ธนาคารกรุงเทพยอมรับยังไม่ลดดอกเบี้ยในขณะนี้ ชี้กรณีขุนคลังให้ลดส่วนต่างดอกเบี้ยลงอีก "ไม่ง่าย" ครวญปัจจุบันสเปรดต่ำมากแล้ว "โฆสิต" เชื่อมือรัฐบาลมาร์ค หากกระตุ้นเศรษฐกิจจริงจัง จะทำให้จีดีพีปีนี้โตได้ 2% เตือนระมัดระวังในส่วนของโครงการที่เป็นประชานิยม
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) กล่าวถึงแนวคิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ต้องการให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (สเปรด) ลงอีก ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทราบดีว่าผลตอบแทนต่อสินทรัพย์และการลงทุนของธนาคารพาณิชย์ปัจจุบันไม่ได้สูงมากนัก ซึ่งอัตราดอกเบี้ยเป็นเพียงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง แต่ดอกเบี้ยที่แท้จริงที่คิดให้กับลูกค้านั้นก็ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของลูกค้าและระยะเวลาการกู้ของลูกค้า ซึ่งแต่ละรายก็ไม่เหมือนกัน และอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นก็มีสเปรดไม่มาก
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 3 เดือน ขณะนี้อยู่ที่ 1.5% ถือว่าต่ำแล้ว ดังนั้นการจะลดดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากเป็นเรื่องตัดสินใจลำบาก รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ก็ตัดสินใจยาก
ทั้งนี้ ในปี 2552 ธนาคารตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ากลุ่มเกษตรจำนวน 2.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายเท่ากับปี 2551 ที่ผ่านมา แม้ว่าในปีนี้ราคาสินค้าเกษตรจะลดต่ำลงเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ธนาคารก็ยังยืนยันที่จะสนับสนุนสินเชื่อเกษตรเพราะเชื่อว่าในอนาคตภาคการเกษตรของไทยจะสามารถเป็นผู้นำด้านการเกษตรเขตร้อนได้
"ล่าสุดธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อในโครงการเกษตรก้าวหน้าไปแล้ว 1.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็นยอดสินเชื่อคงค้าง 7,000 ล้านบาท โดยมีหนี้เสียเพียง 2-3% เท่านั้น"
ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ มั่นใจว่า หากรัฐบาลดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจเต็มเพดานตามงบประมาณที่กำหนดจะทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2552 ขยายตัวได้ 2% ซึ่งมองว่าการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะต้องมีความระมัดระวังในส่วนของโครงการที่เป็นประชานิยม เพื่อไม่ให้ประชาชนเสพติดนโยบายประชานิยม
"รัฐบาลจะต้องดูว่าจะทำอย่างไร เพราะหากประชาชนเสพย์ติดแล้วก็จะเป็นอันตราย เพราะเป็นปรปักษ์ต่อความต้องการช่วยตนเองของประชาชนและเป็นปรปักษ์ต่อวินัยการคลัง แต่มองว่ารัฐบาลเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่ถ้าหากดำเนินการโดยไม่ส่งผลกระทบทั้งสองด้านก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง" นายโฆสิตกล่าว
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) กล่าวถึงแนวคิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ต้องการให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (สเปรด) ลงอีก ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทราบดีว่าผลตอบแทนต่อสินทรัพย์และการลงทุนของธนาคารพาณิชย์ปัจจุบันไม่ได้สูงมากนัก ซึ่งอัตราดอกเบี้ยเป็นเพียงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง แต่ดอกเบี้ยที่แท้จริงที่คิดให้กับลูกค้านั้นก็ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของลูกค้าและระยะเวลาการกู้ของลูกค้า ซึ่งแต่ละรายก็ไม่เหมือนกัน และอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นก็มีสเปรดไม่มาก
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 3 เดือน ขณะนี้อยู่ที่ 1.5% ถือว่าต่ำแล้ว ดังนั้นการจะลดดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากเป็นเรื่องตัดสินใจลำบาก รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ก็ตัดสินใจยาก
ทั้งนี้ ในปี 2552 ธนาคารตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ากลุ่มเกษตรจำนวน 2.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายเท่ากับปี 2551 ที่ผ่านมา แม้ว่าในปีนี้ราคาสินค้าเกษตรจะลดต่ำลงเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ธนาคารก็ยังยืนยันที่จะสนับสนุนสินเชื่อเกษตรเพราะเชื่อว่าในอนาคตภาคการเกษตรของไทยจะสามารถเป็นผู้นำด้านการเกษตรเขตร้อนได้
"ล่าสุดธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อในโครงการเกษตรก้าวหน้าไปแล้ว 1.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็นยอดสินเชื่อคงค้าง 7,000 ล้านบาท โดยมีหนี้เสียเพียง 2-3% เท่านั้น"
ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ มั่นใจว่า หากรัฐบาลดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจเต็มเพดานตามงบประมาณที่กำหนดจะทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2552 ขยายตัวได้ 2% ซึ่งมองว่าการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะต้องมีความระมัดระวังในส่วนของโครงการที่เป็นประชานิยม เพื่อไม่ให้ประชาชนเสพติดนโยบายประชานิยม
"รัฐบาลจะต้องดูว่าจะทำอย่างไร เพราะหากประชาชนเสพย์ติดแล้วก็จะเป็นอันตราย เพราะเป็นปรปักษ์ต่อความต้องการช่วยตนเองของประชาชนและเป็นปรปักษ์ต่อวินัยการคลัง แต่มองว่ารัฐบาลเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่ถ้าหากดำเนินการโดยไม่ส่งผลกระทบทั้งสองด้านก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง" นายโฆสิตกล่าว