xs
xsm
sm
md
lg

“เสื้อแดง” แหลอีกไม่ขวางประชุมซัมมิต เน้นตั้งเวทีคู่ขนาน “ภูมิธรรม” โผล่หัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เสื้อแดง” แถลงจี้ รบ.ปลด “กษิต” แลก งดประท้วง พร้อมเสนอแก้ รธน.ฉบับ คปพร.ทันที รวมทั้งดำเนินคดี พันธมิตรฯ ย้ำเดินหน้าใช้ “ยุทธศาสตร์ปาไข่” ต้าน รบ.ยันไม่ขัดขวางการประชุมซัมมิต เน้น ตั้งเวทีคู่ขนาน ยกเว้นที่หัวหิน หวั่นตกเป็นเครื่องมือ ปชป.ขณะเดียวกัน ยื่นฟ้องสถานทูต 9 ปท.อาเซียน ด้าน “ขวัญชัย” ยังแหลเหมือนเดิมเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ “เพื่อแม้ว” ขณะที่ “ภูมิธรรม” ทำตัวเป็นอีแอบโผล่ร่วมสังเกตการณ์


วันนี้ (12 ม.ค.) ที่โรงแรมมิโด กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดย นายขวัญชัย ไพรพนา นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นพ.เหวง โตจิราการ เป็นต้น พร้อมด้วยตัวแทน นปช.15 จังหวัดทั่วประเทศ อาทิ ลำปาง ลำพูน อุดรธานี อุบลราชธานี นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น จัดการประชุมสัมมนา เพื่อหารือถึงจุดยืนการเคลื่อนไหวของ นปช.โดยใช้ชื่อการสัมมนา ว่า “สถานการณ์ปัจจุบันกับภาระหน้าที่ของ นปช.” มีผู้เข้าร่วมการสัมมนาประมาณ 100 คน

ต่อมาเวลา 13.30 น.นายวิภูแถลง แถลงข่าวภายหลังการประชุม ว่า การประชุมในวันนี้เป็นการหารือสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ โดยที่ประชุมมีมติรณรงค์เคลื่อนไหวใน 3 เรื่อง คือ 1. รณรงค์เรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เพราะมองว่ารัฐธรรมนูญ คือ ต้นตอของปัญหาการเมือง โดยในวันที่ 21 ม.ค.ซึ่งเป็นวันเปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไป จะมีตัวแทน นปช.ขนาดเล็ก ไปรวมตัวยื่นหนังสือต่อ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ให้หยิบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่บรรจุอยู่ในวาระแล้ว มาพิจารณาทันที

2.ขอเรียกร้องรัฐบาลที่เป็นรัฐบาลนอมินีของอมาตยาธิปไตย ให้รีบดำเนินการกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กรณียึดทำเนียบ สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ หากไม่เร่งดำเนินการ นปช.จะชุมนุมเคลื่อนไหวเข้มข้นให้รัฐบาลรับผิดชอบ

3.วันนี้สังคมสับสนว่า นปช.จะไปขัดขวางคัดค้านการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27 ก.พ.-1 มี.ค.แต่ยืนยันว่า กลุ่ม นปช.ไม่ได้คัดค้านการประชุมอาเซียน แต่คัดค้านการที่รัฐบาลชุดนี้แต่งตั้ง นายกษิต ภิรมย์ มาเป็น รมว.ต่างประเทศ ดังนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และรัฐบาลต้องเร่งรับผิดชอบ โดยการปลด นายกษิต ก่อนที่จะมีการประชุมอาเซียน หรือไม่ นายกษิต พิจารณาลาออกเอง

นายวิภูแถลง กล่าวต่อว่า กลุ่ม นปช.ควรจะแบ่งภารกิจการเคลื่อนไหวเป็น 2 ส่วน คือ เฉพาะหน้า และระยะยาว เฉพาะหน้า คือ เราจะรณรงค์ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยการเคลื่อนไหวยืดเยื้อต่อเนื่อง ส่วนการเคลื่อนไหวระยะยาวจะต้องจัดระบบให้ความรู้กับประชาชน ส่วนในทางยุทธวิธี เห็นว่า ควรจะต้องมีการจัดตั้งเวทีชุมนุมถาวร ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ในแต่ละพื้นที่ของ จ.ต่างๆ ทั่วประเทศ ที่มีความพร้อม เพื่อสร้างเครือข่าย

เมื่อถามว่า กลุ่ม นปช.มีความเห็นอย่างไรต่อกรณี สตช.สั่งถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ นายวิภูแถลง กล่าวว่า ต้องถามว่า การถอดยศครั้งนี้เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ เพราะกรณีอดีตนายตำรวจ หรือทหาร ที่กระทำความผิดเช่น พล.ต.อ.ชลอ เกิดเทศ จอมพลถนอม และ จอมพลประภาส กิตติขจร ก็ไม่เคยถูกถอดยศ ซึ่งเห็นชัดว่ามีการเลือกปฏิบัติ

ส่วนการเคลื่อนไหวคัดค้านช่วงประชุมอาเซียน จะเดินทางไปยื่นหนังสือยังสถานทูต 9 ประเทศอาเซียน เพื่อชี้แจงถึงความไม่ชอบธรรมในการเข้ามาเป็นรัฐมนตรีของ นายกษิต และความไม่ถูกต้องของรัฐบาลชุดนี้ และจะจัดมวลชนย่อยไปถือป้ายต้อนรับผู้นำอาเซียนที่จะมาเข้าร่วมประชุมที่สนามบิน พร้อมกับการจัดชุมนุมใหญ่ เป็นเวทีคู่ขนานกับการประชุมอาเซียน

