่มีการเล่นข่าวว่า ขอให้รัฐบาลทำงานไปก่อนนั้น ก็เสมือนปล่อยให้สิ่งที่ผิดยิ่งผิดหนักขึ้น และยิ่งถลำลึกเข้าไปในความไร้เกียรติยศของประเทศไทย ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ขอเรียนว่ากลุ่มเสื้อแดงจะดำเนินการสองเรื่องเร่งด่วน คือ 1.เราจะเดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูตทั้ง 9 ประเทศ เพื่อยื่นหนังสือ เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 ม.ค.เวลา 10.00 น.จะไปที่สถานทูตพม่า และเวลา 10.30 น.จะไปสถานทูตสิงคโปร์ ในวันจันทร์ที่ 26 ม.ค.เวลา 10.00 น.จะไปสถานทูตฟิลิปปินส์ และเวลา 11.00 น.จะไปสถานทูตอินโดนีเซีย ในวันอังคารที่ 27 ม.ค. 10.00 น.จะไปสถานทูตบรูไน และเวลา 11.00 น.จะไปสถานทูตกัมพูชา และวันพุธที่ 28 ม.ค. 10.00 น.จะไปสถานทูตเวียดนาม และ 11.00 น.จะไปสถานทูตมาเลเซีย และวันพฤหัสที่ 29 ม.ค.10.00 น.จะไปสถานทูตลาว
ซึ่งสารสำคัญที่เราเดินทางไปนั้น เราสนับสนุนการทำงานร่วม ทั้งการจัดประชุมของกลุ่มประเทศอาเซียน แต่เราไม่สนับสนุนรัฐบาลที่ขาดความชอบธรรมให้เป็นผู้แทนของคนไทยไปเจรจา หรือพูดง่ายๆ คือ เราไม่ยอมรับรัฐบาลของตัวเอง และที่มีการถามว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้เสื่อมเสียต่อประเทศหรือไม่นั้น ขอบอกว่า เราสูญเสียตั้งแต่มีรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศแล้ว หากไม่มีการแก้ไขก็จะยิ่งทำให้เสื่อมเสียมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การไปยื่นหนังสือถึงสถานทูตต่างๆ นั้น เราจะไม่เรียกร้องให้ทูตแต่ละประเทศตัดสินใจอะไร เพราะเคารพอธิปไตยของแต่ละประเทศ สำหรับคนที่จะเสี้ยมว่า กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนจะทำให้ประเทศเสียหายก็ได้โปรดทราบว่า มันเสียหายตั้งแต่มีรัฐบาลที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯแล้ว และสิ่งที่เราจะทำต่อไป คือ เพื่อการลดความเสียหายเพื่อจะเยียวยาความเสียภาพพจน์และเนื้อหาของความเป็นประเทศไทย”
นายจักรภพ กล่าวอีกว่า เราจะดำเนินการเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายที่ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง เราเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไม่ปล่อย และเชื่อว่า เมื่อได้ผู้กระทำที่อยู่หน้าฉากแล้ว เราอาจจะลงลึกไปยังผู้ที่อยู่หลังฉากว่าใครเป็นผู้สั่งการให้ยึดสนามบิน ทำให้ประเทศชาติเสียหายเป็นแสนล้าน เมื่อมีรัฐบาลของตัวเองแล้วแต่ก็เพิกเฉย ไม่มีการดำเนินการใดๆ ทีเชื่อได้ว่าจะดำเนินการไปถึงผู้กระทำผิดให้มารับการลงโทษ นอกจากนี้ ในการชุมนุมวันที่ 31 ม.ค.ตนจะเล่าถึงขั้นตอนเกี่ยวกับขบวนการก่อการร้าย และนัดแนะกันซึ่งในวันดังกล่าวจะเป็นรูปธรรมว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร
“การดำเนินการระหว่างประเทศบางครั้งมันอาจจะเร็วไม่ทันใจเรา แต่ลูกบอลมันวิ่งไปเรื่อย หลังจากที่เรานำเข้าลู่แล้ว ก็คือ การไปอยู่องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ เพราะฉะนั้นที่เหลือนั้น ก็คือ การที่ต้องเดินสาย ซึ่งการเดินสายนี้ก็อาจรวมถึงการตั้งคณะผู้แทนไปเจรจาในต่างประเทศด้วย เพื่อจะนำเสนอกรณีนี้ว่ามีทั้งหลักฐานเป็นภาพ เสียง พยานวัตถุ รูปธรรมอย่างไร เพื่อจะชี้ว่าการกระทำในช่วง 9 วันนั้น เป็นการก่อการร้ายและทำร้ายคนไทยทั้งประเทศ และจากนี้ไป เรื่องนี้ก็จะตามหลอกหลอนทั้งรัฐบาลชุดนี้และคนของพันธมิตรฯที่ไปขึ้นเวทีแล้วได้มาเป็นรัฐมนตรี เรื่องจะไม่มีวันสิ้นสุดจนกว่าจะรู้ความจริงว่ามีการเล่นกลหลอกประชาชนกันอย่างไร”
