ASTVผู้จัดการรายวัน - "ครม.มาร์ค"ปฏิบัตการล้างอำนาจเก่า เด้ง"พีรพล" ปลัดมหาดไทยไปช่วยราชการที่ทำเนียบฯ ตั้ง"วิชัย ศรีขวัญ" นั่งแทน "สุเทพ" ยอมรับเป็นคนเสนอเอง เพื่อให้มาช่วยดูแลงานด้านความมั่นคง ไม่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว "พีรพล" โวยถูกการเมืองรังแก ยันอุทธรณ์คำสั่ง เตรียมฟ้องศาลปกครองให้เป็นคดีตัวอย่าง ขณะที่ "วิชัย" ยอมรับสนิทกับ"สุเทพ" ประกาศเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ "มาร์ค"เล็ง 2 มือปราบ "อัศวิน-ธานี" รวมทีมพิเศษสางคดีสำคัญ อุ้มทนายสมชาย- ชิปปิ้งหมู
นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) ว่า ครม.ได้อนุมัติตามที่ กระทรวงมหาดไทย เสนอให้แต่งตั้ง นายวิชัย ศรีขวัญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ซึ่งเรื่องนี้ กระทรวงมหาดไทยได้เสนอเป็นเป็นวาระจร เรื่องสุดท้ายในที่ประชุมครม. โดยที่ประชุมครม.ไม่มีใครคัดค้าน และให้นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป
การโยกย้ายครั้งนี้ เป็นไปตามข้อเสนอของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี แต่ลงนามโดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย โดยให้เหตุผลเพื่อประโยชน์ของทางราชการ
สำหรับนายวิชัย เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง ในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และถูกย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในสมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
นอกจากนี้ ครม. ยังมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอให้แต่งตั้งข้าราชการเมือง จำนวน 4 ราย ดังนี้ 1.นายชำนิ บูชาสุข เป็นที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย 2. นางคมคาย อุดรพิมพ์ เป็นที่ปรึกษารมช.มหาดไทย (นายบุญจง วงษ์ไตรรัตน์) 3.นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ เป็นเลขานุการรมว.มหาดไทย 4.นายสุริยะ ร่วมพัฒนา เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.มหาดไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 52 เป็นต้นไป
**พิเชฐนั่งที่ปรึกษา รมว.สธ.
ส่วนกระทรวงสาธารณสุข เสนอให้แต่งตั้ง นายพิเชฐ พัฒนโชติ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 52 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งนายพิเชฐ ได้เคยนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.มาแล้วครั้งหนึ่ง โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้มีการถอนเรื่องออกไปก่อน เนื่องจากขณะนั้นนายพิเชฐ ยังไม่ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาพัฒนาการเมือง ของสถาบันพระปกเกล้า
**"หัวโจก"เสื้อแดงอุดรฯ นั่งปรึกษา รมช.คมนาคม
ครม.ยังได้อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้แต่งตั้งนายอุทัย แสนแก้ว (น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว อดีตรมช.เกษตรฯ ) เป็นข้าราชการการเมือง ในตำแหน่งที่ปรึกษารมช.คมนาคม (นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ) ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 52 เป็นต้นไป
**"ระนองรักษ์"รักษา รชก.แทน รมว.อุตฯ
ครม.ยังได้อนุมัติ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม เสนอให้แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรมว.อุตสาหกรรม ในกรณีที่รมว.อุตสาหกรรมไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความใน มาตรา 42 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 โดยมอบหมายให้ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นผู้รักษาราชการแทน ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 52 เป็นต้นไป และครม.ยังได้อนุมัติแต่งตั้งนายสุรศักดิ์ นาคดี เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 52 เป็นต้นไป
**"ชลิต"นั่งอธิบดีกรมชลประทาน
ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครม.ได้อนุมัติตามที่เสนอให้แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งประเภทบริหารราชการระดับสูง ดังนี้ 1.นายชลิต ดำรงศักดิ์ รองปลัดกระทรวงฯ ไปดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมชลประทาน
2.นายเฉลิมพร พิรุณสาร ผู้ตรวจการราชการกระทรวงฯ ไปดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงฯ
ครม.ยังได้อนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอให้แต่งตั้ง นายภูเบศ จันทนิมิ ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 52 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ยังอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้แต่งตั้ง นายตรัยรักษ์ เต็งไตรรัตน์ ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษา รมว.คลัง ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 52 เป็นต้นไป
**ไอซีที ตั้งผอ.-รอง ผอ. กรมอุตุฯ
ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เสนอให้แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญในสังกัด ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป จำนวน 2 ราย ดังนี้ 1.นายสมชาย ใบม่วง ผู้อำนวยการ สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา 2.นางมันทนา พฤกษะวัน รองอธิบดีกรมอุตินิยมวิทยา ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ
**กฤษฎีกายันแต่งตั้งผู้ช่วย รมต.ได้
คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า ในการประชุมครม. ไม่มีการนำเรื่องการแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีเข้าพิจารณา แต่รัฐบาลสามารถแต่งตั้งได้ตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ในการแต่งตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมการ และสมัยรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เคยแต่งตั้งมาแล้ว แต่ไม่มีการกำหนดว่าจะสามารถแต่งตั้งได้กี่คน ขึ้นอยู่กับความจำเป็น
คุณพรทิพย์ ยังกล่าวถึงการโยกย้ายปลัดกระทรวงมหาดไทย ว่า ต้องดูว่าเป็นการโยกย้ายโดยใคร เหตุผลอะไร แต่หากผู้ถูกย้ายซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือน สามารถร้องเรียนได้ หากเห็นว่าผู้บังคับบัญชาปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ก็สามารถร้องทุกข์ได้