เมื่อถามว่า การจัดเวทีคู่ขนานจะไปจัดที่หัวหินหรือไม่ นายสมยศ กล่าวว่า ในจังหวัดอื่นเราจะไปจัดเวทีคู่ขนาน แต่เรารู้ว่าประชาธิปัตย์ต้องการสื่อนัยยะอะไร และเราจะไม่เป็นเครื่องมือให้ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสถาบัน เพราะเสื้อแดงทุกคนมีความจงรักภักดี

นายสมยศ กล่าวว่า ส่วนกรณีปาไข่ ถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ประชาชนจะออกมาต่อสู้แสดงจุดยืนต่อรัฐบาล และเป็นการต่อสู้โดยสันติวิธี ตรงข้ามกับกลุ่ม พันธมิตรฯที่ใช้อาวุธ จนเกิดความรุนแรง

นายขวัญชัย กล่าวว่า ยืนยันว่า การเคลื่อนไหวของ นปช.ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองหรือพรรคเพื่อไทย เพราะการเคลื่อนไหวหลังจากนี้มีหลักการว่าจะไม่พึ่งพานักการเมือง ดังนั้นกรณีที่สื่อมวลชนไปลงข่าวว่าได้รับการประสานจากทีมงาน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นไม่ใช่ แต่ตนเองระบุว่า จะประสานกับทีมงานใน กทม.เพื่อประสานกับทีมงานในภาคต่างๆ

“ยืนยันว่า หลังจากนี้ นปช.จะสู้ในฐานะประชาชนมากกว่าภาคการเมือง ผมมีกองทุนที่ประชาชนสมาชิกชมรมคนรักอุดรบริจาคให้ 3.2 แสนบาท ซึ่งฝากไว้ในบัญชีตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.และจะหยิบเงินจำนวนนี้มาใช้ในการเคลื่อนไหว” นายขวัญชัย กล่าว

นายขวัญชัย กล่าวต่อว่า ระยะนี้ไม่ได้รับการติดต่อจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เลย เพราะตนอยากให้พ.ต.ท.ทักษิณ ห่างออกไปจากการเคลื่อนไหวของ นปช.จึงไม่อยากชูธงปกป้อง พ.ต.ท. ทักษิณ เหมือนที่ผ่านมา เพราะจะทำให้ขาดมวลชนที่อยู่ตรงกลางมาเป็นแนวร่วม จึงเห็นว่าควรจะหันมาชูเป้าหมายรักษาประชาธิปไตยดีกว่า

นายจรัล กล่าวว่า พอก้าวพ้นยุคทักษิณ ต้องกล่าวว่า มวลชนเสื้อแดงเป็นมวลชนขนาดใหญ่กว่าหลัง 14 ต.ค.และไม่มีการชี้นำทางการเมืองแน่นอน ทั้งนี้ ขอฝากถึง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่ให้สัมภาษณ์ว่าจะปิดวิทยุชุมชน ขอยึดมาตรฐานเดียวกัน ต้องปิดวิทยุชุมชนในเครือผู้จัดการด้วย

เมื่อถามว่า ได้มีการสำรวจหรือไม่ว่ากลุ่มเสื้อแดงมีกี่กลุ่ม นายวิภูแถลง กล่าวว่า ในส่วน นปช.มีกลุ่มเดียว กลุ่มอื่นเป็นองค์กรแนวร่วม ขณะที่ นายขวัญชัย กล่าวว่า วันนี้มีมา 15 จ.และหาก 4 จ.ใหญ่ในภาคอีสานคือ นครราชสีมา อุดรธานี อุบลราชธานี และขอนแก่น ผนึกกำลังกันก็จะเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งมากขึ้น

เมื่อถามว่า จะมีการผนึกกำลังกับกลุ่มรายการความจริงวันนี้ของ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ด้วยหรือไม่ ซึ่งกำลังจะจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมดีทีวี นพ.เหวง กล่าวว่า ยอมรับว่า กลุ่มของ นายวีระ เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะเมื่อมีการตั้งดีทีวีก็จะถือเป็นช่องทางสื่อสารที่สำคัญ ซึ่งเราเห็นว่า ก็จะต้องช่วยกันเต็มแรง เพราะบ้านเมืองกำลังถูกระบอบอมาตยาธิปไตยครอบงำ ซึ่งการต่อสู้ระบอบอมาตยาธิปไตยกับประชาธิปไตยยังไม่สิ้นสุด

เมื่อถามว่า เป็นการวางยุทธศาสตร์แยกกันเดินร่วมกันตีหรือไม่ นายสมยศ กล่าวว่า กลุ่ม นปช.และกลุ่มความจริงวันนี้เป็นกลุ่มเดียวกัน อาจะมีการเคลื่อนไหวต่างกัน แต่มีเป้าหมายเหมือนกัน คือ การสร้างสรรค์ประชาธิปไตยและต่อต้านเผด็จการ ซึ่งตนมองว่าหลังจากนี้จะให้เวลารัฐบาล 1 เดือน เพื่อปลด นายกษิต ออกจาก รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปได้ว่าหากปลดนายกษิต ออก เราก็จะไม่มีการเคลื่อนไหวในช่วงการประชุมอาเซียน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว มีการให้ทางตัวแทนสมาชิกจังหวัดต่างๆ สาธิตวิธีการปาไข่ โดยนำรูป นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ แปะบอร์ดไว้เป็นเป้า

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การแถลงข่าววันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แอบมาร่วมสังเกตการณ์ที่โรงแรมมิโดด้วย แต่ไม่ได้มาปรากฏตัวในห้องแถลงข่าว






กำลังโหลดความคิดเห็น