นศ.สาวศรีปทุม แจ้งจับ “ต้อย แอคเนอร์” ลวงขึ้นคอนโดทำอนาจาร

นักศึกษาสาวดีกรีอดีตพริตตี้ ขึ้นโรงพักแจ้งความถูก “ต้อย แอคเนอร์” ทำอนาจาร หลังเข้ามาฝึกงานที่มายาแชนแนล แล้วถูกลวงขึ้นห้องคอนโดฯ หรู อ้างให้ขึ้นไปรอทีมงาน ก่อนอาศัยทีเผลอโผเข้ากอด-หอมแก้ม ยันเอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมฝากเป็นอุทาหรณ์ให้สาวอื่นที่โดนแบบนี้อย่าไปยอม ตร.เตรียมเรียกสอบพยาน ก่อนออกหมายเรียกเจ้าของหนังสือคนดังมารับทราบข้อหา

เมื่อเวลา 17.30 น.วันนี้ (18 ม.ค.) ที่ สน.สุทธิสาร นางวรรณวิไล งามช่อชัยพฤกษ์ อายุ 49 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อยู่บ้านเลขที่ 92/40 หมู่ 6 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน ได้พาลูกสาวคือ น.ส.เพชรคัมภรณ์ หรือโอ๋ งามช่อชัยพฤกษ์ อายุ 25 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม และเป็นอดีตพริตตี้ เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.รักเกียรติ์ ปทุมวัลย์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.สุทธิสาร ให้ดำเนินคดีกับนายเกรียงศักดิ์ เอกสกุลชัย หรือ “ต้อย แอคเนอร์” เจ้าของนิตยสารมายาแชนแนล และหนังสือข่าวบันเทิงอีกหลายเล่มในข้อหากระทำอนาจาร หลังจากลูกสาวถูกนายเกรียงศักดิ์ลวนลามด้วยการพยายามปลุกปล้ำโอบกอด และหอมแก้ม ขณะเข้าไปฝึกงานในนิตยสารดังกล่าว

น.ส.เพชรคัมภรณ์ ให้การว่า ก่อนหน้านี้ตนส่งใบสมัครขอฝึกงานไปที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง แต่มีนักศึกษาฝึกงานเต็มแล้ว เพื่อนของตนคนหนึ่งชื่อ “ส้ม” เลยชวนให้มาฝึกที่นิตยสารมายาแชนแนล โดยบอกว่ารู้จักกับพี่ชาติซึ่งอ้างว่าเป็นคนสนิทของนายเกรียงศักดิ์ ตนจึงส่งหนังสือขอฝึกงานไปให้เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา และทางนิตยสารก็ตอบรับให้ตนเข้าไปฝึกงานในวันที่ 12 ม.ค. โดยในวันนั้นตนก็เริ่มไปฝึกงาน โดยพี่ชาติซึ่งเป็นคนแจกจ่ายงานให้กับนักศึกษาฝึกงาน ได้พาตนกับน.ส.ส้ม เข้าไปทำความรู้จักกับนายเกรียงศักดิ์ ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่า ตนเป็นคนหน้าตาดี จะลองให้ไปเป็นพิธีกรโทรทัศน์ ออกไปทำงานด้านนอกและให้เป็นเลขาส่วนตัวด้วย

น.ส.เพชรคัมภรณ์ ให้การต่อว่า หลังจากนั้นตนก็มาฝึกงานตามปกติ จนกระทั่งเวลาประมาณ 14.00 น.ของวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ขึ้นรถตู้ไปกับนายเกรียงศักดิ์ เพื่อไปงานสัมมนาที่มหาวิทยาลัยหอการค้า หลังจากเสร็จงานประมาณ 17.00 น. นายเกรียงศักดิ์ก็ชวนตนกับ น.ส.ส้ม ไปกินข้าวที่ร้านเบียร์หิมะย่านประชาชื่น ซึ่งตอนแรกตนได้ตอบปฏิเสธไปเพราะจะรีบไปเอารถกลับไปหาแม่ แต่นายเกรียงศักดิ์บอกตนว่าจะให้คนขับรถไปเอารถของตนมาให้ที่ร้าน จึงตกลงไปกินข้าวด้วยด้วย

เมื่อมาถึงที่ร้าน นายเกรียงศักดิ์ก็ให้ตนนั่งฝั่งขวา ส่วนเพื่อนชื่อส้มนั่งด้านซ้าย แล้วตัวนายเกรียงศักดิ์เองนั่งตรงกลาง ซึ่งตนก็สงสัยว่าทำไมต้องให้นั่งใกล้ชิดขนาดนี้ เมื่อกินข้าวเสร็จนายเกรียงศักดิ์ก็ชวนดื่มเบียร์ แต่ตนปฏิเสธแล้วก็ชวนคุยเรื่องงานแทน โดยระหว่างที่คุยอยู่นั้น ตนกับ น.ส.ส้ม หยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปเล่น โดยนายเกรียงศักดิ์ก็ขยับมานั่งข้างๆ ขอถ่ายรูปคู่กับตน และยังเอามือมาโอบไหล่ซึ่งตนก็เริ่มรู้สึกไม่ดี แต่ยังไม่คิดอะไรมากทำตัวตามปกติ