**"สุเทพ" เป็นคนเสนอย้ายปลัด มท.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีคำสั่งย้ายนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และแต่งตั้งนายวิชัย ศรีขวัญ มาดำรงตำแหน่งแทนว่า ตนเป็นคนเสนอให้มีการโยกย้ายเอง เพราะตนเป็นรองนายกรัฐมนตรี ที่มีหน้าที่กำกับดูแลราชการของกระทรวงมหาดไทย เห็นว่าเป็นกระทรวงที่มีภาระกิจที่จะดูแลแก้ปัญหาของประชาชนหลายส่วน และเกี่ยวพันกับเรื่องของความมั่นคง ที่ตนมีหน้าที่รับผิดชอบ
"จึงต้องการข้าราชการที่ทำงานแล้ว สามารถที่จะสบายใจได้ว่างานที่สั่งไป ตามนโยบายทั้งหลาย สามารถนำไปปฎิบัติได้ผล เพราะมีเวลาจำกัดในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง จึงได้ปรึกษาหารือ และตัดสินใจย้ายปลัดมาทำงานที่ทำเนียบฯ เพื่อเปิดโอกาสให้กระทรวงมหาดไทยได้แต่งตั้งคนใหม่" นายสุเทพ กล่าว และยืนยันว่า การย้ายครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เพราะตนกับนายพีรพล ก็รู้จักเป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับปัญหาส่วนตัว แต่เห็นว่าท่านมาอยู่ที่ทำเนียบฯ จะเป็นประโยชน์ต่อราชการมากกว่า และเมื่อมาอยู่ที่ทำเนียบฯ จะหางานที่ท่านถนัดให้ทำ
เมื่อถามว่า เป็นเพราะมีการปล่อยให้เกิดม็อบหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เอาเป็นภาพรวมดีกว่าไม่ได้ตำหนิอะไรมาก เพียงแต่ว่า ถ้ามาอยู่ที่ทำเนียบฯ กระทรวงมหาดไทยก็จะทำงานดีขึ้น
เมื่อถามว่า เพราะเป็นสายของ พ.ต.ท.ทักษิณ และมีความใกล้ชิด คุณหญิงพจมาน หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามาสายไหน ไม่ได้ติดใจ แต่ติดใจแค่เรื่องงาน เพราะงานที่เหลืออยู่ข้างหน้า เราต้องการงานที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ตั้งใจได้ และกระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงสำคัญในการพลักดันนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องของความมั่นคง ต้องการข้าราชการที่รับนโยบายไปปฎิบัติ
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนเนวิน ก่อนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าไม่ได้ปรึกษากลุ่มเพื่อนเนวิน แต่ได้เรียนกับ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ท่านก็เห็นด้วย
**ไม่ห่วงถูกร้องเรียน
เมื่อถามว่า ปลัดคนใหม่ที่มาแทน มีคนมองว่ามาจากสาย คมช. นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่ใช่ ท่านเป็นลูกหม้อของกระทรวงมหาดไทย เป็นอดีตอธิบดีกรมการปกครอง และย้ายมาเป็นรองปลัดกระทรวง เมื่อรัฐบาลที่แล้ว เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีอาวุโส ส่วนที่ในกระทรวงก็มีคนมีความรู้ความสามารถเยอะ แต่ช่วงเวลาอย่างนี้ คุณวิชัย คงทำได้ดี ที่ว่ามาจากสายคมช. คงไม่ใช่ เพราะ คมช. มาอยู่ไม่นาน
เมื่อถามว่า กลัวจะถูกร้องเรียนเรื่องการโยกย้ายหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า การโยกย้ายข้าราชการเพื่อความเหมาะสม และเพื่อให้งานมีผลสัมฤทธิ์ คงไม่มีอะไร เมื่อถามว่า เป็นการย้ายเพราะเตรียมโยกย้ายครั้งใหญ่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีการโยกย้ายครั้งใหญ่ การโยกย้ายข้าราชการ เป็นเเรื่องปกติ เราต้องการความสัมฤทธิ์ในการทำงาน เราจึงวางคนที่ไว้ใจได้ เท่านั้นเอง
**"ชวรัตน์"ระบุเป็นดุลพินิจนายกฯ
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า นายกรัฐมนตรี เป็นคนสั่งการ ตนไม่ทราบเรื่อง และไม่ได้เป็นคนริเริ่ม ตนไม่มีนโยบายโยกย้ายข้าราชการตั้งแต่แรก โดยนายกฯต้องการคนไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ ซึ่งตนไม่คิดว่าเป็นการแทรกแซงการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเป็นอำนาจนายกฯ ในการโยกย้ายข้าราชการระดับ 11 อยู่แล้ว
ส่วนที่มีการมองว่าเป็นการล้างขั้วอำนาจเก่า รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ข้าราชการทุกคนต้องทำงานให้กับประเทศชาติ ไปทำงานที่ไหนก็ต้องทำไปตามคำสั่ง เมื่อถามต่อว่าไม่กลัวข้าราชการมหาดไทยเสียขวัญหรือ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปดี ไม่ได้ไปไม่ดี ย้ายไปสำนักนายกฯเงินเดือนก็ไม่ลด
เมื่อถามว่าท้ายคำสั่งย้ายปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ระบุว่าเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความราบรื่น นายสุเทพ เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า นายกฯเป็นคนเซ็นคำสั่ง เมื่อถามว่าการโยกย้ายเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ดินของบริษัท ศรีสุบรรณ ของนายสุเทพ หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่าไม่ทราบ
เมื่อถามว่าใครเป็นคนเสนอชื่อ นายวิชัย ศรีขวัญ ขึ้นมาเป็นปลัดมหาดไทยแทนคนเก่า รมว.มหาดไทย กล่าวว่า นายวิชัย เป็นผู้อาวุโสสูงสุด เป็นรองปลัดอันดับหนึ่ง เมื่อถามว่ายอมรับว่ามีข้าราชการเสียขวัญกับเรื่องนี้หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ก็อาจจะมี แต่สุดท้ายก็จะกลับสู่ภาวะปกติ
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า การย้ายปลัดมหาดไทยยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซง เป็นความเหมาะสม ในการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา และคงไม่มีความขัดแย้งเรื่องพรรคร่วมอะไร
เมื่อถามว่ามีการยอมกันในพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อต่อรองโครงการต่างๆ กับพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคตหรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า ไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องนั้น หลักใหญ่คือการพิจารณารอบคอบ และความเหมาะสมในประสิทธิภาพการทำงาน ตนเชื่อว่าบุคคลที่ได้รับคำสั่งแต่งตั้ง จะต้องทำหน้าที่ของตนเองและคนที่ได้รับแต่งตั้งใหม่ ก็อาวุโสสูงสุด กรณีนี้พรรคภูมิใจไทย ยอมรับได้
เมื่อถามว่าสาเหตุการย้ายปลัด เพราะไม่สามารถสกัดกลุ่มเสื้อแดงใช่หรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า คงไม่เกี่ยว
**"พีรพล"ฮึดอุทธรณ์คำสั่งย้าย
ด้านนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการถูกย้ายให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นอำนาจที่รัฐบาลสามารถทำได้ แต่จะเป็นธรรมหรือไม่นั้น สังคมและกระบวนการยุติธรรมจะเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งตนจะขอใช้สิทธิ์ ยื่นอุทธรณ์ หากผลออกมาไม่มีความชัดเจน จะยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองต่อไป เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่างของการโยกย้ายลักษณะนี้