นายจักรภพ กล่าวด้วยว่า ในคืนวันที่ 21 ม.ค.เวลาประมาณ 23.45 น.นายสมัคร จะเดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อพักรักษาตัว ท่านฝากขอร้องว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อพักฟื้นร่างกาย ยังไม่พร้อมที่จะรับแขกจำนวนมาก และเมื่อเดินทางมาถึงแล้วก็จะเดินทางไปที่บ้านพักทันที
นายจักรภพ ยังกล่าวถึงการตั้งสถาบันคนเสื้อแดง ว่า กำลังดำเนินการอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย โดยรูปแบบจะตั้งเป็นสำนักงานในแต่ละจังหวัด เหมือนเป็นศูนย์ประสานงาน โดยความตั้งใจก็เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย ซึ่งคาดว่า จะเปิดตัวได้ไม่เกินวันที่ 1 ก.พ.โดยจะมีสมุดประจำตัวขนาดเล็กของคนเสื้อแดงคล้ายๆ พาสปอร์ต ซึ่งจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับคนเสื้อแดง รวมทั้งวิธีการเคลื่อนไหว
นายก่อแก้ว กล่าวว่า งบประชาสัมพันธ์จำนวน 570 ล้านบาท ที่รัฐบาลมอบหมายให้ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ไปเผยแพร่ให้ต่างประเทศเชื่อมั่นในประเทศไทยนั้น เชื่อว่า สูญเปล่า เพราะรัฐบาลแต่งตั้งผู้ก่อการร้ายมาทำประชาสัมพันธ์ให้กับประเทศ อย่าคิดว่า คนไทยทั้งประเทศกินหญ้า และคนทั่วโลกกินหญ้าไปด้วย สิ่งที่จะทำให้ความเชื่อมั่นกลับมา คือ ต้องปลด นายกษิต ออกจากตำแหน่ง
ขณะที่ นายจตุพร กล่าวว่า ยืนยันว่า ภายหลังจากที่นายกฯจัดรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ เสร็จสิ้น พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินมายังสถานีดีสเตชั่นทันที โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงเต็ม เริ่มตั้งแต่ 10.00 น.โดยพวกเราจะเป็นผู้ร่วมจัดรายการสนทนากับท่าน จะมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ในมุมมองของ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายจตุพร กล่าวต่อว่า วันนี้ เชื่อว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์จะให้วิธีการล้างบางข้าราชการ และจะดำเนินการไปยังกระทรวงอื่นๆ ด้วย โดยเป้าหมายของพรรคประชาธิปัตย์ คือ อธิบดี DSI เนื่องจากดีเอสไอได้เข้าไปตรวจสอบคนของพรรคประชาธิปัตย์ในหลายๆ คดี เช่น คดี ปรส.ในยุครัฐบาลนายชวน หลีกภัย มูลค่าความเสียหายกว่า 6.5 แสนล้าน คดีฮั้วประมูล 16 โครงการมูลค่า 2 หมื่นล้าน สมัย นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯ กทม.รวมไปถึงคดีรถและเรือดับเพลิง คดีของ บ.ทีพีไอ ที่โอนเงินไปให้บริษัทประชาสัมพันธ์ และโอนไปยังบุคคลในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทั้งหมดดีเอสไอ ได้เข้าไปตรวจสอบและเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น นอกจากนี้ การที่ตำรวจออกมาเคลื่อนไหวร่วมลงชื่อเรียกร้องให้ปลด ป.ป.ช.แต่คนของพรรคประชาธิปัตย์กลับออกมาตำหนิตำรวจที่ออกมาดำเนินการเรื่องดังกล่าว และยังพูดเข้าข้าง ป.ป.ช.ก็เป็นเพราะมีหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวประกันใน ป.ป.ช.หากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม โยกย้ายอธิบดีดีเอสไอ จริง เป้าหมายอีกอย่างหนึ่งของคนเสื้อแดง ก็คือ ไปกระทรวงยุติธรรมทันที
