ASTV ผู้จัดการรายวัน – ธอส.สำแดง!! ระบุมาตรการกระตุ้นอสังหาฯของรัฐบาลไม่ชัดเจนและยังไม่สามารถประกาศใช้ โดยเฉพาะลดหย่อนภาษี 2 แสนบาท/ปี ต้องรอกรมสรรพากรพิจารณาว่าทำได้หรือไม่ ส่วนบริษัทค้ำประกันสินเชื่อ-เงินเพิ่มทุน 2,000 ล้านบาท ยังไม่ผ่านครม. เล็งหาลูกค้ารายได้มั่นคงกลุ่มข้าราชการ-รัฐวิสาหกิจ เตรียมออก กบข.-ธอส. รุ่น 6 กดดอกเบี้ยปีแรก 3.99% จ่อลดดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ รอมอนิเตอร์ 5 แบงก์ใหญ่ก่อน หวั่นเงินฝากไหลเข้า
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลชุดนี้ว่า ไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมหรือมีการบังคับใช้ได้ โดยเฉพาะการนำภาระดอกเบี้ยสินเชื่อมาลดหย่อนภาษีจาก 100,000 บาทต่อปี เป็น 200,000 บาทต่อปี ยังไม่สามารถนำมาบังคับใช้ได้ จะต้องรอให้กรมสรรพากรพิจารณาว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ หากกรมสรรพากรระบุว่าสามารถดำเนินการได้ รัฐบาลจึงจะสามารถประกาศใช้ได้
ส่วนเรื่องบริษัทค้ำประกันสินเชื่อ(มอร์เกจอินชัวรันส์) ซึ่งเรื่องดังกล่าวธอส.ดำเนินการและผลักดันมากว่า 8 ปี ขณะนี้เรื่องดังกล่าวได้ผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว รอนำเข้าเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบหลังจากนั้นจะต้องนำมาสู่คณะกรรมการกฤษฎีกาอีกครั้ง คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ประมาณกลางปีนี้ รวมไปถึงเงินเพิ่มทุนที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ธอส. 2,000 ล้านบาทก็ยังไม่ได้อนุมัติเช่นกัน
“ทุกเรื่องที่รัฐบาลประกาศออกมายังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากครม. จึงยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ แต่ธอส.ก็ได้เตรียมตัวและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาล”
ส่วนกรณีที่รัฐบาลที่ต้องการให้ธอส.เป็นแกนนำในการปล่อยสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำให้แก่ประชาชน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้าน ซึ่งธอส.จะต้องพิจารณาว่าต้องลดอัตราดอกเบี้ยไปอยู่ในระดับใดจึงจะจูงใจให้ประชาชนมาของสินเชื่อได้ แต่ก็ต้องคำนึงถึงต้นทุนการดำเนินของธอส.ด้วย
สำหรับภาวะการปล่อยสินเชื่อในเดือนนี้ยังคงนิ่งอยู่ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นช่วงปีใหม่ซึ่งมีวันหยุดยาว แต่ธนาคารได้ต้องเป้าปล่อยสินเชื่อเดือนละประมาณ 7,000 ล้านบาท หรือทั้งปี 73,500 ล้านบาท โดยจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อยที่สุด อาทิ กลุ่มข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้มั่นคงกว่ากลุ่มอื่น
นอกจากนี้ จะพยายามกระตุ้นให้สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เข้ามาเป็นลูกค้าของธอส.มากที่สุด ซึ่งปัจจุบันธอส.มีลูกค้าสมาชิกกบข. เพียง 20% หรือประมาณ 2.4 แสนราย จากสมาชิกทั้งหมด 1.2 ล้านราย โดยเตรียมออก กบข.-ธอส.รุ่นที่ 6 ในอีก 3 เดือนข้างหน้า โดยจะใช้อัตราดอกเบี้ยปีแรก 3.99% ปีที่ 2 คิด MLR-2.25 หลังจากนั้นคิด MLR-1.25 ตลอดอายุสัญญากู้
ยกระดับคุณภาพที่อยู่อาศัยชุมชน
ล่าสุด เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการพัฒนาคุณภาพด้านที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ให้สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองตามอัตภาพ ธนาคารจึงได้ร่วมกับมูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติ ประเทศไทย จัดทำโครงการ “สนับสนุนสินเชื่อรายย่อยด้านที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง” โดยธนาคารจะสนับสนุนสินเชื่อรายย่อยให้แก่สมาชิกมูลนิธิ ที่ต้องการกู้เพื่อปลูกสร้างบ้านตามแบบมาตรฐานของมูลนิธิ หรือให้กู้เพื่อต่อเติม ขยาย และซ่อมแซมบ้านให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น
โดยธนาคารจะคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามประกาศของธนาคาร ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัวพิเศษของ ธอส.เท่ากับ MRR - 2% ในปีที่ 1 ถึง 3 หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย MRR - 0.50 ตลอดอายุสัญญากู้ (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 7.00%)