นายพีรพล กล่าวด้วยว่า การโยกย้ายครั้งนี้ มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และได้ทำใจล่วงหน้าไว้แล้วว่า คงต้องถูกย้าย ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด แต่ไม่รู้เหตุผลของการสั่งย้าย ไม่มีใครส่งสัญญาณใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย อย่างไรก็ตาม หากการเมืองเข้ามาล้วงลึกในการทำงานของข้าราชการ ต้องมีปัญหาตามมามากยิ่งขึ้น และอาจทำให้ข้าราชการอ่อนแอได้ในที่สุด
นายพีรพล กล่าวว่า ไม่ถอดใจลาออกจากการเป็นข้าราชการ เพราะถือว่าได้ทำหน้าที่ปลัดกระทรวง แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ ก็ถือเป็นเกียรติแล้ว ไม่เคยเสียใจในการรับราชการ และจะไปรายงานตัวที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันนี้ (21 ม.ค.) เพราะเชื่อว่าความสามารถของตน ทำงานได้ทุกที่
ส่วนที่ถูกมองว่าสาเหตุของการโยกย้าย เป็นเพราะมีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น นายพีรพล กล่าวว่า อยากให้มองว่า การเข้ามาเป็นข้าราชการระดับ 11 ต้องถูกการเมืองแต่งตั้งทั้งสิ้น แต่ขอให้ดูว่า ตนไม่ใช่ข้าราชการที่คอยถือกระเป๋า เปิดประตูรถให้นักการเมือง ตนเป็นคนทำงานในฐานะข้าราชการที่มีคุณภาพ และไม่เกี่ยวกับเหตุผลที่ไม่สามารถคุมมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดงได้
"ขอให้เข้าใจว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นบุคคลที่น่าสงสาร เพราะที่ผ่านมาเสื้อเหลือง ก็ไม่สามารถควบคุมได้เช่นกัน เนื่องจากม็อบเหล่านี้ มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น" นายพีรพลกล่าว
**"วิชัย"ยันจะทำงานให้ดีที่สุด
ด้านนายวิชัย ศรีขวัญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ข้าราชการกับการเมือง เป็นเรื่องที่เปรียบเสมือนเหรียญสองด้าน ที่ด้านหนึ่งเป็นข้าราชการประจำ อีกด้านหนึ่งเป็นข้าราชการการเมือง ที่ต้องทำงานควบคู่กันไป ส่วนที่มองว่าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย เพราะมีความสนิทสนมกับ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) นั้น คงไม่ใช่ แต่เป็นคนที่ทำงานใกล้ชิดกับทุกฝ่าย จึงดูสนิทสนม เพราะตนปฏิบัติตามนโยบายมาโดยตลอด
นายวิชัย กล่าวว่า รู้จักกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพราะเป็นคนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เหมือนกัน แต่ไม่เคยร่วมงานกัน และยอมรับว่า มีการส่งสัญญาณแจ้งมาล่วงหน้าให้ดำรงตำแหน่งนี้
"ทันทีที่ได้ทำหน้าที่ จะรีบสานต่อนโยบาย 9 ข้อ ของรมว.มหาดไทย ที่มอบไว้ แต่ยังไม่คิดถึงขั้นควบคุมกลุ่มคนเสื้อแดง หรือโยกย้ายข้าราชการ เพื่อเป็นฐานเสียงให้รัฐบาลในการเลือกตั้ง สำหรับกรณีที่นายพีรพล จะยื่นอุทรธณ์ จะมีผลต่อตำแหน่งหรือไม่นั้นขอพิจาณาข้อกฎหมายก่อน ทั้งนี้ ไม่กังวลในการทำหน้าที่ที่อาจจะถูกหวาดระแวงจากทั้งรัฐบาล และฝ่ายค้าน โดยจะขอตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุด" นายวิชัย กล่าว
**การเมืองเปลี่ยนขั้ว ขรก.โดนย้าย
นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี อดีต ผวจ.เพชรบูรณ์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการการปกครองวุฒิสภา กล่าวถึงการการโยกย้ายครั้งนี้ว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง เมื่อการเมืองมีการเปลี่ยนขั้วก็ย่อมมีการโยกย้ายข้าราชการ จึงขอฝากข้อคิดให้กับข้าราชการทุกกระทรวงใน 2 เรื่อง คือ 1. อยากเห็นข้าราชการทำงานด้วยฝีมือของตนเอง เพื่อให้ก้าวหน้าทางราชการ โดยไม่ต้องอาศัยการเมืองเพื่อก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น
2.ไม่อยากเห็นการเมืองเข้ามายุ่งกับข้าราชการ อยากให้การเมืองดูการทำงานของข้าราชการว่า มีฝีมือจริงหรือไม่ ถ้ามีฝีมือจริงก็ควรส่งเสริม เพราะนักการเมืองใครมานั่งเป็นนายตน เชื่อว่า ข้าราชการทุกคนก็ยอมรับและรับใช้ทุกคน จึงขอฝากข้อคิดทั้ง 2 เรื่องนี้ให้กับข้าราชการและนักการเมืองด้วย
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการโยกย้ายครั้งนี้ คงไม่เกิดขึ้นเฉพาะกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น แต่จะมีทั้งข้าราชการกระทรวงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือทหาร
"โดยสายงานนักปกครองแล้ว ปลัดกระทรวงมหาดไทย ต้องมาจากกกรมการปกครองเป็นหลัก เพราะคนที่เป็นอธิบดีกรมการปกครองเป็นผู้มีอาวุโส แต่ปัจจุบันหลักการเปลี่ยนไป อธิบดีกรมไหนก็มาเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ ซึ่งต้องยอมรับว่า นายวิชัย เองก็เป็นผู้อาวุโส เป็นถึงรองปลัดกระทรวงและนายวิชัย ก็มาจากกรมการปกครอง ผมในฐานะอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด มองว่า การเอานายวิชัยมาเป็นปลัดกระทรวง ก็ไม่เสียหาย สังคมยอมรับได้ อีกทั้งตัวของนายวิชัยเอง ก็จะเกษียณอายุราชการในเดือน ต.ค.นี้ ขณะที่นายพีรพล เหลืออายุราชการอีกหลายปี"
**"เพื่อแม้ว"โวยรังแกขรก.ประจำ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลหาญกล้ามาก ไม่เคยมีอำนาจจึงกร่าง เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู เป็นการปลดแบบไม่มีเหตุผล เข้าข่ายรังแกข้าราชการประจำ ดังนั้นข้าราชการคนใดถูกรัฐบาลรังแกแบบนี้ ขอให้ร้องมาที่พรรคเพื่อไทย จะเดินหน้าถอดถอนรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องออกจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268
**"สุเทพ"ประชุม ก.ตร.วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (21ม.ค.) เวลา 10.00น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้นัดประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 1/2552 โดยมีวาระที่ต้องพิจารณาหลายเรื่อง เช่น พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง เรื่องศาลอาญากรุงเทพใต้มีหมายเรียกรายงานผลการประชุม ก.ตร. เรื่องการสั่งให้ข้าราชการตำรวจประจำส่วนราชการ เรื่องแต่งตั้งพนักงานสอบสวน (สบ 4) และเรื่องแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ
ส่วนวาระแต่งตั้งข้าราชการตำรวจนั้น จะมีการเสนอแต่งตั้งนายพลตำรวจลงในตำแหน่งที่ว่างลง และตำแหน่งที่เปิดใหม่ หลายตำแหน่ง โดยขณะนี้มีตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ว่าง ลง 1 ตำแหน่ง หลังจาก พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง ไปเป็น หัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ
ทั้งนี้ หากมีการเสนอ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขึ้นแทน ก็จะเปิดตำแหน่งว่างไล่ระดับจนถึงผู้บังคับการ รวมถึงการแต่งตั้งผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศปก.จชต) รอง ผบช.ศปก.จชต และผู้บังคับการในสังกัดอีกหลายตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ จะมีการสับเปลี่ยนผู้บัญชาการหน่วยสำคัญ และผู้บังคับการจังหวัดหลายตำแหน่ง ซึ่งมีรายงานอาจมีการเลื่อนการพิจารณาออกไป เนื่องจากนายสุเทพได้ออกมากล่าวด้วยตนเองว่า ยังไม่มีความจำเป็นในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายในช่วงนี้ อีกทั้งยังไม่มีการเรียกประชุมบอร์ดพิจารณากลั่นกรองเพื่อแต่งตั้งโยกย้าย
**อาจรับ"มานิตย์"กลับตำรวจ
มีรายงานว่า ในการประชุมก.ตร.ในนัดนี้ อาจมีการพิจารณาการกลับเข้ารับการตำรวจของ พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ อดีต ผบก.น.6 และผบก.น.1 ซึ่งถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่กรณีเหตุการณ์หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิร์ด ที่ตำรวจปล่อยให้อันธพาล เข้าทำร้ายประชาชนที่ไปต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรี ซึ่งถูกให้ออกจากราชการ โดยมีรายงานว่า ศาลปกครอง มีคำสั่งให้ ก.ตร.รับพิจารณาเรื่องดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ถือเป็นอำนาจของ ก.ตร.ที่จะรับผิดจารณาเรื่องดังกล่าวหรือไม่
**เตรียมดึง 2 มือปราบสางคดีใหญ่
มีรายงานข่าวว่า วันนี้(21 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเชิญพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. และพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า ในช่วงเช้าเนื่องจากนายกฯ มีแนวคิดจะตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมารื้อคดีสำคัญที่สังคมให้ความสนใจ เนื่องที่ผ่านมาถูกวิพากษ์วิจารณ์ และถูกมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จนเป็นที่กังขาอยู่ทุกวันนี้ คือ คดีอุ้มนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายที่ทำคดีใน3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และคดีอุ้มฆ่านายกรเทพ วิริยะ หรือ ชิปปิ้งหมู พยานปากเอกในการเปิดเผยพฤติกรรมการหลีกเลี่ยงภาษีของบริษัทชิน แซทเทิลไลท์
แหล่งข่าวกล่าวว่า ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ รู้สึกพึงพอใจต่อความตรงไปตรงมาของ พล.ต.ท.อัศวิน หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ ครั้งแรก ในการปิดหมายศาลที่ให้ยุติการชุมนุม โดยนายอภิสิทธิ์ (ขณะที่เป็นผู้นำฝ่ายค้าน ) ได้เดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยได้พูดสอบถามอย่างตรงไปตรงมากับ พล.ต.ท.อัศวิน ก็ได้รับคำตอบว่า ไมได้เป็นคนสั่งให้ใช้ความรุนแรง แต่เป็นการกระทำของ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาลขณะนั้น (นักเรียนทหารรุ่น10 รุ่นเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ) และจากนั้นไม่นานก็มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โดยให้ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ มาดูแลนครบาลชั่วคราว ก่อนจะมีการแต่งตั้งพล.ต.ท.สุชาติ มาเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเต็มตัว กระทั่งมีการสลายการชุมนุมในวันที่ 7 ตุลาคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พล.ต.ท.อัศวิน เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 30 ขึ้นเป็นผู้บังคับการครั้งแรกที่ ตำรวจภูธร จ.เชียงราย ยุค พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ก่อนโยกมาคุมกองปราบปราม เป็นตำรวจที่ทำงานสืบสวนปราบปรามมาตลอดชีวิตรับราชการ เคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในยุค คมช. และถูกดันขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. อย่างกะทันหัน ในยุคนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ เนื่องจากไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งให้ใช้กำลังสลายกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบฯ และที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยจะใช้วิธีประนีประนอมกับกลุ่มผู้ชุมนุมมาโดยตลอด
ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า รัฐบาลมีความตั้งใจจะให้คดีทั้ง 2 ได้รับการคลี่คลายให้ทันสมัยรัฐบาลชุดนี้
นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) ว่า ครม.ได้อนุมัติตามที่ กระทรวงมหาดไทย เสนอให้แต่งตั้ง นายวิชัย ศรีขวัญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ซึ่งเรื่องนี้ กระทรวงมหาดไทยได้เสนอเป็นเป็นวาระจร เรื่องสุดท้ายในที่ประชุมครม. โดยที่ประชุมครม.ไม่มีใครคัดค้าน และให้นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป
การโยกย้ายครั้งนี้ เป็นไปตามข้อเสนอของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี แต่ลงนามโดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย โดยให้เหตุผลเพื่อประโยชน์ของทางราชการ
สำหรับนายวิชัย เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง ในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และถูกย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในสมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
นอกจากนี้ ครม. ยังมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอให้แต่งตั้งข้าราชการเมือง จำนวน 4 ราย ดังนี้ 1.นายชำนิ บูชาสุข เป็นที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย 2. นางคมคาย อุดรพิมพ์ เป็นที่ปรึกษารมช.มหาดไทย (นายบุญจง วงษ์ไตรรัตน์) 3.นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ เป็นเลขานุการรมว.มหาดไทย 4.นายสุริยะ ร่วมพัฒนา เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.มหาดไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 52 เป็นต้นไป
