xs
xsm
sm
md
lg

สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้หญิงที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ควรเอาอย่าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถ้านิตยสาร นิวสวีก รู้จัก สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสายการเมือง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ก่อนหน้านี้สักหน่อย นายกรัฐมนตรีนกแก้วของประเทศไทย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาจจะไม่ติดอันดับ 1 ใน 150 สตรีผู้กล้าหาญของโลก (150 Fearless Women) ก็ได้

เพราะภายใต้ความห้าวหาญ เก่งกล้าสามารถของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่นิตยสารฉบับนี้นั่งเทียนเขียนให้ชาวโลกอ่าน คือความกลัวอันเกิดจากความไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะรู้ตัวว่า ไม่ประสีประสาในเรื่องอันเป็นหน้าที่ที่คนที่เป็นผู้นำประเทศต้องรู้ หนึ่งในความกลัวของนายกฯนกแก้วคือ กลัวนักข่าว โดยเฉพาะนักข่าวเพศเดียวกันที่ชื่อ สมจิตต์ นวเครือสุนทร ที่กลัวจนต้องเดินหนี ตั้งแต่ได้ประสบพบหน้ากันครั้งแรกเมื่อนายกฯ นกแก้วรับตำแหน่งใหม่ๆ เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว

ครั้งนั้น สมจิตต์ ถามนายกฯ ในวันที่ไปแถลงนโยบายต่อสภาฯ ว่า เวลาหาเสียง บอกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เรื่องที่ต้องรีบทำคือการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน แต่นโยบายที่แถลงต่อสภา บอกว่า จะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญภายใน 1 ปี นายกฯ ตอบว่า ต้องดูความเหมาะสม ขอดูในรายละเอียดก่อน สมจิตต์ถามต่อว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้ประโยชน์จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ขอดูในรายละอียดก่อน สมจิตต์ถามจี้ต่อไปว่า ตั้งแต่เป็นนายกฯ ประชาชนได้อะไรบ้าง เพราะขณะนั้นมีข่าวเรื่องรัฐบาลขอให้ญี่ปุ่นออกวีซ่า ให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศ ถึงตรงนี้นายกฯ เห็นท่าว่าจะเอาไม่อยู่ เลยเดินหนีสมจิตต์ ไปเฉยๆ ผู้ติดตามนายกฯ ยังต่อว่านักข่าวว่าทำไมไม่ตั้งคำถามช่วยนายกฯ บ้าง ปล่อยให้สมจิตต์ไล่บี้จนปูไปไม่เป็น

หลังจากนั้น เว็บไซต์เสื้อแดงก็โพสต์ข้อความโจมตีและข่มขู่สมจิตต์ คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งเดินทางไปหน้าสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เรียกร้องให้ปลดสมจิตต์ จนองค์กรสื่อต้องออกแถลงการณ์ประณามพฤติกรรมการคุกคามสื่อ ผู้ที่โพสต์ข้อความ ปรากฎในเวลาต่อมาว่า คือ นางสาวพรทิพย์ ปักษานนท์ แกนนำเสื้อแดงจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งรัฐบาลแต่งตั้งให้เป็นกรรมการบริษัทการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย สมจิตต์ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจดุสิตให้ดำเนินคดีนางสาวพรทิพย์ ในความผิดฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ

เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมานี้เอง อัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง น.ส.พรทิพย์ โดยอ้างว่า ข้อความข่มขู่ที่ว่า “จำหน้าหล่อนไว้นะครับเห็นที่ไหนก็จัดให้หน่อยแล้วกันนะครับ” และข้อความอื่นๆ ถือว่า ยังอยู่ในขั้นเตรียมการ ยังไม่มีการกระทำความผิด และความผิดในฐานนี้ไม่มีบทบัญญัติของประมวลกฏหมายอาญา ผู้ต้องหาจึงยังไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา จึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง น.ส.พรทิพย์

สมจิตต์ ยืนยันว่าจะฟ้องคดีต่อศาลเอง ไม่ใช่ต้องการจองเวรกับ น.ส.พรทิพย์ แต่ต้องการให้เป็นคดีตัวอย่างว่าคนไทยมีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเองตามกฎหมาย เพราะกระบวนการยุติธรรมตั้งต้นของสังคมไทยตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน จนถึงอัยการไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้ และยังกลายเป็นการตัดตอนไม่ให้คดีขึ้นสู่ศาลเพื่อพิจารณาให้ความเป็นธรรมต่อผู้เสียหายด้วย

โรคขยาดนักข่าวของยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะนักข่าวที่ชื่อสมจิตต์ กำเริบขึ้นอีกครั้ง เมื่อถูกถามเรื่องการประชุมเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชา ในโอกาสที่นายกฯ นกแก้วจะเดินทางไปประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ระหว่างวันที่ 3-4 เมษายนนี้ ซึ่งเป็นคำถามที่อยู่ในโพยที่สำนักโฆษกทำเนียบรัฐบาลเตรียมไว้ให้นักข่าวถามอยู่แล้ว แต่นายกฯ ไม่รู้เรื่อง และไม่อ่านโพยที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้ เมื่อสมจิตต์ถามจึงตอบไม่ได้