น.ส.เพชรคัมภรณ์ ให้การต่อว่า หลังจากอยู่ที่ร้านถึงเวลา 22.00 น. ตนก็ขอตัวกลับ โดยนายเกรียงศักดิ์บอกว่าพรุ่งนี้ให้มาแต่เช้าไม่ต้องเอารถมาให้ไปเจอกันที่คอนโดฯ เลิศอุบล ในซอยลาดพร้าวซอย 8 โดยอ้างว่าจะพาไปพบลูกค้า กระทั่งช่วงเช้าตนกับ น.ส.ส้ม ก็ได้ไปพบตามนัดที่คอนโดฯ ในซอยดังกล่าว เมื่อไปถึงคนขับรถของนายเกรียงศักดิ์ก็บอกว่าทีมงานยังมาไม่ครบให้ขึ้นไปรอข้างบนก่อน จากนั้นก็พาตนกับส้มขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องชั้น 8 เมื่อเข้าไปในห้องก็พบนายเกรียงศักดิ์นั่งดูโทรทัศน์อยู่ และได้เรียกตนกับส้มให้ไปนั่งที่โซฟาเดียวกัน

“หลังจากนั้นเขาก็ชวนคุยว่ารู้จักสาวไซด์ไลน์หรือเปล่า แล้วให้ส้มอ่านหนังสือพิมพ์เรื่องนั้นให้เขาฟัง จนเวลาผ่านไปสักพักก็รู้สึกร้อนใจว่าทำไมไม่ไปไหนซักที จึงถามเขาว่าจะไปกันหรือยัง ก่อนจะพูดขอตัวไปกินข้าวกับส้มก่อน แต่ส้มบอกว่าแสบตาขอเข้าไปล้างตาในห้องน้ำ เดี๋ยวจะตามออกไป โดยจังหวะที่กำลังก้มลงใส่รองเท้า เขาก็โผเข้ามากอดจากทางด้านหลัง แล้วหอมแก้มไป 1 ที หนูจึงรีบสะบัดตัวออกห่างแล้วเดินมารอส้มที่นอกห้อง แล้วเล่าเรื่องให้ส้มฟัง แต่ส้มก็บอกว่าให้ทนเอาหน่อยเพราะต้องฝึกงานและเปลี่ยนที่ไม่ได้แล้ว จากนั้นเขาก็พาไปกินข้าวที่หน้าปากซอยและไปทำงานกับเขาทั้งวันด้วยความอึดอัด ส่วนตัวเขาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” น.ส.เพชรคัมภรณ์ กล่าว

น.ส.เพชรคัมภรณ์ กล่าวอีกว่า เมื่อเสร็จงานในช่วงเย็น นายเกรียงศักดิ์บอกว่าจะพาไปกินข้าวและซื้อเสื้อผ้าที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว ตนรู้สึกอึดอัดมากจึงโทรศัพท์ไปหาแม่ ซึ่งแม่บอกให้กลับบ้าน เมื่อกลับถึงบ้านก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟัง จนวันนี้แม่ก็พามาแจ้งความเพราะเกรงจะมีเรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก และขอยืนยันว่าที่ออกมาแจ้งความไม่ได้อยากดัง แต่อยากให้รู้ว่าการที่ใครจะทำงานที่ไหนให้ระวังตัวเอาไว้ หรือถ้ามีผู้บริหารมาทำแบบนี้อย่าไปยอม

น.ส.เพชรคัมภรณ์ กล่าวด้วยว่า อยากให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างกับผู้หญิงคนอื่นว่า ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ไม่ต้องกลัวและไม่ต้องยอม อยากให้ดูตนเป็นตัวอย่าง และหากทางมหาลัยไม่ให้ผ่านก็ยอม สำหรับการแจ้งความเอาผิดครั้งนี้จะไม่มีการยอมความอย่างแน่นอน จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่ตอนนี้รู้สึกกลัวว่าจะถูกฝ่ายนายเกรียงศักดิ์ข่มขู่ จึงต้องการให้ตำรวจไปดูแลที่บ้าน หลังเกิดเรื่องเมื่อวันศุกร์ที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา นายเกรียงศักดิ์กับเพื่อนส้มได้โทรศัพท์มาหาแต่ตนไม่รับโทรศัพท์

ด้าน ร.ต.ท.รักเกียรติ์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะเรียกตัว น.ส.ส้ม และพยานในที่เกิดเหตุมาสอบปากคำ จากนั้นก็เรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำต่อไป ซึ่งคดีนี้เข้าข่ายความผิดฐานกระทำการอนาจารผู้อื่น มีโทษปรับ 20,000 บาท จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นคดีไม่มีความซับซ้อนอะไรมาก สามารถยอมความกันได้ หากทั้ง 2 ฝ่ายมีการเจรจากันอย่างเข้าใจ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการสอบปากคำทุกปากภายใน 7 วัน หากพยานหลักฐานเพียงพอก็จะเรียกนายเกรียงศักดิ์ มารับทราบข้อกล่าวหา ถ้าไม่มาก็จะออกหมายเรียก และถ้าเรียกถึง 3 ครั้งแล้วยังไม่มาก็จะออกหมายจับต่อไป