ผู้สื่อข่าวรายงาน การทดลองออกอากาศเป็นครั้งแรกของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ดีทีวี เมื่อวานนี้(19ม.ค.) ว่า ในช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 06.00 น. - 12 .00 น. เป็นการนำเทปการวิพากษ์วิจารณ์ รายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ของนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ที่บันทึกเทปไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ม.ค. มาออกอากาศ รวมทั้งยังมีรายการอื่นๆ ที่ทางสถานีได้มีการบันทึกเทปไว้ล่วงหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายในสตูดิโอของสถานีโทรทัศน์ดีทีวี ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 5 ภายในห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล สาขาลาดพร้าว ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวีเดิม โดยในช่วงเช้า มีเพียงพนักงานและทีมงานของดีทีวีเข้าเตรียมความพร้อม และทดลองการบันทึกเทปตลอดจนทดลองสัญญานต่างๆภายในสตูดิโอเท่านั้น
สำหรับในช่วงบ่าย ผู้ก่อตั้ง และผู้จัดรายการของสถานนี ดีทีวี ได้ทยอยกันเดินทางมาถึงสตูดิโอ อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายชินวัตร หาบุญพาด ขณะที่ผู้สนใจ และแฟนคลับกลุ่มคนเสื้อแดง ก็มาให้กำลังใจ และจับจ่ายซื้อของที่ระลึกอาทิ หัวใจตบ ตีนตบ เสื้อสีแดง ซึ่งวางขายอยู่ด้านหน้าสตูดิโอ
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงกรณีที่สถานีโทรทัศน์ดีทีวี ถูกจับตาจากรัฐบาลว่า จากการที่ดีทีวี เริ่มออกอากาศตั้งแต่เวลา 06.00 น.โดยนำเทปบันทึกรายการที่จัดโดย ตน นายวีระ นายจตุพร และนายก่อแก้ว มาออกอากาศเป็นรายการแรก ซึ่งเป็นรายการวิพากษ์วิจารณ์ การทำงานของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อออกอากาศเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็มีปฏิกิริยาจากรัฐบาล และเจ้าหน้าที่สันติบาล ที่ต้องการจะตรวจสอบ ขอเรียนว่าเรายินดีที่จะให้มีการตรวจสอบทุกอย่าง แต่ฝ่ายรัฐต้องคำนึงถึงให้มากว่า การตรวจสอบนั้นต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ และเท่าเทียมกับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมทุกแห่ง โดยเฉพาะเอเอสทีวี
"ถ้ารัฐบาลใช้อำนาจไม่ชอบธรรม ทั้งการเร่งรัดเพื่อตรวจสอบการออกอากาศ หรือทำการปิดสถานี ขอให้รัฐบาลระมัดระวังตัว เพราะถ้าปิด ดีสเตชั่น เมื่อไร คนเสื้อแดง ก็อาจจะปิดทำเนียบรัฐบาลบ้างก็ได้ เราไม่ได้ขู่ ถ้าปิดเมื่อไร รัฐบาลก็จะเจอคนเสื้อแดงเร็วขึ้น และตอนนั้นจะรู้ว่า อายุของรัฐบาล หรือ ดีสเตชั่น ใครจะอยู่ได้นานกว่ากัน" นายณัฐวุฒิ กล่าว
** "ความจริงวันนี้"เล็งแฉรัฐบาล
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนของการออกอากาศรายการความจริงวันนี้ จะออกอากาศทุกวัน ตั้งแต่เวลา 21.30 - 22.30 น. โดยจะเจาะลึกข้อมูล ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ทั้งกรณี ที่ดิน สปก.4-01 สมัยนายชวน หลีกภัย การหนีทหารของนายอภิสิทธิ์ รวมถึง บริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง โอนเงินผ่านคนใกล้ชิดของพรรคการเมือง จำนวน 250 ล้านบาท ยืนยันว่า เนื้อหาที่ออกรายการทางสถานีดีสเตชั่นทั้งหมด จะไม่กระทบความเสียหาย แก่ สถาบันฯ การเมือง และเศรษฐกิจ แต่จะกระทบโดยตรงกับรัฐบาลชุดนี้ และการออกอากาศแบบเต็มรูปแบบในวันที่ 1 มี.ค.รับรองได้ว่า เนื้อหาเข้มข้นกว่าเดิมแน่