ในปีนี้ธนาคารได้กำหนดวงเงินสินเชื่อสำหรับกลุ่มสมาชิกมูลนิธิที่เป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ จำนวนกว่า 2,300 ราย วงเงินประมาณ 200 ล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อสำหรับการสร้างบ้านใหม่ 1,500 ราย วงเงิน 180 ล้านบาท และเป็นสินเชื่อสำหรับการต่อเติม ขยาย และซ่อมแซมบ้าน จำนวน 800 ราย วงเงิน 20 ล้านบาท โดยที่มูลนิธิฯ จะเป็นผู้คัดเลือกครอบครัวเพื่อให้ความช่วยเหลือในการสร้างที่อยู่อาศัยได้อย่างเพียงพอให้กับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง รวมถึงดำเนินการสร้างบ้านราคาถูกให้แก่ผู้กู้ด้วยราคาต้นทุนต่ำ ตลอดจนการควบคุมการชำระหนี้ให้เป็นไปตามสัญญากู้ของธนาคาร
เล็งกดปุ่มลดดบฝาก-กู้
นายขรรค์ กล่าวถึงการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของธอส. หลังจากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (R/P) ลง 0.75% ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การปรับลดดังกล่าวจะส่งผลให้ธนาคารต่างปรับลดดอกเบี้ยลงตาม โดยธอส.เตรียมพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ ส่วนจะลดเท่าใดนั้นจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและต้นทุนการดำเนินงานของธอส.เป็นหลัก รวมถึงจะอิงกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทั้ง 5 แห่ง เพราะการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้จะลดทั้งเงินฝากและเงินกู้
อย่างไรก็ตาม ธอส.จะต้องรีบพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้เร็วที่สุด เพราะหากปรับดลดอกเบี้ยช้าจะทำให้มีเงินฝากไหลเข้ามาจำนวนมาก ต้นทุนการเงินก็จะสูง อย่างไรก็ดี การปรับลดดอกเบี้ยในครั้งนี้จะต้องลดทั้ง 2 ขา คือทั้งเงินฝากและเงินกู้
นอกจากนี้จะต้องพิจารณาให้รอบครอบ เพราะเมื่อลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงรายได้จะลดลงทันที ในขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากบางส่วนที่เป็นเงินฝากระยะยาวประเภท 3, 6, 12 เดือน ธอส.ยังคงจ่ายดอกเบี้ยเท่าเดิมจนกว่าจะหมดอายุแล้วถึงลดดอกเบี้ยได้ ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ค่าใช้จ่ายเรายังสูงอยู่ จึงต้องพิจารณาให้ดีเพื่อดอกเบี้ยที่ออกมาครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยปัจจุบันต้นทุนการเงินของธอส.อยู่ที่ระดับ 3.7% ดังนั้นการปรับลดดอกเบี้ยจะต้องไม่ต่ำกว่า 4%
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลชุดนี้ว่า ไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมหรือมีการบังคับใช้ได้ โดยเฉพาะการนำภาระดอกเบี้ยสินเชื่อมาลดหย่อนภาษีจาก 100,000 บาทต่อปี เป็น 200,000 บาทต่อปี ยังไม่สามารถนำมาบังคับใช้ได้ จะต้องรอให้กรมสรรพากรพิจารณาว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ หากกรมสรรพากรระบุว่าสามารถดำเนินการได้ รัฐบาลจึงจะสามารถประกาศใช้ได้
ส่วนเรื่องบริษัทค้ำประกันสินเชื่อ(มอร์เกจอินชัวรันส์) ซึ่งเรื่องดังกล่าวธอส.ดำเนินการและผลักดันมากว่า 8 ปี ขณะนี้เรื่องดังกล่าวได้ผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว รอนำเข้าเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบหลังจากนั้นจะต้องนำมาสู่คณะกรรมการกฤษฎีกาอีกครั้ง คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ประมาณกลางปีนี้ รวมไปถึงเงินเพิ่มทุนที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ธอส. 2,000 ล้านบาทก็ยังไม่ได้อนุมัติเช่นกัน
“ทุกเรื่องที่รัฐบาลประกาศออกมายังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากครม. จึงยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ แต่ธอส.ก็ได้เตรียมตัวและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาล”
ส่วนกรณีที่รัฐบาลที่ต้องการให้ธอส.เป็นแกนนำในการปล่อยสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำให้แก่ประชาชน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้าน ซึ่งธอส.จะต้องพิจารณาว่าต้องลดอัตราดอกเบี้ยไปอยู่ในระดับใดจึงจะจูงใจให้ประชาชนมาของสินเชื่อได้ แต่ก็ต้องคำนึงถึงต้นทุนการดำเนินของธอส.ด้วย
