xs
xsm
sm
md
lg

“แดงหัวขวด” นัดม็อบใหญ่ 31 ม.ค.นี้-โวย"เด็กนาย"โดนล้างบาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จตุพร พรหมพันธุ์
เสื้อแดงสาย"แก๊งหัวขวด"นัดชุมนุมใหญ่สนามหลวง 31 ม.ค.นี้ อ้าง"มาร์ค1"ไม่ชอบธรรม ตั้งผู้เกี่ยวข้องยึดสนามบิน-ทำเนียบเป็นรัฐมนตรี แถมย้ายล้างบางเครือข่ายนายใหญ่ โวยล่วงหน้า เด้งอธิบดีดีเอสไอเพราะทำคดีที่ ปชป.มีเอี่ยว เริ่มเดินสายร้อง 9 สถานทูตป่วนประชุมอาเซียน 23 ม.ค.นี้

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 21 ม.ค. ที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ดีสเตชั่น แกนนำกลุ่ม นปช.นำโดยนาย วีระ มุสิกพงศ์ นาย จตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจักรภพ เพ็ญแข และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายวีระ กล่าวว่า จากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าคนเสื้อแดงแตกคอกันนั้น อย่าประเมินพวกตนแบบตกอกตกใจ เพราะปัญหาเนื้อในกันเองดังกล่าวนี้ถือเป็นปัญหาเล็กน้อย การจะแตกกันจริงหรือไม่จะพิสูจน์กันได้ในวันชุมนุมใหญ่วันที่ 31 ม.ค. ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป และจะขอมติผู้ชุมนุมว่าจะปฏิบัติต่อไปอย่างไร เพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองต่อไปอย่างไร

ทั้งนี้การจัดชุมนุมไม่ได้พิสูจน์ว่าเสื้อแดงแตกกันหรือไม่ แต่สาเหตุที่จัดชุมนุมเพราะรัฐบาลไม่ใส่ใจสาระสำคัญไม่ตอบคำถามถึงความชอบธรรมในการบริหารประเทศ รัฐบาลยอมรับอำนาจนอกระบบเพียงเพื่อให้ตัวเองได้เป็นผู้บริหาร

นอกจากนี้รัฐบาลยังไม่ใส่ใจโดยตั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการยึดทำเนียบฯ และสนามบินมาเป็นรัฐมนตรีและที่ปรึกษารัฐมนตรี นอกจากนี้การโยกย้ายข้าราชการ และการเตรียมแต่งตั้งข้าราชการในครั้งต่อไป รัฐบาลก็ไม่คำนึงถึงสิ่งที่เคยประกาศไป ทั้งเรื่องความสมานฉันท์ และการขจัดความขัดแย้งในชาติ ซึ่งเป็นการสวนทางกับการทำงนของรัฐบาลมาโดยตลอด อีกทั้งการดำเนินการเรื่อง สปก.4-01 รัฐบาลก็ไม่ได้ตระหนักถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น

รวมทั้งกรณีการแจกปลากระป๋องเน่าให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม เรื่องนี้อยากให้มีการติดตามให้ดีๆ เพราะมันเป็นการทุจริต ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่คาดไม่ถึงก็ได้

โร่ร้องสถานทูต 9 ประเทศอาเซียน

ด้านนายจักรภพ กล่าวว่า เราได้เห็นภาพพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของนายโอบาม่า ทำให้เราเกิดความเปรียบเทียบขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะขณะที่ประเทศที่เคารพประชาธิปไตยมากที่สุด แต่ของเรากลับเดินหน้ากับรัฐบาลที่มาแบบไม่ถูกต้อง และทำเหมือนกับว่าชาวโลกนั้นเขามองไม่เห็น ตรงนี้เป็นสิ่งที่มวลชนคนเสื้อแดงมีความกังวล

ส่วนที่มีการเล่นข่าวว่าขอให้รัฐบาลทำงานไปก่อนนั้น ก็เสมือนปล่อยให้สิ่งที่ผิดยิ่งผิดหนักขึ้น และยิ่งถลำลึกเข้าไปในความไร้เกียรติยศของประเทศไทย ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ขอเรียนว่ากลุ่มเสื้อแดงจะดำเนินการสองเรื่องเร่งด่วน คือ 1.เราจะเดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูตทั้ง 9 ประเทศเพื่อยื่นหนังสือ เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 ม.ค.เวลา 10.00 น. จะไปที่สถานทูตพม่า และ 10.30 น. จะไปสถานทูตสิงคโปร์ ในวันจันทร์ที่ 26 ม.ค. เวลา 10.00 จะไปสถานทูตฟิลิปปินส์ และเวลา 11.00 น. จะไปสถานทูตอินโดนิเซีย ในวันอังคารที่ 27 ม.ค. 10.00 น.จะไปสถานทูตบรูไน และ 11.00 น.จะไปสถานทูตกัมพูชา และวันพุธที่ 28 ม.ค. 10.00 น. จะไปสถานทูตเวียดนาม และ 11.00 น. จะไปสถานทูตมาเลเซีย และวันพฤหัสที่ 29 ม.ค. 10.00 น. จะไปสถานทูตลาว