**ยันมีโฟนอิน"แม้ว" แน่
ส่วนการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า คงจะมี แต่ไม่ใช่พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนเดียว จะมีบุคคลที่จะเป็นใครก็ได้ ที่เกี่ยวข้อง และมีผลกระทบโดยตรง กับการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลชุดนี้มาพูดคุย รวมถึง บุคคลในบ้านเลขที่ 111 อาทิ นายจตุรนต์ ฉายแสง นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล รวมถึง นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ก็พร้อมที่จะมาจัดรายการด้วยเช่นกัน
**โวยกองทัพกดดัน"หมวดเจี๊ยบ"
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงกรณีที่กองทัพออกมาท้วงติง ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต หรือ "หมวดเจี๊ยบ" มาร่วมจัดรายการกับสถานีโทรทัศน์ ดีสเตชั่น ว่า การที่หมวดเจี๊ยบ ยังไม่ได้จัดรายการ การออกมาของกองทัพเช่นนี้ คล้ายๆกับว่า ทำการกดดันเขา อยากถามกลับว่า แล้วที พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.และ ผบ.เหล่าทัพ ออกมาเรียกร้องให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯให้ยุบสภา และลาออก ถือว่ามีความเหมาะสม และถูกระเบียบวินัยของทหารหรือไม่
**ขู่ไม่ปลด"กษิต"เจอม็อบ
ด้านนายชินวัตร หาบุญพาด แกนนำ นปช. กล่าวว่า วันนี้ (20 ม.ค. )เวลา 10.00 น. ตนจะไปยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ปลด นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่มีความชอบธรรม เป็นผู้ก่อการร้ายทำการยึดสนามบิน และหากนายอภิสิทธิ์ ยังไม่ปลด กลุ่ม นปช.จะนัดชุมนุมใหญ่ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดัน ซึ่งคาดว่า การชุมนุมใหญ่ที่ทำเนียบฯ จะเป็นช่วงก่อนการประชุมผู้นำสุดยอดอาเซียน 1 สัปดาห์ และในวันที่ 21 ม.ค. เวลา 10.00 น.ที่รัฐสภาต่อการประชุมสภาฯ ตนจะยื่นหนังสือต่อ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา เพื่อทวงถามนายชัย เพื่อให้หยิบยกร่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) ของนพ.แหวง โตจิราการ มาพิจารณาด้วย
**เลขาฯทบ.เรียกหมวดเจี๊ยบเข้าพบ
ด้าน พล.ต.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการกองทัพบก ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ ร.ท.หญิง สุณิสา เลศภัควัต หรือ"หมวดเจี๊ยบ" กล่าวถึงการเรียกตัวหมวดเจี๊ยบ เข้าพบเพื่อชี้แจงการเข้าร่วมดำเนินรายการกับ ดีทีวี ว่า เรื่องนี้จะชี้แจงให้สื่อมวลชนทราบภายหลัง โดยจะเรียก ร.ท.หญิงสุณิสา มาพบในวันนี้ (20 ม.ค.) พร้อมจะเชิญ ฝ่ายเสนาธิการของกรมกำลังพลทหารบก เพื่อดูตามกฎระเบียบข้อบังคับของกองทัพว่า การดำเนินรายการร่วมกับ ดีทีวี. สามารถดำเนินการได้ หรือเข้าข่ายผิดระเบียบของกองทัพ ก็ต้องดูกันต่อไป
