อดีตแกนนำ นปก.ใช้ PTV เป็นกระบอกเสียงเหมือนเคย ป้ายสี “พันธมิตรฯ” กระทำการเหมือนกลุ่ม “โจรใต้” เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาดำเนินการทางกฎหมายโดยเคร่งครัด อย่างที่ให้สัมภาษณ์ไว้ เชื่อ หากไม่ทำตามที่กล่าวไว้ จะถูกผู้คนทั่วโลกหัวเราะเยาะ ว่า ไม่มีน้ำยา จัดการกับกลุ่มก่อความวุ่นวายไม่ได้
วันนี้ (26 ส.ค.) รายการเพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีภาคพิเศษ ออกอากาศทางโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี
เนื้อหาทั้งหมดในรายการ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันนี้โดยละเอียด โดยอ้างว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ได้กระทำการส่งคนที่มีอาวุธ และยาเสพติด เข้าไปข่มขู่ทำร้าย และสั่งการให้พนักงานในสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ยุติการออกอากาศสัญญาณโทรทัศน์ เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา แต่ก็ต้องชมเชยพนักงานเอ็นบีที ที่มีการเตรียมพร้อมอย่างดี ถึงแม้จะถูกปิดสถานีส่วนกลางแล้ว ก็สามารถพลิกแพลงสถานการณ์ โดยการย้ายไปดำเนินรายการที่อื่น แล้วยิงตรงสัญญาณผ่านดาวเทียมถ่ายทอดไปทั่วประเทศ ทำให้ประชาชนสามารถรับชมได้เหมือนเดิม
นายณัฐวุฒิ ยังอ้างด้วยว่า การกระทำการบุกยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ในช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น เป็นการกระทำคล้ายกับการดำเนินการของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะได้ทำการโพกผ้าอำพรางหน้าตา รวมไปถึงพกพาอาวุธ และยาเสพติด เหมือนกับผู้ก่อการร้ายในภาคใต้ไม่มีผิด ตนจึงคิดว่าการกระทำดังกล่าวน่าจะมีการเตรียมการมาอย่างดี โดยกลุ่มคนมืออาชีพ และน่าจะมีการสั่งการโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นอดีตทหาร น่าจะเป็นแกนนำในการกำหนด กลยุทธ์ และวางแผนจัดการเรื่องนี้
นายวีระ จึงกล่าวเสริมขึ้นว่า สาเหตุที่ พล.ต.จำลอง ขัดแย้งกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนต้องออกมาประท้วงอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ ก็เนื่องมาจากครั้งหนึ่งบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด เจ้าของสินค้าเบียร์ช้าง จะนำบริษัทของตนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ แต่ พล.ต.จำลอง ไม่เห็นด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการส่งเสริมให้มีการบริโภคเครื่องดื่มมึนเมามากเกินไป จึงไปขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ดำเนินการขัดขวาง แต่เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถทำการขัดขวางได้ เพราะรัฐบาลไม่มีอำนาจในการสกัดกั้น การประกอบธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย กรณีนี้เอง ที่ทำให้ พล.ต.จำลอง โกรธแค้นชิงชัง พ.ต.ท.ทักษิณ มาจนถึงปัจจุบัน
ดังนั้น เมื่อคน 2 คน คือ พล.ต.จำลอง และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ซึ่งโกรธแค้น พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนกันมารวมตัวกัน จึงเกิดขบวนการนำเรื่องส่วนตัวมาเป็นประเด็นเรียกร้องทางการเมือง โดยใช้สื่อที่ นายสนธิ มีอยู่ในมือ ปลุกระดมมวลชนขึ้นมา แล้วรวมกลุ่มกันภายใต้ชื่อ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ขึ้นมาขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ในที่สุด
ด้าน นายก่อแก้ว อ้างว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ในสมัยขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น กลุ่มพันธมิตรฯ ได้รับความร่วมมือและเงินสนับสนุนจัดหาคน จากบรรดานักธุรกิจที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย หรือพวกผู้มีอิทธิพล ผู้ค้ายาเสพติด ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล และยาเสพติด คนเหล่านี้จึงต้องการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกไปเสีย เพื่อที่ตัวเองจะได้กลับมาทำธุรกิจผิดกฎหมายของตัวเองได้เหมือนเดิม
นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการยังได้ร่วมกันกล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการขั้นเด็ดขาด กับกลุ่มพันธมิตรฯ ดังที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศไว้ต่อสื่อมวลชนทั้งสื่อมวลชนไทย และสื่อมวลชนต่างประเทศ ว่า หากกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ยอมยุติการชุมนุมภายใน 18.00 น.ของวันนี้ รัฐบาลจะดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่มผู้ชุมนุม
ผู้ดำเนินรายการอ้างว่า หากรัฐบาลไม่ยอมดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามที่ได้แถลงไว้ ประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทั่วโลก จะหัวเราะเยาะ ว่า รัฐบาลไทยไม่มีน้ำยา และจะหมดความเชื่อถือต่อรัฐบาลทันที
ทั้งนี้ พวกตนเชื่อว่า สิ่งที่ พันธมิตรฯ ทำในวันนี้ ทั้งการบุกเข้าไปยังสถานที่ราชการต่างๆ และพยายามทำให้เกิดความรุนแรงและวุ่นวายในสังคมขึ้นมาตลอด เป็นเหตุผลอันชอบธรรมพอแล้วที่จะดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มพันธมิตรฯ และหากไม่รีบดำเนินการอย่างจริงจัง ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ ก็จะโกรธเคือง และต่อว่ารัฐบาลว่า ไม่มีน้ำยา ไม่สามารถดูแลความสงบเรียบร้อยให้กับบ้านเมืองและประชาชนได้
ในช่วงท้ายรายการ นายวีระ และ นายจตุพร ได้กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า วันนี้พวกตนได้รับการยืนยันมาแล้ว ว่า จะไม่มีการปลดรายการ “ความจริงวันนี้” ออกจากผังรายการของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที
ทั้งนี้ ก็ต้องขอชมเชยนโยบายของผู้บริหาร เอ็นบีที ที่ยังยืนหยัดทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดี ในการเปิดโอกาสให้พวกตน ได้ดำเนินรายการเสนอข่าวสารที่เป็นความจริง เผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ
นอกจากนี้ เท่าที่พวกตนได้รับทราบมา พบว่า ผลการตอบรับของผู้ชมรายการความจริงวันนี้ ออกมาในทางที่ค่อนข้างดี โดยส่วนใหญ่มักกล่าวว่า ขอบคุณที่จัดรายการเสนอความจริงให้ประชาชนได้รู้ แต่ก็มีบางส่วนที่แสดงความเป็นห่วงมายังพวกตน ว่า ขอให้ระวังตัว เพราะบางครั้งการเปิดเผยเรื่องราวความจริง อาจทำให้ถูกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบไม่พอใจก็เป็นได้ ซึ่งพวกตนก็ต้องขอบคุณประชาชนด้วย ที่ติดตามรับชม และเป็นกำลังใจให้