**พิเชฐนั่งที่ปรึกษา รมว.สธ.
ส่วนกระทรวงสาธารณสุข เสนอให้แต่งตั้ง นายพิเชฐ พัฒนโชติ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 52 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งนายพิเชฐ ได้เคยนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.มาแล้วครั้งหนึ่ง โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้มีการถอนเรื่องออกไปก่อน เนื่องจากขณะนั้นนายพิเชฐ ยังไม่ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาพัฒนาการเมือง ของสถาบันพระปกเกล้า
**"หัวโจก"เสื้อแดงอุดรฯ นั่งปรึกษา รมช.คมนาคม
ครม.ยังได้อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้แต่งตั้งนายอุทัย แสนแก้ว (น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว อดีตรมช.เกษตรฯ ) เป็นข้าราชการการเมือง ในตำแหน่งที่ปรึกษารมช.คมนาคม (นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ) ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 52 เป็นต้นไป
**"ระนองรักษ์"รักษา รชก.แทน รมว.อุตฯ
ครม.ยังได้อนุมัติ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม เสนอให้แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรมว.อุตสาหกรรม ในกรณีที่รมว.อุตสาหกรรมไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความใน มาตรา 42 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 โดยมอบหมายให้ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นผู้รักษาราชการแทน ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 52 เป็นต้นไป และครม.ยังได้อนุมัติแต่งตั้งนายสุรศักดิ์ นาคดี เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 52 เป็นต้นไป
**"ชลิต"นั่งอธิบดีกรมชลประทาน
ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครม.ได้อนุมัติตามที่เสนอให้แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งประเภทบริหารราชการระดับสูง ดังนี้ 1.นายชลิต ดำรงศักดิ์ รองปลัดกระทรวงฯ ไปดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมชลประทาน
2.นายเฉลิมพร พิรุณสาร ผู้ตรวจการราชการกระทรวงฯ ไปดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงฯ
ครม.ยังได้อนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอให้แต่งตั้ง นายภูเบศ จันทนิมิ ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 52 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ยังอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้แต่งตั้ง นายตรัยรักษ์ เต็งไตรรัตน์ ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษา รมว.คลัง ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 52 เป็นต้นไป
**ไอซีที ตั้งผอ.-รอง ผอ. กรมอุตุฯ
ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เสนอให้แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญในสังกัด ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป จำนวน 2 ราย ดังนี้ 1.นายสมชาย ใบม่วง ผู้อำนวยการ สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา 2.นางมันทนา พฤกษะวัน รองอธิบดีกรมอุตินิยมวิทยา ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ
**กฤษฎีกายันแต่งตั้งผู้ช่วย รมต.ได้
คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า ในการประชุมครม. ไม่มีการนำเรื่องการแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีเข้าพิจารณา แต่รัฐบาลสามารถแต่งตั้งได้ตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ในการแต่งตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมการ และสมัยรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เคยแต่งตั้งมาแล้ว แต่ไม่มีการกำหนดว่าจะสามารถแต่งตั้งได้กี่คน ขึ้นอยู่กับความจำเป็น
คุณพรทิพย์ ยังกล่าวถึงการโยกย้ายปลัดกระทรวงมหาดไทย ว่า ต้องดูว่าเป็นการโยกย้ายโดยใคร เหตุผลอะไร แต่หากผู้ถูกย้ายซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือน สามารถร้องเรียนได้ หากเห็นว่าผู้บังคับบัญชาปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ก็สามารถร้องทุกข์ได้
**"สุเทพ" เป็นคนเสนอย้ายปลัด มท.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีคำสั่งย้ายนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และแต่งตั้งนายวิชัย ศรีขวัญ มาดำรงตำแหน่งแทนว่า ตนเป็นคนเสนอให้มีการโยกย้ายเอง เพราะตนเป็นรองนายกรัฐมนตรี ที่มีหน้าที่กำกับดูแลราชการของกระทรวงมหาดไทย เห็นว่าเป็นกระทรวงที่มีภาระกิจที่จะดูแลแก้ปัญหาของประชาชนหลายส่วน และเกี่ยวพันกับเรื่องของความมั่นคง ที่ตนมีหน้าที่รับผิดชอบ
"จึงต้องการข้าราชการที่ทำงานแล้ว สามารถที่จะสบายใจได้ว่างานที่สั่งไป ตามนโยบายทั้งหลาย สามารถนำไปปฎิบัติได้ผล เพราะมีเวลาจำกัดในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง จึงได้ปรึกษาหารือ และตัดสินใจย้ายปลัดมาทำงานที่ทำเนียบฯ เพื่อเปิดโอกาสให้กระทรวงมหาดไทยได้แต่งตั้งคนใหม่" นายสุเทพ กล่าว และยืนยันว่า การย้ายครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เพราะตนกับนายพีรพล ก็รู้จักเป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับปัญหาส่วนตัว แต่เห็นว่าท่านมาอยู่ที่ทำเนียบฯ จะเป็นประโยชน์ต่อราชการมากกว่า และเมื่อมาอยู่ที่ทำเนียบฯ จะหางานที่ท่านถนัดให้ทำ