**หมวดเจี๊ยบอ้างส่งเสริมปชต.
ด้านร.ท.หญิงสุณิสา เลศภัควัต นายทหารสังกัดสำนักงานเลขานุการกองทัพบก (สลก.ทบ.) เผยว่า ตนเองจะเข้าชี้แจงกับพล.ต.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการกองทัพบก ในวันนี้ เวลา 09.00 น. ในส่วนตนเองก็ไม่มีอะไรที่จะนำความจริงไปอธิบายต่อผู้บังคับบัญชาว่าสิ่งที่เราเข้าไปทำนั้น เป็นรายการส่งเสริมประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นรายการมุ่งหวังที่จะโจมตีรัฐบาลหรือ กองทัพ
"ก็คงเขียนรายงานเพื่อนำไปชี้แจง และอธิบายให้ผู้ใหญ่ได้เข้าใจในคอนเซปต์ของเนื้อหารายการ ทางผู้บังคับบัญชาก็ไม่ได้กำชับอะไรมายังตนเองมากมาย เพียงให้ไปพบในวันนี้ อยากวอนให้ผู้บังคับบัญชาได้เห็นใจเพราะ ในฐานะที่ได้เข้ามาเป็นทหาร ก็มีความรักองทัพไม่แพ้ทหารคนอื่น รวมทั้งยังภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ รวมทั้งครอบครัวก็ภูมิใจด้วย" ร.ท.หญิงสุณิสากล่าว
ทั้งนี้ การเข้าไปร่วมดำเนินรายการในดีทีวี ก็อยากจะเข้ามามีส่วนร่วมในการสอน หรือให้ความรู้ต่อประชาชน ในเรื่องประชาธิปไตย ไม่มีความคิดที่จะมุ่งหวัง หรือนำความลับกองทัพ หรือมาทำรายกองทัพ อยากเป็นเสี้ยวหนึ่งของสังคมที่นำความรู้มาถ่ายทอดให้คนได้รับรู้ และสิ่งที่ตั้งใจทำก็ถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งกองทัพ และสังคม ประชาชนด้วย หากตนเองไม่สามารถเข้าดำเนินรายการในการให้ความรู้ในเรื่องประชาธิปไตยกับสังคมได้ กำลังพลอีก 5 แสนคน ก็ต้องงง และกังขาในเรื่องนี้ว่า ขอบเขตของกองทัพในการให้กำลังพลแสดงออกต่อการเมืองมีมากน้อยแค่ไหน
**สรุปผลสอบ"หมวดเจี๊ยบ"ขาดราชการ
ด้านพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ทางสำนักงานเลขานุการกองทัพบกได้เรียก ร.ท.หญิงสุณิสา มาชี้แจงในวันนี้(20 ม.ค.) ซึ่งตาระเบียบกระทรวงกลาโหม เรื่องข้าราชการกลาโหม กับเรื่องการเมือง ปี 2499 ระบุว่า ข้าราชการกระทรวงกลาโหมไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลได้ จึงต้องพิจารณาว่า การดำเนินการดังกล่าวขัดต่อระเบียบหรือไม่ ส่วนการสอบวินัยกรณีขาดราชการ เนื่องจากเดินทางไปต่างประเทศนั้น ขณะนี้ผลสอบเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างขั้นตอนการเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นพิจารณาลงโทษ ซึ่งไม่หนักหนาอะไร
"ที่ผ่านมาน้องเจี๊ยบโทรศัพท์มาขออนุญาตท่านเลขานุการกองทัพบกไปจัดรายการนี้ ซึ่งท่านเลขาฯ ก็บอกว่าให้เอารายละเอียดมาว่าเป็นรายการแบบไหน แต่ก็ไปแถลงข่าวร่วมกับสถานีดังกล่าวก่อน ถ้ายังยืนยันที่จะทำ ก็ต้องตั้งเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาให้ถูกต้องตามระเบียบ แต่การเป็นข้าราชการกระทรวงกลาโหม จะไปวิจารณ์การทำงานรัฐบาลไม่ได้ ถ้าน้องยังอยากทำตามฝัน ก็ต้องลาออก กองทัพบกไม่คัดค้าน เพื่อน้องจะได้ตามฝัน และกองทัพบกไม่ต้องแบกภาระ ที่ผ่านมาที่คัดค้านเรื่องการลาออก เพราะต้องรอให้การสอบสวนเสร็จก่อน และน้องก็ขอยกเลิกใบลาออกเองด้วย" โฆษกกองทัพบก กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการนำกรณีดังกล่าวไปเทียบเคียงกับกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ออกรายการจี้ให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรียุบสภา ทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า การออกรายการดังกล่าว ไปตามคำเชิญของผู้จัดรายการ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ แต่ ผู้จัดรายการกลับสอบถามความเห็นเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ซึ่งผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้ความเห็นว่าถ้าเป็น "ผม" (พล.