สำหรับภาวะการปล่อยสินเชื่อในเดือนนี้ยังคงนิ่งอยู่ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นช่วงปีใหม่ซึ่งมีวันหยุดยาว แต่ธนาคารได้ต้องเป้าปล่อยสินเชื่อเดือนละประมาณ 7,000 ล้านบาท หรือทั้งปี 73,500 ล้านบาท โดยจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อยที่สุด อาทิ กลุ่มข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้มั่นคงกว่ากลุ่มอื่น
นอกจากนี้ จะพยายามกระตุ้นให้สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เข้ามาเป็นลูกค้าของธอส.มากที่สุด ซึ่งปัจจุบันธอส.มีลูกค้าสมาชิกกบข. เพียง 20% หรือประมาณ 2.4 แสนราย จากสมาชิกทั้งหมด 1.2 ล้านราย โดยเตรียมออก กบข.-ธอส.รุ่นที่ 6 ในอีก 3 เดือนข้างหน้า โดยจะใช้อัตราดอกเบี้ยปีแรก 3.99% ปีที่ 2 คิด MLR-2.25 หลังจากนั้นคิด MLR-1.25 ตลอดอายุสัญญากู้
ยกระดับคุณภาพที่อยู่อาศัยชุมชน
ล่าสุด เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการพัฒนาคุณภาพด้านที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ให้สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองตามอัตภาพ ธนาคารจึงได้ร่วมกับมูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติ ประเทศไทย จัดทำโครงการ “สนับสนุนสินเชื่อรายย่อยด้านที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง” โดยธนาคารจะสนับสนุนสินเชื่อรายย่อยให้แก่สมาชิกมูลนิธิ ที่ต้องการกู้เพื่อปลูกสร้างบ้านตามแบบมาตรฐานของมูลนิธิ หรือให้กู้เพื่อต่อเติม ขยาย และซ่อมแซมบ้านให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น
โดยธนาคารจะคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามประกาศของธนาคาร ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัวพิเศษของ ธอส.เท่ากับ MRR - 2% ในปีที่ 1 ถึง 3 หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย MRR - 0.50 ตลอดอายุสัญญากู้ (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 7.00%)
ในปีนี้ธนาคารได้กำหนดวงเงินสินเชื่อสำหรับกลุ่มสมาชิกมูลนิธิที่เป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ จำนวนกว่า 2,300 ราย วงเงินประมาณ 200 ล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อสำหรับการสร้างบ้านใหม่ 1,500 ราย วงเงิน 180 ล้านบาท และเป็นสินเชื่อสำหรับการต่อเติม ขยาย และซ่อมแซมบ้าน จำนวน 800 ราย วงเงิน 20 ล้านบาท โดยที่มูลนิธิฯ จะเป็นผู้คัดเลือกครอบครัวเพื่อให้ความช่วยเหลือในการสร้างที่อยู่อาศัยได้อย่างเพียงพอให้กับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง รวมถึงดำเนินการสร้างบ้านราคาถูกให้แก่ผู้กู้ด้วยราคาต้นทุนต่ำ ตลอดจนการควบคุมการชำระหนี้ให้เป็นไปตามสัญญากู้ของธนาคาร
เล็งกดปุ่มลดดบฝาก-กู้
นายขรรค์ กล่าวถึงการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของธอส. หลังจากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (R/P) ลง 0.75% ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การปรับลดดังกล่าวจะส่งผลให้ธนาคารต่างปรับลดดอกเบี้ยลงตาม โดยธอส.เตรียมพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ ส่วนจะลดเท่าใดนั้นจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและต้นทุนการดำเนินงานของธอส.เป็นหลัก รวมถึงจะอิงกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทั้ง 5 แห่ง เพราะการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้จะลดทั้งเงินฝากและเงินกู้
อย่างไรก็ตาม ธอส.จะต้องรีบพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้เร็วที่สุด เพราะหากปรับดลดอกเบี้ยช้าจะทำให้มีเงินฝากไหลเข้ามาจำนวนมาก ต้นทุนการเงินก็จะสูง อย่างไรก็ดี การปรับลดดอกเบี้ยในครั้งนี้จะต้องลดทั้ง 2 ขา คือทั้งเงินฝากและเงินกู้
นอกจากนี้จะต้องพิจารณาให้รอบครอบ เพราะเมื่อลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงรายได้จะลดลงทันที ในขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากบางส่วนที่เป็นเงินฝากระยะยาวประเภท 3, 6, 12 เดือน ธอส.ยังคงจ่ายดอกเบี้ยเท่าเดิมจนกว่าจะหมดอายุแล้วถึงลดดอกเบี้ยได้ ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ค่าใช้จ่ายเรายังสูงอยู่ จึงต้องพิจารณาให้ดีเพื่อดอกเบี้ยที่ออกมาครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยปัจจุบันต้นทุนการเงินของธอส.อยู่ที่ระดับ 3.7% ดังนั้นการปรับลดดอกเบี้ยจะต้องไม่ต่ำกว่า 4%