เรื่องนี้ สมจิตต์เขียนในเฟซบุ๊ก เพื่อจับโกหกนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ที่กล่าวหาในทวิตเตอร์ของตนว่า เธอมีอคติต่อนายกฯ และไม่ทำการบ้านว่า

“ นายกฯ ไม่ได้ลุกหนีทันทีแต่แสดงท่าทีชัดเจนว่าอึดอัด ไม่ต้องการตอบ พร้อมกับอธิบายว่าเรื่องนี้ไม่มีในการประชุม คุณสุรนันทน์อยู่ในเหตุการณ์ย่อมทราบดีว่า เมื่อนายกฯ ยืนยันเช่นนั้น ดิฉันก็ได้เรียนถามท่านว่า ถ้าไม่มีวาระแล้วทำไมจึงปรากฏในเอกสารที่เจ้าหน้าที่ให้กับนักข่าวเพื่อเตรียมข้อมูลในการตั้งคำถามโดยอ่านข้อความในเอกสารด้วยว่า "เรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลจะมีคณะกรรมการที่ รมว.ต่างประเทศทั้ง 2 ประเทศเป็นผู้เจรจา" แต่เมื่อท่านยืนยันดิฉันก็ไม่ได้คาดคั้นถามเรื่องนี้อีก”

คราวนี้ โรคกลัวสมจิตต์ขึ้นสมองของนายกฯ นกแก้ว ส่งผลให้เธอและทีมงานข่าวช่อง 7 ที่มีกำหนดการเดินทางไปทำช่าวการประชุมอาเซี่ยนล่วงหน้า เพื่อเผยแพร่ผ่านทีวีพูล ถูกสำนักโฆษก ทำเนียบรัฐบาล สั่งยกเลิก ทั้งๆ ที่ออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างเอง และเป็นการทำข่าวโปรโมตภารกิจของนายกฯ หลังจากที่ผู้บริหารช่อง 7 ไม่ยอมเปลี่ยนตัวสมจิตต์ ตามความต้องการของสำนักโฆษกที่นายสุรนันทน์ดูแลอยู่

สมจิตต์ไม่เคยปิดบังว่า เธอคุ้นเคยและใกล้ชิดกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เธอเคยเขียนหนังสือให้ 2 เล่ม และเขียนให้นายกรณ์ จาติกวณิชอีก 1 เล่ม เพราะเธอเป็นนักข่าวประจำพรรคประชาธิปัตย์มานาน เธอไม่เคยปฏิเสธว่า เคยร่วมชุมุนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และยอมรับว่าไม่ชอบทักษิณ และยิ่งลักษ์ณ แต่นั่นคือความคิดเห็นส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับการทำหน้าที่สื่อ ซึ่งเธอได้พิสูจน์ให้เห็นในยุคที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี ที่หลายครั้งต้องเจอการถามแบบจี้ให้ตอบของสมจิตต์อย่างที่ยิ่งลักษณ์ และนายกฯ คนอื่นๆ เคยเจอ

สมจิตต์เคยให้สัมภาษณ์ นิตยสาร Who เมือปลายปีที่แล้ว หลังกรณีถูกคุกคามจากเสื้อแดง ในกรณีตั้งคำถามแรงๆ กับนายกฯ นกแก้ว ซึ่งเป็นผู้หญิงว่า

“คนเป็นนายกฯ ต้องเลิกคิดถึงเพศกันแล้ว เพราะในความเป็นผู้นำเขาต้องตอบได้ทุกคำถาม เพื่อที่จะให้ความกระจ่างกับสังคม ถ้าหากตอบไม่ได้ หรือไม่ตอบ ตัวคุณยิ่งลักษณันั่นแหละเสียโอกาส เพราะทุกคำถามที่ออกไป นั่นแสดงว่ามีข้อสงสัยในสังคม

คนเรามีสิทธิคิด ทำอะไรไม่มีทางทำให้ถูกใจหมด หรือแม้แต่คำว่าถูกต้อง ยังต้องวัดกันเลยว่า เป็นความถูกต้องของใคร เมื่อไรก็ตาม ถ้าเรามั่นใจในสิ่งที่ทำคือ หนึ่ง ยึดส่วนรวมเป็นที่ตั้ง สอง คือไม่ทำเพื่อกลั่นแกล้งใคร มันจบแล้วโดยหน้าที่ของสื่อ ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า เราไม่ควรถามเพียงแค่ความเห็น แต่ควรถามเพื่อหาความจริง อย่าปล่อยให้นักการเมืองโกหกประชาชนโดยใช้สื่อเป็นเครื่องมือ”

นายกฯ นกแก้ว ชอบอ้างความเป็นผู้หญิงมากำบังความไม่รู้หน้าที่ และพฤติกรรมหลบๆ ซ่อนๆ ของตน การส่งเสริมบทบาทสตรีกลายเป็นประเด็นซ้ำซากที่ถูกยกขึ้นมาพูดเกือบทุกเวที เพราะเป็นเรื่องที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ และท่องไม่ยาก แต่ในความเป็นจริง เธอไม่รู้และไม่มีสำนึกในเรื่องสิทธิและบทบามของผู้หญิงเลย เพราะมิฉะนั้นแล้ว เธอคงไม่ขยาดและพยายามหลบเลี่ยงผู้หญิงที่ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่อย่างสมจิต นวเครือสุนทรหรอก
กำลังโหลดความคิดเห็น