อ.อนุพงษ์)... และไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์อะไรต่อจากนั้น ส่วนการเสนอให้รัฐบาลนายสมชายยุบสภา เป็นการดำเนินการในฐานะของประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม (คตร.) ที่มีหน้าที่ในการเสนอข้อมูลให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา
ส่วนที่มีการนำไปเทียบเคียงกรณี พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ขณะที่ยังอยู่ในราชการนั้น โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า การดำเนินการกับ ร.ท.หญิงสุณิสา อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน เพียงแต่กรณีพล.อ.ปฐมพงษ์ ซึ่งเป็นนายทหารชั้นนายพล มีโทษการลงทัณฑ์เพียงการว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งระหว่างนั้น พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. ขณะนั้น ได้ดำเนินการว่ากล่าวตักเตือนตามที่ระเบียบกำหนดแล้ว และพล.อ.ปฐมพงษ์ ก็ยุติบทบาทนั้น และได้เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งเมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว ขณะที่บทลงโทษของกำลังพลทั่วไป จะมีหลายระดับ ตั้งแต่ ภาคทัณฑ์ กักขัง จำขัง และหากเป็นคดีอาญาที่ถึงที่สุดแล้วก็ต้องถูกปลดออกจากราชการและ ถอดยศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขานุการกองทัพบก จะรวบรวมข้อมูลในการเสนอคำร้องของ ร.ท.หญิงสุนิสา ในการขอลาออกจากกองทัพ หลังจากที่ได้มีการรับฟังผลการภาคฑัณฑ์เมื่อครั้งไม่ได้ลาราชการไปต่างประเทศ เสนอให้ พล.อ.อนุพงษ์ อนุมัติ ตามขั้นตอนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายในสตูดิโอของสถานีโทรทัศน์ดีทีวี ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 5 ภายในห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล สาขาลาดพร้าว ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวีเดิม โดยในช่วงเช้า มีเพียงพนักงานและทีมงานของดีทีวีเข้าเตรียมความพร้อม และทดลองการบันทึกเทปตลอดจนทดลองสัญญานต่างๆภายในสตูดิโอเท่านั้น
สำหรับในช่วงบ่าย ผู้ก่อตั้ง และผู้จัดรายการของสถานนี ดีทีวี ได้ทยอยกันเดินทางมาถึงสตูดิโอ อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายชินวัตร หาบุญพาด ขณะที่ผู้สนใจ และแฟนคลับกลุ่มคนเสื้อแดง ก็มาให้กำลังใจ และจับจ่ายซื้อของที่ระลึกอาทิ หัวใจตบ ตีนตบ เสื้อสีแดง ซึ่งวางขายอยู่ด้านหน้าสตูดิโอ
