ASTVผู้จัดการรายวัน - ผ่านไปเกือบสัปดาห์หลัง ธปท.ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบาย แบงก์พาณิชย์เพิ่งตื่น "กรุงเทพ-กสิกรฯ" ลดแล้วดอกเบี้ยทั้ง 2 ขา เผยดอกเบี้ยกู้ลด 0.25% ส่งผล MRR เหลือ 7% ส่วนดอกเบี้ยฝากประจำหนักกว่าลดตั้งแต่ 0.25 ถึง 0.50% อั้นออมทรัพย์ที่ระดับ 0.75% ขณะที่แบงก์ขนากลาง "ทหารไทย" เตรียมปรับลดตาม
รายงานข่าวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% รายละเอียดประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (Minimum Loan Rate) หรือ MLR จาก 6.75% เป็น 6.50% อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) หรือ MOR จาก 7.00% เป็น 6.75% และอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) หรือ MRR จาก 7.25% เป็น 7.00%
ด้านเงินฝาก ได้มีการประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำระยะยาว สำหรับบุคคลธรรมดา โดยเงินฝากประจำ 3 เดือน วงเงินฝากน้อยกว่า 3 ล้านบาท จาก 1.50% เป็น 1.25% วงเงินฝากตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป จาก 1.75% เป็น 1.50% เงินฝากประจำ 6 เดือน จาก 1.75% เป็น 1.50% เงินฝากประจำ 12 เดือน 1.75% ไม่เปลี่ยนแปลง เงินฝากประจำ 24 เดือน และ 36 เดือน จาก 2.50% เป็น 2.00% โดยทั้ง 2 ด้านมีผลเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2552
ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KBANK กล่าวว่า ธนาคารได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้โดยได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทลง 0.25% ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) อยู่ที่ 6.50% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) อยู่ที่ 6.75% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี(MRR) อยู่ที่ 7.0%
สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ3 เดือน ลดลงจาก 1.35-1.75% มาอยู่ที่ 1.0-1.25% เงินฝากประจำ 6 เดือน ลดจาก 1.50-1.75% มาอยู่ที่ 1.15-1.25% เงินฝากประจำ 12 เดือน ลดจาก 1.60-1.75% มาอยู่ที่ 1.25% เงินฝากประจำ 24 เดือน ลดจาก 2.25-2.50% มาอยู่ที่ 1.75-2.0% และเงินฝากประจำ 36 เดือน ลดจาก2.50% มาอยู่ที่ 2.0%
อัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ นิติบุคคล สถาบันการเงิน กองทุนโรงพยาบาล สถานศึกษาหน่วยราชการ ลดจาก 0.50% มาอยู่ที่ 0.25% ส่วนอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาทั่วไปยังคงอยู่ที่ 0.75% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2552 เป็นต้นไป
TMB จ่อลดตามแบงก์ใหญ่
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยว่า ธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีการปรับไปวันนี้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการว่าจะลดวันไหน เท่าไร แต่โดยรวมแล้วทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารก็ต้องเป็นไปตามตลาดและขึ้นอยู่กับสภาพคล่อง
"ถ้าแบงก์ใหญ่ลดเราก็คงลดตามเพราะเราไม่ใช่ผู้นำ ซึ่งถ้ามีการประชุมวันนี้ก็ประกาศลดวันพรุ่งนี้ได้ ซึ่งในส่วนของ NIM (ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ) ก็จะลดลงตาม เพราะในภาวะดอกเบี้ยขาลงดอกเบี้ยเงินกู้จะผลทันที แต่ดอกเบี้ยเงินฝากต้องรอให้ครบอายุก่อนจึงจะมีผลในชุดถัดไป นอกจากนี้ยังมองว่าในภาวะดอกเบี้ยขาลงจะเป็นปัจจัยเอื้อให้บริษัทต่างๆ ออกหุ้นกู้ได้มากขึ้นด้วย เพราะต้นทุนในการออกหุ้นกู้จะลดลง" นายบุญทักษ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ธนาคารขนาดใหญ่มีการลดดอกเบี้ยออมทรัพย์นิติบุคคลนั้น ว่า ก็เป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์อาจจะลดลงตาม
โดยก่อนหน้านี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้น 100% ได้ตัดสินใจประกาศลดดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ได้ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.75% เป็นแห่งแรกเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้สอดคล้องกับแนวนโยบายการคลังของรัฐบาล ที่ได้ผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) 1.15 แสนล้านบาท ใน 18 โครงการ รวมถึงการเพิ่มทุนให้แก่ธนาคารของรัฐในการเพิ่มประสิทธิภาพในการปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคธุรกิจ
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได่กล่าวว่า ในฐานะที่ ธอส.เป็นผู้นำสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย จึงได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีก 0.25% โดยลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR จากเดิม 7.00% เหลือ 6.75% ซึ่งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัวพิเศษของ ธอส.เท่ากับ MRR - 2.00% ในปีที่ 1 ถึง 3 หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย MRR - 0.50 ตลอดอายุสัญญากู้ (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.75%) จากการที่ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ลดลงมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้สามารถช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องที่อยู่อาศัยให้แก่ลูกค้าธนาคารได้อีกทางด้วย ภายใต้สภาวะวิกฤตเศรษฐกิจปัจจุบัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.52 เป็นต้นไป
ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ธนาคารได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำและตั๋วสัญญาใช้เงินทุกประเภทลงอีก 0.50% โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี ลดลงเหลือ 1.75 % อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 2 ปี 3 ปี และ 5 ปี ลดลงเหลือ 2.50% ส่วนเงินฝากประจำสินเคหะปรับลดลงเหลือ 1.75% (ฝากครบ 24 งวด ธนาคารบวกดอกเบี้ยโบนัสเพิ่มให้อีก 1.00%) ทั้งนี้ ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินประเภท 7 วัน และ 14 วัน เหลือ 1.00% ตั๋วสัญญาใช้เงินประเภท 1 เดือน และ 2 เดือน ลดลงเหลือ 1.50% ตั๋วสัญญาใช้เงินประเภท 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี ลดลงเหลือ 1.75% ส่วนตั๋วสัญญาใช้เงินประเภท 2 ปี 3 ปี และ 5 ปี ลดลงเหลือ 2.50%
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์พิเศษจากเดิม 2.25% เป็น 1.75% ต่อปี ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค. 2552 เป็นต้นไป
รายงานข่าวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% รายละเอียดประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (Minimum Loan Rate) หรือ MLR จาก 6.75% เป็น 6.50% อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) หรือ MOR จาก 7.00% เป็น 6.75% และอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) หรือ MRR จาก 7.25% เป็น 7.00%
ด้านเงินฝาก ได้มีการประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำระยะยาว สำหรับบุคคลธรรมดา โดยเงินฝากประจำ 3 เดือน วงเงินฝากน้อยกว่า 3 ล้านบาท จาก 1.50% เป็น 1.25% วงเงินฝากตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป จาก 1.75% เป็น 1.50% เงินฝากประจำ 6 เดือน จาก 1.75% เป็น 1.50% เงินฝากประจำ 12 เดือน 1.75% ไม่เปลี่ยนแปลง เงินฝากประจำ 24 เดือน และ 36 เดือน จาก 2.50% เป็น 2.00% โดยทั้ง 2 ด้านมีผลเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2552
ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KBANK กล่าวว่า ธนาคารได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้โดยได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทลง 0.25% ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) อยู่ที่ 6.50% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) อยู่ที่ 6.75% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี(MRR) อยู่ที่ 7.0%
สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ3 เดือน ลดลงจาก 1.35-1.75% มาอยู่ที่ 1.0-1.25% เงินฝากประจำ 6 เดือน ลดจาก 1.50-1.75% มาอยู่ที่ 1.15-1.25% เงินฝากประจำ 12 เดือน ลดจาก 1.60-1.75% มาอยู่ที่ 1.25% เงินฝากประจำ 24 เดือน ลดจาก 2.25-2.50% มาอยู่ที่ 1.75-2.0% และเงินฝากประจำ 36 เดือน ลดจาก2.50% มาอยู่ที่ 2.0%
อัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ นิติบุคคล สถาบันการเงิน กองทุนโรงพยาบาล สถานศึกษาหน่วยราชการ ลดจาก 0.50% มาอยู่ที่ 0.25% ส่วนอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาทั่วไปยังคงอยู่ที่ 0.75% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2552 เป็นต้นไป
TMB จ่อลดตามแบงก์ใหญ่
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยว่า ธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีการปรับไปวันนี้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการว่าจะลดวันไหน เท่าไร แต่โดยรวมแล้วทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารก็ต้องเป็นไปตามตลาดและขึ้นอยู่กับสภาพคล่อง
"ถ้าแบงก์ใหญ่ลดเราก็คงลดตามเพราะเราไม่ใช่ผู้นำ ซึ่งถ้ามีการประชุมวันนี้ก็ประกาศลดวันพรุ่งนี้ได้ ซึ่งในส่วนของ NIM (ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ) ก็จะลดลงตาม เพราะในภาวะดอกเบี้ยขาลงดอกเบี้ยเงินกู้จะผลทันที แต่ดอกเบี้ยเงินฝากต้องรอให้ครบอายุก่อนจึงจะมีผลในชุดถัดไป นอกจากนี้ยังมองว่าในภาวะดอกเบี้ยขาลงจะเป็นปัจจัยเอื้อให้บริษัทต่างๆ ออกหุ้นกู้ได้มากขึ้นด้วย เพราะต้นทุนในการออกหุ้นกู้จะลดลง" นายบุญทักษ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ธนาคารขนาดใหญ่มีการลดดอกเบี้ยออมทรัพย์นิติบุคคลนั้น ว่า ก็เป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์อาจจะลดลงตาม
โดยก่อนหน้านี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้น 100% ได้ตัดสินใจประกาศลดดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ได้ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.75% เป็นแห่งแรกเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้สอดคล้องกับแนวนโยบายการคลังของรัฐบาล ที่ได้ผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) 1.15 แสนล้านบาท ใน 18 โครงการ รวมถึงการเพิ่มทุนให้แก่ธนาคารของรัฐในการเพิ่มประสิทธิภาพในการปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคธุรกิจ
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได่กล่าวว่า ในฐานะที่ ธอส.เป็นผู้นำสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย จึงได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีก 0.25% โดยลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR จากเดิม 7.00% เหลือ 6.75% ซึ่งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัวพิเศษของ ธอส.เท่ากับ MRR - 2.00% ในปีที่ 1 ถึง 3 หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย MRR - 0.50 ตลอดอายุสัญญากู้ (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.75%) จากการที่ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ลดลงมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้สามารถช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องที่อยู่อาศัยให้แก่ลูกค้าธนาคารได้อีกทางด้วย ภายใต้สภาวะวิกฤตเศรษฐกิจปัจจุบัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.52 เป็นต้นไป
ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ธนาคารได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำและตั๋วสัญญาใช้เงินทุกประเภทลงอีก 0.50% โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี ลดลงเหลือ 1.75 % อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 2 ปี 3 ปี และ 5 ปี ลดลงเหลือ 2.50% ส่วนเงินฝากประจำสินเคหะปรับลดลงเหลือ 1.75% (ฝากครบ 24 งวด ธนาคารบวกดอกเบี้ยโบนัสเพิ่มให้อีก 1.00%) ทั้งนี้ ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินประเภท 7 วัน และ 14 วัน เหลือ 1.00% ตั๋วสัญญาใช้เงินประเภท 1 เดือน และ 2 เดือน ลดลงเหลือ 1.50% ตั๋วสัญญาใช้เงินประเภท 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี ลดลงเหลือ 1.75% ส่วนตั๋วสัญญาใช้เงินประเภท 2 ปี 3 ปี และ 5 ปี ลดลงเหลือ 2.50%
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์พิเศษจากเดิม 2.25% เป็น 1.75% ต่อปี ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค. 2552 เป็นต้นไป