ซึ่งสาระสำคัญที่เราเดินทางไปนั้น เราสนับสนุนการทำงานร่วมทั้งการจัดประชุมของกลุ่มประเทศอาเซียน แต่เราไม่สนับสนุนรัฐบาลที่ขาดความชอบธรรมให้เป็นผู้แทนของคนไทยไปเจรจา หรือพูดง่ายๆ คือ เราไม่ยอมรับรัฐบาลของตัวเอง และที่มีการถามว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้เสื่อมเสียต่อประเทศหรือไม่นั้น ขอบอกว่าเราสูญเสียตั้งแต่มีรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศแล้ว หากไม่มีการแก้ไขก็จะยิ่งทำให้เสื่อมเสียมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การไปยื่นหนังสือถึงสถานทูตต่างๆ นั้น เราจะไม่เรียกร้องให้ทูตแต่ละประเทศตัดสินใจอะไร เพราะเคารพอธิปไตยของแต่ละประเทศ

“สำหรับคนที่จะเสี้ยมว่า กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนจะทำให้ประเทศเสียหายก็ได้โปรดทราบว่า มันเสียหายตั้งแต่มีรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ แล้ว และสิ่งที่เราจะทำต่อไปคือเพื่อการลดความเสียหายเพื่อจะเยียวยาความเสียภาพพจน์และเนื้อหาของความเป็นประเทศไทย”

นายจักรภพ กล่าวอีกว่า เราจะดำเนินการเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายที่ยึดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง เราเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไม่ปล่อย และเชื่อว่าเมื่อได้ผู้กระทำที่อยู่หน้าฉากแล้ว เราอาจจะลงลึกไปยังผู้ที่อยู่หลังฉากว่าใครเป็นผู้สั่งการให้ยึดสนามบิน ทำให้ประเทศชาติเสียหายเป็นแสนล้าน เมื่อมีรัฐบาลของตัวเองแล้วแต่ก็เพิกเฉย ไม่มีการดำเนินการใดๆ ที่เชื่อได้ว่าจะดำเนินการไปถึงผู้กระทำผิดให้มารับการลงโทษ

นอกจากนี้ในการชุมนุมวันที่ 31 ม.ค. ตนจะเล่าถึงขั้นตอนเกี่ยวกับขบวนการก่อการร้าย และนัดแนะกันซึ่งในวันดังกล่าวจะเป็นรูปธรรมว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร

“การดำเนินการระหว่างประเทศบางครั้งมันอาจจะเร็วไม่ทันใจเรา แต่ลูกบอลมันวิ่งไปเรื่อย หลังจากที่เรานำเข้าลู่แล้วก็คือการไปอยู่องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ เพราะฉะนั้นที่เหลือนั้นก็คือการที่ต้องเดินสาย ซึ่งการเดินสายนี้ก็อาจรวมถึงการตั้งคณะผู้แทนไปเจรจาในต่างประเทศด้วย เพื่อจะนำเสนอกรณีนี้ว่ามีทั้งหลักฐานเป็นภาพ เสียง พยานวัตถุ รูปธรรมอย่างไร เพื่อจะชี้ว่าการกระทำในช่วง 9 วันนั้น เป็นการก่อการร้ายและทำร้ายคนไทยทั้งประเทศ และจากนี้ไป เรื่องนี้ก็จะตามหลอกหลอนทั้งรัฐบาลชุดนี้และคนของพันธมิตรฯ ที่ไปขึ้นเวทีแล้วได้มาเป็นรัฐมนตรี เรื่องจะไม่มีวันสิ้นสุดจนกว่าจะรู้ความจริงว่ามีการเล่นกลหลอกประชาชนกันอย่างไร “นายจักรภพ กล่าว

เผย “สมัคร” ถึงไทย 23.45 น.

นายจักรภพ กล่าวด้วยว่า ในคืนวันที่ 21 ม.ค. เวลา ประมาณ 23.45 น. นายสมัครจะเดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อพักรักษาตัว โดยนายสมัครฝากขอร้องว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อพักฟื้นร่างกาย ยังไม่พร้อมที่จะรับแขกจำนวนมาก และเมื่อเดินทางมาถึงแล้วก็จะเดินทางไปที่บ้านพักทันที

เปิด “สถาบันคนเสื้อแดง” 1 ก.พ.