เมื่อถามว่า เป็นเพราะมีการปล่อยให้เกิดม็อบหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เอาเป็นภาพรวมดีกว่าไม่ได้ตำหนิอะไรมาก เพียงแต่ว่า ถ้ามาอยู่ที่ทำเนียบฯ กระทรวงมหาดไทยก็จะทำงานดีขึ้น
เมื่อถามว่า เพราะเป็นสายของ พ.ต.ท.ทักษิณ และมีความใกล้ชิด คุณหญิงพจมาน หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามาสายไหน ไม่ได้ติดใจ แต่ติดใจแค่เรื่องงาน เพราะงานที่เหลืออยู่ข้างหน้า เราต้องการงานที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ตั้งใจได้ และกระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงสำคัญในการพลักดันนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องของความมั่นคง ต้องการข้าราชการที่รับนโยบายไปปฎิบัติ
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนเนวิน ก่อนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าไม่ได้ปรึกษากลุ่มเพื่อนเนวิน แต่ได้เรียนกับ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ท่านก็เห็นด้วย
**ไม่ห่วงถูกร้องเรียน
เมื่อถามว่า ปลัดคนใหม่ที่มาแทน มีคนมองว่ามาจากสาย คมช. นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่ใช่ ท่านเป็นลูกหม้อของกระทรวงมหาดไทย เป็นอดีตอธิบดีกรมการปกครอง และย้ายมาเป็นรองปลัดกระทรวง เมื่อรัฐบาลที่แล้ว เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีอาวุโส ส่วนที่ในกระทรวงก็มีคนมีความรู้ความสามารถเยอะ แต่ช่วงเวลาอย่างนี้ คุณวิชัย คงทำได้ดี ที่ว่ามาจากสายคมช. คงไม่ใช่ เพราะ คมช. มาอยู่ไม่นาน
เมื่อถามว่า กลัวจะถูกร้องเรียนเรื่องการโยกย้ายหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า การโยกย้ายข้าราชการเพื่อความเหมาะสม และเพื่อให้งานมีผลสัมฤทธิ์ คงไม่มีอะไร เมื่อถามว่า เป็นการย้ายเพราะเตรียมโยกย้ายครั้งใหญ่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีการโยกย้ายครั้งใหญ่ การโยกย้ายข้าราชการ เป็นเเรื่องปกติ เราต้องการความสัมฤทธิ์ในการทำงาน เราจึงวางคนที่ไว้ใจได้ เท่านั้นเอง
**"ชวรัตน์"ระบุเป็นดุลพินิจนายกฯ
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า นายกรัฐมนตรี เป็นคนสั่งการ ตนไม่ทราบเรื่อง และไม่ได้เป็นคนริเริ่ม ตนไม่มีนโยบายโยกย้ายข้าราชการตั้งแต่แรก โดยนายกฯต้องการคนไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ ซึ่งตนไม่คิดว่าเป็นการแทรกแซงการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเป็นอำนาจนายกฯ ในการโยกย้ายข้าราชการระดับ 11 อยู่แล้ว
ส่วนที่มีการมองว่าเป็นการล้างขั้วอำนาจเก่า รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ข้าราชการทุกคนต้องทำงานให้กับประเทศชาติ ไปทำงานที่ไหนก็ต้องทำไปตามคำสั่ง เมื่อถามต่อว่าไม่กลัวข้าราชการมหาดไทยเสียขวัญหรือ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปดี ไม่ได้ไปไม่ดี ย้ายไปสำนักนายกฯเงินเดือนก็ไม่ลด
เมื่อถามว่าท้ายคำสั่งย้ายปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ระบุว่าเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความราบรื่น นายสุเทพ เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า นายกฯเป็นคนเซ็นคำสั่ง เมื่อถามว่าการโยกย้ายเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ดินของบริษัท ศรีสุบรรณ ของนายสุเทพ หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่าไม่ทราบ
เมื่อถามว่าใครเป็นคนเสนอชื่อ นายวิชัย ศรีขวัญ ขึ้นมาเป็นปลัดมหาดไทยแทนคนเก่า รมว.มหาดไทย กล่าวว่า นายวิชัย เป็นผู้อาวุโสสูงสุด เป็นรองปลัดอันดับหนึ่ง เมื่อถามว่ายอมรับว่ามีข้าราชการเสียขวัญกับเรื่องนี้หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ก็อาจจะมี แต่สุดท้ายก็จะกลับสู่ภาวะปกติ
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า การย้ายปลัดมหาดไทยยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซง เป็นความเหมาะสม ในการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา และคงไม่มีความขัดแย้งเรื่องพรรคร่วมอะไร
เมื่อถามว่ามีการยอมกันในพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อต่อรองโครงการต่างๆ กับพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคตหรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า ไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องนั้น หลักใหญ่คือการพิจารณารอบคอบ และความเหมาะสมในประสิทธิภาพการทำงาน ตนเชื่อว่าบุคคลที่ได้รับคำสั่งแต่งตั้ง จะต้องทำหน้าที่ของตนเองและคนที่ได้รับแต่งตั้งใหม่ ก็อาวุโสสูงสุด กรณีนี้พรรคภูมิใจไทย ยอมรับได้
เมื่อถามว่าสาเหตุการย้ายปลัด เพราะไม่สามารถสกัดกลุ่มเสื้อแดงใช่หรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า คงไม่เกี่ยว
**"พีรพล"ฮึดอุทธรณ์คำสั่งย้าย
ด้านนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการถูกย้ายให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นอำนาจที่รัฐบาลสามารถทำได้ แต่จะเป็นธรรมหรือไม่นั้น สังคมและกระบวนการยุติธรรมจะเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งตนจะขอใช้สิทธิ์ ยื่นอุทธรณ์ หากผลออกมาไม่มีความชัดเจน จะยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองต่อไป เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่างของการโยกย้ายลักษณะนี้
