เมื่อเวลา13.00 น. วานนี้ (7ม.ค.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ส.ส.สมาชิกพรรคเพื่อไทย อาทิ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ส.ส.สัดส่วน และนายประเกียรติ นาสิมมา ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงถึงการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อถอดถอนนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกจากตำแหน่ง
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า กรณีที่นายชัย ซึ่งทำหน้าที่ประธานรัฐสภา จัดให้มีการประชุมเพื่อแถลงนโยบายของรัฐบาล แต่กลับสมคบกันย้ายสถานที่ประชุมไปใช้กระทรวงการต่างประเทศแทนนั้น เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย ส.ส.และส.ว.บางคนไม่ทราบนัด และไม่ทราบการเปลี่ยนสถานที่ประชุม รวมทั้งบางคนทราบแล้ว แต่ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ ทำให้เกิดความเสียหาย
คณะที่ปรึกษากฎหมายของพรรคเพื่อไทย จึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา สมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นผู้ยื่นคำร้องต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ตามมาตรา 275 วรรค 4 โดยแต่งตั้งนายคารม พลทะกลาง เป็นทนายความผู้รับผิดชอบคดี ในการยื่นคำร้อง ขอให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณาแต่งตั้งผู้ไต่สวนอิสระ หรือส่งเรื่องให้ป.ป.ช. ทำการไต่สวน แล้วส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และส่งเรื่องให้วุฒิสภาทำการถอดถอนออกจากตำแหน่ง เพราะการกระทำของนายชัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้รับการสนับสนุนจาก นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริต เพื่อให้นายอภิสิทธิ์ ได้แถลงนโยบายลับหลังรัฐสภาโดยพรรคเพื่อไทย จะเข้ายื่นคำร้องต่อศาลฎีกาในวันเดียวกันนี้ พร้อมกับแนบวีซีดีบันทึกคำสัมภาษณ์ของนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร ที่ระบุว่า การย้ายสถานที่ประชุมรัฐสภา เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วย
**ขู่ขรก.จะโดนหางเลข
นายประเกียรติ กล่าวว่าหลังจากที่ยื่นหนังสือต่อศาลฎีกาแล้ว จะทำหนังสือถึงสหภาพรัฐสภาโลก(ไอพียู) ต่อไป เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจว่า ประเทศไทยยังปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากเกรงว่าหลังมีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ต่างชาติอาจจะเข้าใจผิดว่าระบอบการปกครองของเราผิดเพี้ยนไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อการแถลงนโยบายมิชอบก็จะต้องมีการพิจารณาต่อไปว่า ส่วนราชการที่รับนโยบายไปปฎิบัติ จะมีความผิดหรือไม่ ซึ่งระหว่างนี้ก็เป็นดุลยพินิจแต่ละคนว่าจะรับนโยบายไปปฎิบัติหรือไม่ แต่หากท้ายที่สุดมีข้อยุติว่า เป็นการแถลงนโยบายที่ไม่ชอบ ข้าราชการที่นำนโยบายไปปฎิบัติ ก็ต้องรับผิดด้วย
**อ้างเสื้อแดงชุมนุมมีกม.รองรับ
สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้พรรคฝ่ายค้านร่วมเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนนั้น นายประเกียรติ กล่าวว่า การจัดการประชุมเป็นหน้าที่ของรัฐบาลโดยตรง ฝ่ายค้านไม่มีปฎิกริยาอะไร แต่อาจจะมีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับที่มาของรัฐบาลชุดนี้โต้แย้งการจัดประชุมดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่กระทำได้ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ให้ความคุ้มครองเอาไว้
ทั้งนี้ การเข้าประชุมสภา ถือเป็นหน้าที่ของส.ส.ทุกคนอยู่แล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นที่รัฐบาลจะต้องมาขอความร่วมมือในเรื่องนี้
**ยันหนุนประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน
ขณะที่นายวิชาญ กล่าวว่า ประเด็นนี้ถ้าโยงกลับไปช่วงที่เราเป็นรัฐบาล มีความประสงค์ที่จะประชุมอาเซียน และพยายามที่จะจัดประชุมมาทั้ง 2 รัฐบาล ดังนั้นพรรคเพื่อไทย จะให้ความสนับสนุนการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เพราะเป็นเรื่องของประเทศชาติ แต่ต้องแยกคนละส่วนกับความชอบธรรมที่มาที่ไปของรัฐบาลกับการแถลงนโยบายของรัฐบาล ที่เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม สำหรับการประชุมสภาเพื่อพิจารณากรอบการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนนั้น พรรคเพื่อไทยได้มอบเอกสิทธิ์ในการเข้าร่วมประชุมให้กับ ส.ส.ของพรรค