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงกรณีที่สถานีโทรทัศน์ดีทีวี ถูกจับตาจากรัฐบาลว่า จากการที่ดีทีวี เริ่มออกอากาศตั้งแต่เวลา 06.00 น.โดยนำเทปบันทึกรายการที่จัดโดย ตน นายวีระ นายจตุพร และนายก่อแก้ว มาออกอากาศเป็นรายการแรก ซึ่งเป็นรายการวิพากษ์วิจารณ์ การทำงานของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อออกอากาศเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็มีปฏิกิริยาจากรัฐบาล และเจ้าหน้าที่สันติบาล ที่ต้องการจะตรวจสอบ ขอเรียนว่าเรายินดีที่จะให้มีการตรวจสอบทุกอย่าง แต่ฝ่ายรัฐต้องคำนึงถึงให้มากว่า การตรวจสอบนั้นต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ และเท่าเทียมกับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมทุกแห่ง โดยเฉพาะเอเอสทีวี
"ถ้ารัฐบาลใช้อำนาจไม่ชอบธรรม ทั้งการเร่งรัดเพื่อตรวจสอบการออกอากาศ หรือทำการปิดสถานี ขอให้รัฐบาลระมัดระวังตัว เพราะถ้าปิด ดีสเตชั่น เมื่อไร คนเสื้อแดง ก็อาจจะปิดทำเนียบรัฐบาลบ้างก็ได้ เราไม่ได้ขู่ ถ้าปิดเมื่อไร รัฐบาลก็จะเจอคนเสื้อแดงเร็วขึ้น และตอนนั้นจะรู้ว่า อายุของรัฐบาล หรือ ดีสเตชั่น ใครจะอยู่ได้นานกว่ากัน" นายณัฐวุฒิ กล่าว
** "ความจริงวันนี้"เล็งแฉรัฐบาล
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนของการออกอากาศรายการความจริงวันนี้ จะออกอากาศทุกวัน ตั้งแต่เวลา 21.30 - 22.30 น. โดยจะเจาะลึกข้อมูล ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ทั้งกรณี ที่ดิน สปก.4-01 สมัยนายชวน หลีกภัย การหนีทหารของนายอภิสิทธิ์ รวมถึง บริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง โอนเงินผ่านคนใกล้ชิดของพรรคการเมือง จำนวน 250 ล้านบาท ยืนยันว่า เนื้อหาที่ออกรายการทางสถานีดีสเตชั่นทั้งหมด จะไม่กระทบความเสียหาย แก่ สถาบันฯ การเมือง และเศรษฐกิจ แต่จะกระทบโดยตรงกับรัฐบาลชุดนี้ และการออกอากาศแบบเต็มรูปแบบในวันที่ 1 มี.ค.รับรองได้ว่า เนื้อหาเข้มข้นกว่าเดิมแน่
**ยันมีโฟนอิน"แม้ว" แน่
ส่วนการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า คงจะมี แต่ไม่ใช่พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนเดียว จะมีบุคคลที่จะเป็นใครก็ได้ ที่เกี่ยวข้อง และมีผลกระทบโดยตรง กับการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลชุดนี้มาพูดคุย รวมถึง บุคคลในบ้านเลขที่ 111 อาทิ นายจตุรนต์ ฉายแสง นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล รวมถึง นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ก็พร้อมที่จะมาจัดรายการด้วยเช่นกัน
**โวยกองทัพกดดัน"หมวดเจี๊ยบ"
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงกรณีที่กองทัพออกมาท้วงติง ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต หรือ "หมวดเจี๊ยบ" มาร่วมจัดรายการกับสถานีโทรทัศน์ ดีสเตชั่น ว่า การที่หมวดเจี๊ยบ ยังไม่ได้จัดรายการ การออกมาของกองทัพเช่นนี้ คล้ายๆกับว่า ทำการกดดันเขา อยากถามกลับว่า แล้วที พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.และ ผบ.เหล่าทัพ ออกมาเรียกร้องให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯให้ยุบสภา และลาออก ถือว่ามีความเหมาะสม และถูกระเบียบวินัยของทหารหรือไม่