นายพีรพล กล่าวด้วยว่า การโยกย้ายครั้งนี้ มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และได้ทำใจล่วงหน้าไว้แล้วว่า คงต้องถูกย้าย ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด แต่ไม่รู้เหตุผลของการสั่งย้าย ไม่มีใครส่งสัญญาณใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย อย่างไรก็ตาม หากการเมืองเข้ามาล้วงลึกในการทำงานของข้าราชการ ต้องมีปัญหาตามมามากยิ่งขึ้น และอาจทำให้ข้าราชการอ่อนแอได้ในที่สุด
นายพีรพล กล่าวว่า ไม่ถอดใจลาออกจากการเป็นข้าราชการ เพราะถือว่าได้ทำหน้าที่ปลัดกระทรวง แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ ก็ถือเป็นเกียรติแล้ว ไม่เคยเสียใจในการรับราชการ และจะไปรายงานตัวที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันนี้ (21 ม.ค.) เพราะเชื่อว่าความสามารถของตน ทำงานได้ทุกที่
ส่วนที่ถูกมองว่าสาเหตุของการโยกย้าย เป็นเพราะมีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น นายพีรพล กล่าวว่า อยากให้มองว่า การเข้ามาเป็นข้าราชการระดับ 11 ต้องถูกการเมืองแต่งตั้งทั้งสิ้น แต่ขอให้ดูว่า ตนไม่ใช่ข้าราชการที่คอยถือกระเป๋า เปิดประตูรถให้นักการเมือง ตนเป็นคนทำงานในฐานะข้าราชการที่มีคุณภาพ และไม่เกี่ยวกับเหตุผลที่ไม่สามารถคุมมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดงได้
"ขอให้เข้าใจว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นบุคคลที่น่าสงสาร เพราะที่ผ่านมาเสื้อเหลือง ก็ไม่สามารถควบคุมได้เช่นกัน เนื่องจากม็อบเหล่านี้ มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น" นายพีรพลกล่าว
**"วิชัย"ยันจะทำงานให้ดีที่สุด
ด้านนายวิชัย ศรีขวัญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ข้าราชการกับการเมือง เป็นเรื่องที่เปรียบเสมือนเหรียญสองด้าน ที่ด้านหนึ่งเป็นข้าราชการประจำ อีกด้านหนึ่งเป็นข้าราชการการเมือง ที่ต้องทำงานควบคู่กันไป ส่วนที่มองว่าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย เพราะมีความสนิทสนมกับ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) นั้น คงไม่ใช่ แต่เป็นคนที่ทำงานใกล้ชิดกับทุกฝ่าย จึงดูสนิทสนม เพราะตนปฏิบัติตามนโยบายมาโดยตลอด
นายวิชัย กล่าวว่า รู้จักกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพราะเป็นคนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เหมือนกัน แต่ไม่เคยร่วมงานกัน และยอมรับว่า มีการส่งสัญญาณแจ้งมาล่วงหน้าให้ดำรงตำแหน่งนี้
"ทันทีที่ได้ทำหน้าที่ จะรีบสานต่อนโยบาย 9 ข้อ ของรมว.มหาดไทย ที่มอบไว้ แต่ยังไม่คิดถึงขั้นควบคุมกลุ่มคนเสื้อแดง หรือโยกย้ายข้าราชการ เพื่อเป็นฐานเสียงให้รัฐบาลในการเลือกตั้ง สำหรับกรณีที่นายพีรพล จะยื่นอุทรธณ์ จะมีผลต่อตำแหน่งหรือไม่นั้นขอพิจาณาข้อกฎหมายก่อน ทั้งนี้ ไม่กังวลในการทำหน้าที่ที่อาจจะถูกหวาดระแวงจากทั้งรัฐบาล และฝ่ายค้าน โดยจะขอตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุด" นายวิชัย กล่าว
**การเมืองเปลี่ยนขั้ว ขรก.โดนย้าย
นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี อดีต ผวจ.เพชรบูรณ์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการการปกครองวุฒิสภา กล่าวถึงการการโยกย้ายครั้งนี้ว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง เมื่อการเมืองมีการเปลี่ยนขั้วก็ย่อมมีการโยกย้ายข้าราชการ จึงขอฝากข้อคิดให้กับข้าราชการทุกกระทรวงใน 2 เรื่อง คือ 1. อยากเห็นข้าราชการทำงานด้วยฝีมือของตนเอง เพื่อให้ก้าวหน้าทางราชการ โดยไม่ต้องอาศัยการเมืองเพื่อก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น
2.ไม่อยากเห็นการเมืองเข้ามายุ่งกับข้าราชการ อยากให้การเมืองดูการทำงานของข้าราชการว่า มีฝีมือจริงหรือไม่ ถ้ามีฝีมือจริงก็ควรส่งเสริม เพราะนักการเมืองใครมานั่งเป็นนายตน เชื่อว่า ข้าราชการทุกคนก็ยอมรับและรับใช้ทุกคน จึงขอฝากข้อคิดทั้ง 2 เรื่องนี้ให้กับข้าราชการและนักการเมืองด้วย
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการโยกย้ายครั้งนี้ คงไม่เกิดขึ้นเฉพาะกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น แต่จะมีทั้งข้าราชการกระทรวงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือทหาร
"โดยสายงานนักปกครองแล้ว ปลัดกระทรวงมหาดไทย ต้องมาจากกกรมการปกครองเป็นหลัก เพราะคนที่เป็นอธิบดีกรมการปกครองเป็นผู้มีอาวุโส แต่ปัจจุบันหลักการเปลี่ยนไป อธิบดีกรมไหนก็มาเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ ซึ่งต้องยอมรับว่า นายวิชัย เองก็เป็นผู้อาวุโส เป็นถึงรองปลัดกระทรวงและนายวิชัย ก็มาจากกรมการปกครอง ผมในฐานะอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด มองว่า การเอานายวิชัยมาเป็นปลัดกระทรวง ก็ไม่เสียหาย สังคมยอมรับได้ อีกทั้งตัวของนายวิชัยเอง ก็จะเกษียณอายุราชการในเดือน ต.ค.นี้ ขณะที่นายพีรพล เหลืออายุราชการอีกหลายปี"