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า กรณีที่นายชัย ซึ่งทำหน้าที่ประธานรัฐสภา จัดให้มีการประชุมเพื่อแถลงนโยบายของรัฐบาล แต่กลับสมคบกันย้ายสถานที่ประชุมไปใช้กระทรวงการต่างประเทศแทนนั้น เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย ส.ส.และส.ว.บางคนไม่ทราบนัด และไม่ทราบการเปลี่ยนสถานที่ประชุม รวมทั้งบางคนทราบแล้ว แต่ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ ทำให้เกิดความเสียหาย
คณะที่ปรึกษากฎหมายของพรรคเพื่อไทย จึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา สมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นผู้ยื่นคำร้องต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ตามมาตรา 275 วรรค 4 โดยแต่งตั้งนายคารม พลทะกลาง เป็นทนายความผู้รับผิดชอบคดี ในการยื่นคำร้อง ขอให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณาแต่งตั้งผู้ไต่สวนอิสระ หรือส่งเรื่องให้ป.ป.ช. ทำการไต่สวน แล้วส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และส่งเรื่องให้วุฒิสภาทำการถอดถอนออกจากตำแหน่ง เพราะการกระทำของนายชัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้รับการสนับสนุนจาก นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริต เพื่อให้นายอภิสิทธิ์ ได้แถลงนโยบายลับหลังรัฐสภาโดยพรรคเพื่อไทย จะเข้ายื่นคำร้องต่อศาลฎีกาในวันเดียวกันนี้ พร้อมกับแนบวีซีดีบันทึกคำสัมภาษณ์ของนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร ที่ระบุว่า การย้ายสถานที่ประชุมรัฐสภา เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วย
**ขู่ขรก.จะโดนหางเลข
นายประเกียรติ กล่าวว่าหลังจากที่ยื่นหนังสือต่อศาลฎีกาแล้ว จะทำหนังสือถึงสหภาพรัฐสภาโลก(ไอพียู) ต่อไป เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจว่า ประเทศไทยยังปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากเกรงว่าหลังมีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ต่างชาติอาจจะเข้าใจผิดว่าระบอบการปกครองของเราผิดเพี้ยนไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อการแถลงนโยบายมิชอบก็จะต้องมีการพิจารณาต่อไปว่า ส่วนราชการที่รับนโยบายไปปฎิบัติ จะมีความผิดหรือไม่ ซึ่งระหว่างนี้ก็เป็นดุลยพินิจแต่ละคนว่าจะรับนโยบายไปปฎิบัติหรือไม่ แต่หากท้ายที่สุดมีข้อยุติว่า เป็นการแถลงนโยบายที่ไม่ชอบ ข้าราชการที่นำนโยบายไปปฎิบัติ ก็ต้องรับผิดด้วย
**อ้างเสื้อแดงชุมนุมมีกม.รองรับ
สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้พรรคฝ่ายค้านร่วมเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนนั้น นายประเกียรติ กล่าวว่า การจัดการประชุมเป็นหน้าที่ของรัฐบาลโดยตรง ฝ่ายค้านไม่มีปฎิกริยาอะไร แต่อาจจะมีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับที่มาของรัฐบาลชุดนี้โต้แย้งการจัดประชุมดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่กระทำได้ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ให้ความคุ้มครองเอาไว้
ทั้งนี้ การเข้าประชุมสภา ถือเป็นหน้าที่ของส.ส.ทุกคนอยู่แล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นที่รัฐบาลจะต้องมาขอความร่วมมือในเรื่องนี้
**ยันหนุนประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน
ขณะที่นายวิชาญ กล่าวว่า ประเด็นนี้ถ้าโยงกลับไปช่วงที่เราเป็นรัฐบาล มีความประสงค์ที่จะประชุมอาเซียน และพยายามที่จะจัดประชุมมาทั้ง 2 รัฐบาล ดังนั้นพรรคเพื่อไทย จะให้ความสนับสนุนการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เพราะเป็นเรื่องของประเทศชาติ แต่ต้องแยกคนละส่วนกับความชอบธรรมที่มาที่ไปของรัฐบาลกับการแถลงนโยบายของรัฐบาล ที่เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม สำหรับการประชุมสภาเพื่อพิจารณากรอบการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนนั้น พรรคเพื่อไทยได้มอบเอกสิทธิ์ในการเข้าร่วมประชุมให้กับ ส.ส.ของพรรค