**ขู่ไม่ปลด"กษิต"เจอม็อบ
ด้านนายชินวัตร หาบุญพาด แกนนำ นปช. กล่าวว่า วันนี้ (20 ม.ค. )เวลา 10.00 น. ตนจะไปยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ปลด นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่มีความชอบธรรม เป็นผู้ก่อการร้ายทำการยึดสนามบิน และหากนายอภิสิทธิ์ ยังไม่ปลด กลุ่ม นปช.จะนัดชุมนุมใหญ่ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดัน ซึ่งคาดว่า การชุมนุมใหญ่ที่ทำเนียบฯ จะเป็นช่วงก่อนการประชุมผู้นำสุดยอดอาเซียน 1 สัปดาห์ และในวันที่ 21 ม.ค. เวลา 10.00 น.ที่รัฐสภาต่อการประชุมสภาฯ ตนจะยื่นหนังสือต่อ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา เพื่อทวงถามนายชัย เพื่อให้หยิบยกร่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) ของนพ.แหวง โตจิราการ มาพิจารณาด้วย
**เลขาฯทบ.เรียกหมวดเจี๊ยบเข้าพบ
ด้าน พล.ต.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการกองทัพบก ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ ร.ท.หญิง สุณิสา เลศภัควัต หรือ"หมวดเจี๊ยบ" กล่าวถึงการเรียกตัวหมวดเจี๊ยบ เข้าพบเพื่อชี้แจงการเข้าร่วมดำเนินรายการกับ ดีทีวี ว่า เรื่องนี้จะชี้แจงให้สื่อมวลชนทราบภายหลัง โดยจะเรียก ร.ท.หญิงสุณิสา มาพบในวันนี้ (20 ม.ค.) พร้อมจะเชิญ ฝ่ายเสนาธิการของกรมกำลังพลทหารบก เพื่อดูตามกฎระเบียบข้อบังคับของกองทัพว่า การดำเนินรายการร่วมกับ ดีทีวี. สามารถดำเนินการได้ หรือเข้าข่ายผิดระเบียบของกองทัพ ก็ต้องดูกันต่อไป
**หมวดเจี๊ยบอ้างส่งเสริมปชต.
ด้านร.ท.หญิงสุณิสา เลศภัควัต นายทหารสังกัดสำนักงานเลขานุการกองทัพบก (สลก.ทบ.) เผยว่า ตนเองจะเข้าชี้แจงกับพล.ต.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการกองทัพบก ในวันนี้ เวลา 09.00 น. ในส่วนตนเองก็ไม่มีอะไรที่จะนำความจริงไปอธิบายต่อผู้บังคับบัญชาว่าสิ่งที่เราเข้าไปทำนั้น เป็นรายการส่งเสริมประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นรายการมุ่งหวังที่จะโจมตีรัฐบาลหรือ กองทัพ
"ก็คงเขียนรายงานเพื่อนำไปชี้แจง และอธิบายให้ผู้ใหญ่ได้เข้าใจในคอนเซปต์ของเนื้อหารายการ ทางผู้บังคับบัญชาก็ไม่ได้กำชับอะไรมายังตนเองมากมาย เพียงให้ไปพบในวันนี้ อยากวอนให้ผู้บังคับบัญชาได้เห็นใจเพราะ ในฐานะที่ได้เข้ามาเป็นทหาร ก็มีความรักองทัพไม่แพ้ทหารคนอื่น รวมทั้งยังภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ รวมทั้งครอบครัวก็ภูมิใจด้วย" ร.ท.หญิงสุณิสากล่าว
ทั้งนี้ การเข้าไปร่วมดำเนินรายการในดีทีวี ก็อยากจะเข้ามามีส่วนร่วมในการสอน หรือให้ความรู้ต่อประชาชน ในเรื่องประชาธิปไตย ไม่มีความคิดที่จะมุ่งหวัง หรือนำความลับกองทัพ หรือมาทำรายกองทัพ อยากเป็นเสี้ยวหนึ่งของสังคมที่นำความรู้มาถ่ายทอดให้คนได้รับรู้ และสิ่งที่ตั้งใจทำก็ถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งกองทัพ และสังคม ประชาชนด้วย หากตนเองไม่สามารถเข้าดำเนินรายการในการให้ความรู้ในเรื่องประชาธิปไตยกับสังคมได้ กำลังพลอีก 5 แสนคน ก็ต้องงง และกังขาในเรื่องนี้ว่า ขอบเขตของกองทัพในการให้กำลังพลแสดงออกต่อการเมืองมีมากน้อยแค่ไหน
**สรุปผลสอบ"หมวดเจี๊ยบ"ขาดราชการ
ด้านพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ทางสำนักงานเลขานุการกองทัพบกได้เรียก ร.ท.หญิงสุณิสา มาชี้แจงในวันนี้(20 ม.ค.) ซึ่งตาระเบียบกระทรวงกลาโหม เรื่องข้าราชการกลาโหม กับเรื่องการเมือง ปี 2499 ระบุว่า ข้าราชการกระทรวงกลาโหมไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลได้ จึงต้องพิจารณาว่า การดำเนินการดังกล่าวขัดต่อระเบียบหรือไม่ ส่วนการสอบวินัยกรณีขาดราชการ เนื่องจากเดินทางไปต่างประเทศนั้น ขณะนี้ผลสอบเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างขั้นตอนการเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นพิจารณาลงโทษ ซึ่งไม่หนักหนาอะไร