**"เพื่อแม้ว"โวยรังแกขรก.ประจำ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลหาญกล้ามาก ไม่เคยมีอำนาจจึงกร่าง เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู เป็นการปลดแบบไม่มีเหตุผล เข้าข่ายรังแกข้าราชการประจำ ดังนั้นข้าราชการคนใดถูกรัฐบาลรังแกแบบนี้ ขอให้ร้องมาที่พรรคเพื่อไทย จะเดินหน้าถอดถอนรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องออกจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268
**"สุเทพ"ประชุม ก.ตร.วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (21ม.ค.) เวลา 10.00น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้นัดประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 1/2552 โดยมีวาระที่ต้องพิจารณาหลายเรื่อง เช่น พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง เรื่องศาลอาญากรุงเทพใต้มีหมายเรียกรายงานผลการประชุม ก.ตร. เรื่องการสั่งให้ข้าราชการตำรวจประจำส่วนราชการ เรื่องแต่งตั้งพนักงานสอบสวน (สบ 4) และเรื่องแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ
ส่วนวาระแต่งตั้งข้าราชการตำรวจนั้น จะมีการเสนอแต่งตั้งนายพลตำรวจลงในตำแหน่งที่ว่างลง และตำแหน่งที่เปิดใหม่ หลายตำแหน่ง โดยขณะนี้มีตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ว่าง ลง 1 ตำแหน่ง หลังจาก พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง ไปเป็น หัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ
ทั้งนี้ หากมีการเสนอ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขึ้นแทน ก็จะเปิดตำแหน่งว่างไล่ระดับจนถึงผู้บังคับการ รวมถึงการแต่งตั้งผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศปก.จชต) รอง ผบช.ศปก.จชต และผู้บังคับการในสังกัดอีกหลายตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ จะมีการสับเปลี่ยนผู้บัญชาการหน่วยสำคัญ และผู้บังคับการจังหวัดหลายตำแหน่ง ซึ่งมีรายงานอาจมีการเลื่อนการพิจารณาออกไป เนื่องจากนายสุเทพได้ออกมากล่าวด้วยตนเองว่า ยังไม่มีความจำเป็นในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายในช่วงนี้ อีกทั้งยังไม่มีการเรียกประชุมบอร์ดพิจารณากลั่นกรองเพื่อแต่งตั้งโยกย้าย
**อาจรับ"มานิตย์"กลับตำรวจ
มีรายงานว่า ในการประชุมก.ตร.ในนัดนี้ อาจมีการพิจารณาการกลับเข้ารับการตำรวจของ พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ อดีต ผบก.น.6 และผบก.น.1 ซึ่งถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่กรณีเหตุการณ์หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิร์ด ที่ตำรวจปล่อยให้อันธพาล เข้าทำร้ายประชาชนที่ไปต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรี ซึ่งถูกให้ออกจากราชการ โดยมีรายงานว่า ศาลปกครอง มีคำสั่งให้ ก.ตร.รับพิจารณาเรื่องดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ถือเป็นอำนาจของ ก.ตร.ที่จะรับผิดจารณาเรื่องดังกล่าวหรือไม่
**เตรียมดึง 2 มือปราบสางคดีใหญ่
มีรายงานข่าวว่า วันนี้(21 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเชิญพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. และพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า ในช่วงเช้าเนื่องจากนายกฯ มีแนวคิดจะตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมารื้อคดีสำคัญที่สังคมให้ความสนใจ เนื่องที่ผ่านมาถูกวิพากษ์วิจารณ์ และถูกมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จนเป็นที่กังขาอยู่ทุกวันนี้ คือ คดีอุ้มนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายที่ทำคดีใน3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และคดีอุ้มฆ่านายกรเทพ วิริยะ หรือ ชิปปิ้งหมู พยานปากเอกในการเปิดเผยพฤติกรรมการหลีกเลี่ยงภาษีของบริษัทชิน แซทเทิลไลท์
แหล่งข่าวกล่าวว่า ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ รู้สึกพึงพอใจต่อความตรงไปตรงมาของ พล.ต.ท.อัศวิน หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ ครั้งแรก ในการปิดหมายศาลที่ให้ยุติการชุมนุม โดยนายอภิสิทธิ์ (ขณะที่เป็นผู้นำฝ่ายค้าน ) ได้เดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยได้พูดสอบถามอย่างตรงไปตรงมากับ พล.ต.ท.อัศวิน ก็ได้รับคำตอบว่า ไมได้เป็นคนสั่งให้ใช้ความรุนแรง แต่เป็นการกระทำของ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาลขณะนั้น (นักเรียนทหารรุ่น10 รุ่นเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ) และจากนั้นไม่นานก็มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โดยให้ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ มาดูแลนครบาลชั่วคราว ก่อนจะมีการแต่งตั้งพล.ต.ท.สุชาติ มาเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเต็มตัว กระทั่งมีการสลายการชุมนุมในวันที่ 7 ตุลาคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พล.ต.ท.อัศวิน เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 30 ขึ้นเป็นผู้บังคับการครั้งแรกที่ ตำรวจภูธร จ.เชียงราย ยุค พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ก่อนโยกมาคุมกองปราบปราม เป็นตำรวจที่ทำงานสืบสวนปราบปรามมาตลอดชีวิตรับราชการ เคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในยุค คมช. และถูกดันขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. อย่างกะทันหัน ในยุคนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ เนื่องจากไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งให้ใช้กำลังสลายกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบฯ และที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยจะใช้วิธีประนีประนอมกับกลุ่มผู้ชุมนุมมาโดยตลอด
ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า รัฐบาลมีความตั้งใจจะให้คดีทั้ง 2 ได้รับการคลี่คลายให้ทันสมัยรัฐบาลชุดนี้