นายจตุพร กล่าวอีกว่า กรณี ส.ป.ก.4-01 นั้น ตนทราบมาว่า มีการโอนให้บริษัทหนึ่งได้รับที่ดินหลายแสนไร่ ซึ่งชื่อคนที่ถือครองเป็นพนักงานของบริษัท แม้พนักงานบางคนของบริษัทจะลาออกไปแล้ว ก็ยังมีชื่อถือครองอยู่ จะบอกใบ้ให้ว่าบริษัทนี้ดำเนินธุรกิจปลูกยูคาลิปตัสเพื่อไปผลิตกระดาษ สรุปคือ ส.ป.ก.ที่แจกนั้นก็ยังอยู่ในมือเศรษฐี เพียงแต่เอาชื่อราษฎรไปถือสิทธิ์ และที่บอกว่าจะจัดสรรที่ดินอีก 16 ล้านไร่นั้น ก็เป็นเท็จ เพราะเท่าที่ทราบนั้นขณะนี้เหลือพื้นที่เพียง 4 ล้านไร่เศษ และไม่ใช่ที่เปล่าๆ แต่มีราษฎรไปถือครองไว้หมดแล้ว และหากจะมีการซื้อที่ก็ต้องเอางบประมาณแผ่นดินไปซื้อที่คืน เพื่อจัดสรรที่ดินให้ประชาชนในรูปส.ป.ก.เพราะฉะนั้นการดำเนินการเรื่องนี้มันเหมือนปลากระป๋องชาวดอย รัฐบาลนี้มีสภาพเป็นรัฐบาลปลาเน่า เรื่องการแจกปลากระป๋องนั้นต่อไปเรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะแม้แต่การซื้อปลากระป๋องไปแจกราษฎรยังมีการทุจริต แล้วอย่างนี้เรื่องอื่นไว้ใจอะไรไม่ได้เลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลพรรคพลังประชาชน ก็เคยสั่งย้าย นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีดีเอสไอเหมือนกัน นายจตุพร กล่าวว่า นายสุนัย มาจาก คมช.ไม่ได้มาตามกระบวนการ แต่เข้ามาด้วยบารมีพิเศษ และสุดท้าย นายสุนัย ก็กลับไปที่นายสุนัยเคยทำงาน คือ ไปอยู่ที่ศาล แต่กรณีนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าการนำคนจากศาลมาทำหน้าที่มันได้เกิดความเสียหายอย่างไร มีการกระทบกระทั่งกันและคดีกลับไปที่ศาลนั้น ความน่าเชื่อถือมันก็หมดไปด้วย ฉะนั้น กรณีนี้จึงเปรียบเทียบกันไม่ได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กรณีการแจกปลากระป๋องยี่ห้อชาวดอยนั้น เรื่องนี้ทำท่าจะยาวเป็นมหากาพย์ เพราะฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะบุคคลในกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เข้าไปมีส่วนในการจัดซื้อ และที่สำคัญ มี ส.ส.หญิงคนหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างด้วย โดย ส.ส.คนดังกล่าวเป็น ส.ส.อีสาน คิดว่า นายวิฑูรย์ นามบุตร น่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เรื่องนี้รัฐบาลประชาธิปัตย์ ตั้งแต่นายชวน ที่เป็นเจ้าของจริยธรรมทางการเมือง รวมไปถึงบุคลลอื่นๆ ในพรรคน่าจะออกมาแสดงความชัดเจน และมีคำอธิบายต่อประชาชนมากกว่านี้ เรื่องนี้อาจจะเป็นคดีประวัติศาสตร์ทางการเมืองได้ ที่จะทำให้รัฐบาลประชาธิปัตย์ตกกระป๋องในเวลาอันสั้น
“ผมได้รวบรวมบันทึกคำปราศรัย คำให้สัมภาษณ์ของ นายอภิสิทธิ์ ที่เคยโจมตีรัฐบาลนายสมัคร นายสมชาย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ข้าราชการดำรงตำแหน่งทางการเมือง การอภิปรายปราสาทพระวิหาร การอภิปรายเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะการชุมนุม ซึ่งจะนำออกอากาศทางดีสเตชั่นในช่วงของรายการขอดเกล็ดอภิสิทธิ์ เพราะการที่จะตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ ก็ต้องเป็นนายอภิสิทธิ์ ที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านในอดีตจะตรวจสอบตัวเองดีที่สุด รายการนี้จะเป็นรายการกระชากเสื้อคลุมจริยธรรมออกจากตัวนายอภิสิทธ์ ให้เห็นว่า ใครก็ตามที่ประกาศตัวว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องต้องเป็นคนบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ไม่ใช่ตัวสะอาดด้วยการโยนให้คนอื่นสกปรก และในวันเสาร์-อาทิตย์ รายการแดงทั้งแผ่นดินจะนำคนเสื้อแดงในแต่ละจังหวัดมาเวียนกันออกอากาศด้วย” นายณัฐวุฒิ กล่าว