"ที่ผ่านมาน้องเจี๊ยบโทรศัพท์มาขออนุญาตท่านเลขานุการกองทัพบกไปจัดรายการนี้ ซึ่งท่านเลขาฯ ก็บอกว่าให้เอารายละเอียดมาว่าเป็นรายการแบบไหน แต่ก็ไปแถลงข่าวร่วมกับสถานีดังกล่าวก่อน ถ้ายังยืนยันที่จะทำ ก็ต้องตั้งเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาให้ถูกต้องตามระเบียบ แต่การเป็นข้าราชการกระทรวงกลาโหม จะไปวิจารณ์การทำงานรัฐบาลไม่ได้ ถ้าน้องยังอยากทำตามฝัน ก็ต้องลาออก กองทัพบกไม่คัดค้าน เพื่อน้องจะได้ตามฝัน และกองทัพบกไม่ต้องแบกภาระ ที่ผ่านมาที่คัดค้านเรื่องการลาออก เพราะต้องรอให้การสอบสวนเสร็จก่อน และน้องก็ขอยกเลิกใบลาออกเองด้วย" โฆษกกองทัพบก กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการนำกรณีดังกล่าวไปเทียบเคียงกับกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ออกรายการจี้ให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรียุบสภา ทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า การออกรายการดังกล่าว ไปตามคำเชิญของผู้จัดรายการ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ แต่ ผู้จัดรายการกลับสอบถามความเห็นเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ซึ่งผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้ความเห็นว่าถ้าเป็น "ผม" (พล.อ.อนุพงษ์)... และไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์อะไรต่อจากนั้น ส่วนการเสนอให้รัฐบาลนายสมชายยุบสภา เป็นการดำเนินการในฐานะของประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม (คตร.) ที่มีหน้าที่ในการเสนอข้อมูลให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา
ส่วนที่มีการนำไปเทียบเคียงกรณี พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ขณะที่ยังอยู่ในราชการนั้น โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า การดำเนินการกับ ร.ท.หญิงสุณิสา อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน เพียงแต่กรณีพล.อ.ปฐมพงษ์ ซึ่งเป็นนายทหารชั้นนายพล มีโทษการลงทัณฑ์เพียงการว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งระหว่างนั้น พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. ขณะนั้น ได้ดำเนินการว่ากล่าวตักเตือนตามที่ระเบียบกำหนดแล้ว และพล.อ.ปฐมพงษ์ ก็ยุติบทบาทนั้น และได้เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งเมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว ขณะที่บทลงโทษของกำลังพลทั่วไป จะมีหลายระดับ ตั้งแต่ ภาคทัณฑ์ กักขัง จำขัง และหากเป็นคดีอาญาที่ถึงที่สุดแล้วก็ต้องถูกปลดออกจากราชการและ ถอดยศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขานุการกองทัพบก จะรวบรวมข้อมูลในการเสนอคำร้องของ ร.ท.หญิงสุนิสา ในการขอลาออกจากกองทัพ หลังจากที่ได้มีการรับฟังผลการภาคฑัณฑ์เมื่อครั้งไม่ได้ลาราชการไปต่างประเทศ เสนอให้ พล.อ.อนุพงษ์ อนุมัติ ตามขั้นตอนต่อไป