นายจักรภพ ยังกล่าวถึงการตั้งสถาบันคนเสื้อแดงว่า กำลังดำเนินการอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย โดยรูปแบบจะตั้งเป็นสำนักงานในแต่ละจังหวัด เหมือนเป็นศูนย์ประสานงาน โดยความตั้งใจก็เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ไม่เกินวันที่ 1 ก.พ. โดยจะมีสมุดประจำตัวขนาดเล็กของคนเสื้อแดงคล้ายๆ พาสปอร์ต ซึ่งจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับคนเสื้อแดง รวมทั้งวิธีการเคลื่อนไหว
อ้างมอบ “กษิต”แก้ภาพลักษณ์ประเทศสูญเปล่า

นายก่อแก้ว กล่าวว่า งบประชาสัมพันธ์จำนวน 570 ล้านบาทที่รัฐบาลมอบหมายให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศไปเผยแพร่ให้ต่างประเทศเชื่อมั่นในประเทศไทยนั้น เชื่อว่าสูญเปล่า เพราะรัฐบาลแต่งตั้งผู้ก่อการร้ายมาทำประชาสัมพันธ์ให้กับประเทศ อย่าคิดว่าคนไทยทั้งประเทศกินหญ้าและคนทั่วโลกกินหญ้าไปด้วย สิ่งที่จะทำให้ความเชื่อมั่นกลับมาคือต้องปลดนายกษิตออกจากตำแหน่ง

โอ่ “พ่อแม้ว”โฟนอินแน่

ขณะที่นายจตุพร กล่าวว่า ยืนยันว่าภายหลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จัดรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ เสร็จสิ้น พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินมายังสถานีดีสเตชั่นทันที โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงเต็ม เริ่มตั้งแต่ 10.00 น. โดยพวกเราจะเป็นผู้ร่วมจัดรายการสนทนากับท่าน จะมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ในมุมมองของพ.ต.ท.ทักษิณ

ขู่ ย้าย “เด็กแม้ว”เสื้อแดงล้อมกระทรวงยุติธรรมทันที

นายจตุพร กล่าวต่อว่า วันนี้เชื่อว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์จะให้วิธีการล้างบางข้าราชการ และจะดำเนินการไปยังกระทรวงอื่นๆ ด้วย โดยเป้าหมายของพรรคประชาธิปัตย์ คืออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เนื่องจากดีเอสไอได้เข้าไปตรวจสอบคนของพรรคประชาธิปัตย์ในหลายๆ คดี เช่น คดี ปรส. ในยุครัฐบาลนายชวน หลีกภัย มูลค่าความเสียหาย กว่า 6.5 แสนล้าน คดีฮั้วประมูล 16 โครงการมูลค่า 2 หมื่นล้าน สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯ กทม. รวมไปถึงคดีรถและเรือดับเพลิง คดีของ บ.ทีพีไอที่โอนเงินไปให้บริษัทประชาสัมพันธ์ และโอนไปยังบุคคลในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทั้งหมดดีเอสไอ ได้เข้าไปตรวจสอบและเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น

นอกจากนี้การที่ตำรวจออกมาเคลื่อนไหวเพื่อถอดถอน ป.ป.ช. แต่คนของพรรคประชาธิปัตย์กลับออกมาตำหนิตำรวจที่ออกมาดำเนินการเรื่องดังกล่าว และยังพูดเข้าข้าง ป.ป.ช.ก็เป็นเพราะมีหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวประกันใน ป.ป.ช.

นายจตุพร กล่าวต่อว่า หากนายพีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม โยกย้ายอธิบดี ดีเอสไอ จริง เป้าหมายอีกอย่างหนึ่งของคนเสื้อแดงก็คือไปกระทรวงยุติธรรมทันที

นายจตุพร กล่าวอีกว่า กรณีสปก. 4-01 นั้น ตนทราบมาว่ามีการโอนให้บริษัทหนึ่งได้รับที่ดินหลายแสนไร่ ซึ่งชื่อคนที่ถือครองเป็นพนักงานของบริษัท แม้พนักงานบางคนของบริษัทจะลาออกไปแล้วก็ยังมีชื่อถือครองอยู่ จะบอกใบ้ให้ว่าบริษัทนี้ดำเนินธุรกิจปลูกยูคาลิปตัสเพื่อไปผลิตกระดาษ สรุปคือ สปก.ที่แจกนั้นก็ยังอยู่ในมือเศรษฐีเพียงแต่เอาชื่อราษฎรไปถือสิทธิ์ และที่บอกว่าจะจัดสรรที่ดินอีก 16 ล้านไร่นั้นก็เป็นเท็จ เพราะเท่าที่ทราบนั้นขณะนี้เหลือพื้นที่เพียง 4 ล้านไร่เศษ และไม่ใช่ที่เปล่าๆ แต่มีราษฎรไปถือครองไว้หมดแล้ว และหากจะมีการซื้อที่ก็ต้องเอางบประมาณแผ่นดินไปซื้อที่คืน เพื่อจัดสรรที่ดินให้ประชาชนในรูป สปก. เพราะฉะนั้นการดำเนินการเรื่องนี้มันเหมือนปลากระป๋องชาวดอย รัฐบาลนี้มีสภาพเป็นรัฐบาลปลาเน่า

