“เทพไท” แนะเสื้อแดงตั้งสติ ยันองค์คณะพิพากษา “ทักษิณ” โกงชาติ ปฏิบัติหน้าที่ถูกกฎหมาย จี้ศาลฟันพวกพูดจาบจ้วง เย้ยแก๊งแดงแต่งดำเหมือนนายเพราะเสียดายท่อน้ำแดงตีบ ซัดเพื่อไทยวัวสันหลังหวะ ยันยังไม่ได้พูฝีมือเสื้อแดง จี้ 3 เกลอการันตีกลุ่มฮาร์ดคอร์ไม่ใช้ความรุนแรง ย้ำรัฐไม่มีบัญชีดำ 212 คนแก๊งทักษิณ จี้นำเอกสารจริงโชว์ จวก “เด็จพี่” เลิกเล่นยี่เกน้ำเน่า
วันนี้ (1 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่แกนนำนปช.ประกาศล่ารายชื่อ 2 หมื่นรายชื่อ เพื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาให้ถอดถอนตุลาการศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า ตนอยากให้แกนนำ นปช.ตั้งสติในการก้าวล่วงการทำงานขององค์คณะผู้พิพากษา เพราะการทำหน้าที่ของคณะผู้พิพากษาถือว่าปฏิบัติตามกฎหมาย และช่องทางเดียวที่จะยื่นตรวจสอบได้ คือ การปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แต่การปฏิบัติหน้าที่ขององคณะผู้พิพากษาถือว่าถูกกฎหมายแล้ว ทั้งนี้ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงและหลายบุคคลในระบอบทักษิณพยายามใส่ร้ายคณะตุลาการ มีการพูดคลุมเครือว่าการวินิจฉัยถูกแทรกแซง หรือมีการรู้ผลล่วงหน้า ซึ่งไม่ใช่สาระสำคัญของคดี ดังนั้น ศาลจึงไม่ควรปล่อยให้มีการก้าวล่วงควรกลับไปดูว่าใครมีพฤติกรรมเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย และสมาชิกและแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อทำให้เป็นคดีตัวอย่างไม่อย่างนั้นคนเหล่านี้จะได้ใจ ทำการจาบจ้วงศาลตลอด
นายเทพไทกล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา แกนนำคนเสื้อแดงได้จำแลงใส่เสื้อดำ ถือว่าเป็นพฤติกรรมเลียนแบบนายใหญ่ที่แต่งชุดดำไว้ทุกข์ในวันที่ศาลวินิจฉัยในคดียึดทรัพย์ ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงคงจะเสียดายเงินที่หายไป โดยเกรงว่าอาจจะได้รับผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว และเกรงว่าเงินที่ได้รับคืน 3 หมื่นกว่าล้านบาทอาจหายไปหมดสิ้น เพราะศาลได้วินิจฉัยให้เรียกคืนและชดใช้ค่าเสียหาย เช่น ในคดีแก้ไขสัญญาโทรศัพท์มือถือกรณีบัตรเติมเงินและโรมมิ่ง ที่ทำให้รัฐเสียหายไม่น้อยกว่า 1.89 หมื่นล้านบาท กรณีการแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมโดยมิชอบที่ทำให้รัฐเสียหายกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท และกรณีการแปลงสัญญาสัมปทานฯ เอื้อประโยชน์ชินคอร์ป ที่ทำให้รัฐเสียหาย 6 หมื่นล้านบาทเศษ รวมแล้วอาจทำให้จะต้องเอาเงินที่ได้รับคืนไปชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด กลุ่มคนเสื้อแดงจึงอาลัยอาวรณ์ แปลงแดงเป็นดำแสดงน้ำใจว่ามีอารมณ์ร่วมเหมือนเจ้านาย โดยหวังผลทางอารมณ์มากกว่าทางปฏิบัติ
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ระเบิด 4 จุดใน กทม.ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาปฏิเสธความรับผิดชอบ โยนความผิดให้รัฐบาล ทั้งที่รัฐบาลยังไม่ได้ปรักปรำว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่แกนนำของกลุ่มคนเสื้อแดงกลับทำตัวเป็นวัวสันหลังหวะ โดยโยนความผิดให้กับรัฐบาลว่า ต้องการทำเพื่อนำไปสู่การใช้กฎหมายพิเศษ ซึ่งไม่เป็นความจริง ถ้ารัฐบาลต้องการอย่างนั้น เมื่อเกิดเหตุก็คงมีการประกาศใช้กฎมายพิเศษไปแล้ว จึงถือว่าเป็นการพูดใส่ร้ายรัฐบาลโดยตรง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการทำงานของกลุ่มคนเสื้อแดงมีการประกาศใช้ความรุนแรง ทำให้ขาดมวลชนในระดับสูงและกลาง จึงรู้ว่าม็อบของตัวเองจะไม่ชนะ จึงโยนความผิดให้รัฐบาล ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า 3 เกลอซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงไม่สามารถควบคุมความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ทั้งหมดให้เดินไปตามเป้าที่ตัวเองวางไว้ อยากถามว่าในความเคลื่อนไหวของกลุ่มทหารพราน กลุ่มโรนิน กลุ่มทหารพระเจ้าตาก นักรบเสือดำ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงจะรับผิดชอบได้หรือไม่ และจะยืนยันความบริสุทธิ์ของนักรบเหล่านี้ได้หรือไม่ที่จะไม่ใช้ความรุนแรง ในการเคลื่อนไหว
อย่างไรก็ตาม นายเทพไทกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหารัฐบาลขึ้นบัญชีดำ 212 บุคคล โดยดึงเอากลุ่มพระภิกษุสงฆ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยว่า รัฐบาลได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีรายชื่อบัญชีดำดังกล่าวอย่างแน่นอน การที่พรรคเพื่อไทยอ้างรายชื่อคนในตระกูลชินวัตร ดามาพงศ์ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย ถือเป็นรายชื่อที่ธรรมดาที่ใครสามารถนำมาพิมพ์เป็นเอกสารและนำมากล่าวอ้างว่าเป็นเอกสารรัฐบาลได้ จึงขอเรียกร้องให้ออกมายืนยันว่าเป็นเอกสารทางราชการ และเป็นการสั่งการของรัฐบาล ไม่ควรหยิบเรื่องไร้สาระมาเป็นประเด็นข่าวเพื่อออกสื่อ ไม่อยากให้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แสดงน้ำเน่าทำให้การเมืองเสียหายอีกต่อไป