xs
xsm
sm
md
lg

คลังกดดัน ธอส.อุ้มบ้านเอื้อฯ-โบ้ยรับ"หนี้เน่า"เอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - กระทรวงการคลังปล่อย ธอส.สางปัญหาหนี้เน่าบ้านเอื้ออาทร ระบุกระทรวงมีหน้าที่ให้นโยบาย ส่วนปัญหาปลีกย่อย ธอส.และการเคหะแห่งชาติ ต้องไปดูแลเอง พร้อมรับปากอนุมัติเพิ่มทุนหมื่นล้านบาท หากมีความเหมาะสม
 
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเดินทางตรวจเยี่ยมและรับฟังแนวทางการดำเนินธุรกิจของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) วานนี้ (17 ) ว่า สำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทร เป็นโครงการที่ดีของรัฐบาล ที่ต้องการให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง รวมไปถึงโครงการอื่นๆ ของรัฐบาลที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า อย่างไรก็ตาม โครงการใดมีปัญหาจะต้องแก้ไขจุดที่บกพร่องไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพื่อให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยจะไม่มีการยกเลิก

สำหรับ การปล่อยสินเชื่อตามโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ธอส.ประสบกับปัญหาหนี้เสีย ที่เกิดจากภาระค่าครองชีพของลูกค้า ที่มีรายได้น้อยและปานกลางเพิ่มสูงขึ้น จนปัจจุบันมีหนี้เสียแล้วกว่า 600 ล้านบาท จำนวนลูกค้า 1,632 ราย โดยการเคหะแห่งชาติ(กคช.) จะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนนี้ ในขณะที่รัฐบาลให้วงเงินซื้อคืนแก่การเคหะฯ เพียง 720 ล้านบาทเท่านั้น และคาดว่าจะมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หากดำเนินการตามแผนงานของรัฐบาลธอส.จะต้องปล่อยสินเชื่อแก่บ้านเอื้ออาทรทั้งสิ้น 28,000 ล้านบาท

โดยปัญหาดังกล่าว นายประดิษฐ์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังมีหน้าที่ให้นโยบายหลักแก่ธอส.ในการปฏิบัติตามนโยบายภาครัฐตามที่เห็นสมควรว่าจะมีประโยชน์ต่อประชาชน แต่ในเรื่องของเสียในโครงการบ้านเอื้ออาทร เป็นเรื่องรายละเอียดปลีกย่อย ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะเข้าไปดูแล แต่เป็นหน้าที่ของธอส.ในการแก้ปัญหาและมีหน้าที่พิจารณาปล่อยสินเชื่อไม่ให้เกิดหนี้เสีย ซึ่งลูกค้ารายใดที่เห็นควรแล้วว่าจะเป็นหนี้เสียก็ไม่ควรปล่อยสินเชื่อให้

ล่าสุด ทางกคช.ได้จัดงานมหกรรมที่อยู่อาศัยบ้านเอื้ออาทรเป็นครั้งที่ 1 โดยเปิดให้จองโครงการบ้านเอื้อฯทั้งที่อยู่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลและภูมิภาค รวม 168 โครงการ จำนวน 63,731 หน่วย โดยเปิดให้จองทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มี.ค. นอกจากนี้ ยังได้จัดโปรโมชันพิเศษ เช่น ผู้ซื้อหรือจองสิทธิ์ลุ้นรับค่าตกแต่งเติมบ้าน 5,000 บาท วันละ 5 รางวัล พร้อมของรางวัลอื่นๆ เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น จักรยาน ฯลฯ ขณะเดียวกัน ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการหรือบุคคลที่ต้องการซื้อทั้งอาคาร เพียงชำระ 6,000 บาท สามารถเป็นเจ้าของทันที และผ่อนเริ่มต้นที่ 2,400บาทต่อเดือน

ลุ้นคลังอนุมัติเพิ่มทุนหมื่นล้าน

นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ในส่วนของข้อเสนอของธอส.ที่มี 7-8 ข้อนั้น จะกลับไปพิจารณาอีกประมาณ 30 วัน และจะกลับมาให้คำตอบว่าสามารถทำตามข้อเสนอใดได้บ้าง โดยเฉพาะ การขอเพิ่มทุนจาก 17,000 ล้านบาท เป็น 27,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังจะต้องกลับไปพิจารณาควบคู่ไปกับแผนการดำเนินงานต่างๆ ประกอบเหตุผลว่า เหมาะสมที่จะต้องเพิ่มทุนหรือไม่ ส่วนจะให้ทั้งจำนวนพิจารณาว่าสอดคล้องกับแผนการดำเนินงานหรือไม่

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า จากทุนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ธนาคารฯ สามารถปล่อยสินเชื่อได้ 7 แสนล้านบาท ซึ่งตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สามารถปล่อยได้ 12 เท่า หรือมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(BIS) 8.5% ในขณะที่ธอส.มี 9-10% จากสถานะดังกล่าวธอส.จะต้องเพิ่มทุนนานแล้ว ซึ่งทุนที่เพิ่มขึ้นจะมารองรับการดำเนินงานของธอส.ให้สามารถแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์อื่นๆได้

ทั้งนี้ แนวทางการระดมทุนจากแหล่งเงินต่างๆของธอส. มาจาก 4 ช่องทาง ได้แก่ 1.การระดมเงินฝาก แต่ต้องแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์ในตลาด ที่เป็นธนาคารขนาดใหญ่มีสาขาทั่วประเทศกว่า 600-700 สาขา ขณะที่ธอส.มีเพียง 100 กว่าสาขาเท่านั้น อีกทั้ง การระดมเงินฝากมีความเสี่ยงสูง ในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น เพราะธอส.ปล่อยสินเชื่อบ้านระยะยาว 30 ปี ในขณะที่เงินฝากส่วนใหญ่มีอายุ 5-6 เดือน

2. การออกพันธบัตร โดยกระทรวงการคลัง และต้องออกพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อทดแทนพันธบัตรเก่าที่หมดอายุลงไป 3. ตั๋วเงินฝาก และ 4. การเดินหน้านโยบายการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (securitization ) แต่เนื่องจากปัญหาวิกฤติตลาดสินเชื่อสำหรับผู้กู้ความน่าเชื่อถือต่ำหรือสินเชื่อซับไพรม์ในสหรัฐฯ ได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ทำให้ในช่วง 6-9 เดือนนี้ ทางธอส.ยังไม่สามารถไประดมทุนยังต่างประเทศได้ ดังนั้น จึงมีแผนที่จะขายเฉพาะในประเทศ จากเดิมกำหนดวงเงินขายในประเทศไว้ที่ 17,000 ล้านบาท จากทั้งหมด 40,000 ล้านบาท โดยที่เหลือขายต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม การขายในประเทศนั้นจะต้องรอการพิจารณาจากที่ปรึกษาทางการเงิน ถึงรายละเอียดปลีกย่อย รวมไปถึงวงเงินที่จะทำซีเคียวรีไทเซชั่นอีกด้วยว่า จำนวน 17,000 ล้านบาท จะมีการเปลี่ยนหรือไม่ ส่วนระยะเวลานั้น โดยทั่วๆ ไปจะมีอายุตั้งแต่ 7 ปี 10 ปี และ15 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น