เรื่องการแจกปลากระป๋องนั้นต่อไปเรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะแม้แต่การซื้อปลากระป๋องไปแจกราษฎรยังมีการทุจริต แล้วอย่างนี้เรื่องอื่นไว้ใจอะไรไม่ได้เลย

อ้างอย่าเทียบ“ทวี”กับ “สุนัย”

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลพรรคพลังประชาชนก็เคยสั่งย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีดีเอสไอเหมือนกัน นายจตุพร กล่าวว่า นายสุนัยมาจาก คมช.ไม่ได้มาตามกระบวนการ แต่เข้ามาด้วยบารมีพิเศษและสุดท้ายนายสุนัยก็กลับไปที่นายสุนัยเคยทำงานคือไปอยู่ที่ศาล แต่กรณีนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าการนำคนจากศาลมาทำหน้าที่มันได้เกิดความเสียหายอย่างไร มีการกระทบกระทั่งกันและคดีกลับไปที่ศาลนั้น ความน่าเชื่อถือมันก็หมดไปด้วย ฉะนั้นกรณีนี้จึงเปรียบเทียบกันไม่ได้

ดาวสภาโจ๊กปล่อยมุก “รัฐบาลพังเพราะปลากระป๋องเน่า”

ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กรณีการแจกปลากระป๋องยี่ห้อชาวดอยนั้น เรื่องนี้ทำท่าจะยาวเป็นมหากาพย์ เพราะฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะบุคคลในกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เข้าไปมีส่วนในการจัดซื้อและที่สำคัญมี ส.ส.หญิงคนหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างด้วย โดย ส.ส.คนดังกล่าวเป็น ส.ส.อีสาน คิดว่านายวิทูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมฯ น่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เรื่องนี้รัฐบาลประชาธิปัตย์ตั้งแต่นายชวน ที่เป็นเจ้าของจริยธรรมทางการเมือง รวมไปถึงบุคคลอื่นๆในพรรคน่าจะออกมาแสดงความชัดเจน และมีคำอธิบายต่อประชาชนมากกว่านี้ เรื่องนี้อาจจะเป็นคดีประวัติศาสตร์ทางการเมืองได้ ที่จะทำให้รัฐบาลประชาธิปัตย์ตกกระป๋องในเวลาอันสั้น

ผุดรายการ “ขอดเกล็ดอภิสิทธิ์”ซักฟอกนายกฯ

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ได้รวบรวมบันทึกคำปราศรัย คำให้สัมภาษณ์ของนายอภิสิทธิ์ ที่เคยโจมตีรัฐบาลนายสมัคร นายสมชาย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ข้าราชการดำรงตำแหน่งทางการเมือง การอภิปรายปราสาทพระวิหาร การอภิปรายเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะการชุมนุม ซึ่งจะนำออกอากาศทางดีสเตชั่นในช่วงของรายการขอดเกล็ดอภิสิทธิ์ เพราะการที่จะตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ก็ต้องเป็นนายอภิสิทธิ์ที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านในอดีตจะตรวจสอบตัวเองดีที่สุด รายการนี้จะเป็นรายการกระชากเสื้อคลุมจริยธรรมออกจากตัวนายอภิสิทธ์ให้เห็นว่าใครก็ตามที่ประกาศตัวว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องต้องเป็นคนบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ไม่ใช่ตัวสะอาดด้วยการโยนให้คนอื่นสกปรก และในวันเสาร์-อาทิตย์ รายการ “แดงทั้งแผ่นดิน”จะนำคนเสื้อแดงในแต่ละจังหวัดมาเวียนกันออกอากาศด้วย

โวยแหลกเด็กนายใหญ่โดนล้างบาง

ส่วนที่รัฐสภา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงถึงการโยกย้ายนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาไทย ไปปฏิบัติราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ถือว่าข้าราชการไม่ได้รับความเป็นธรรม รัฐบาลกำลังใช้อำนาจรังแกข้าราชการ ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ที่ห้ามรัฐมนตรีก้าวก่ายหรือแทรกแซงการทำงานของข้าราชการ ขอตั้งข้อสังเกตว่าการโยกย้ายข้าราชการครั้งนี้เกี่ยวข้องกับบุคคลที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคพลังประชาชนเดิม เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า มีการเตรียมการปลด พล.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และข้าราชการอีกหลายหน่วยงานอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น