เอเอฟพี – เศรษฐกิจสหรัฐฯน่าจะถดถอยยาวไปในปี 2009 ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อยในปี 2010 ทั้งนี้ ตามรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางในเดือนที่แล้ว ซึ่งมีการตัดสินใจลดดอกเบี้ยจนสู่ระดับต่ำสุดๆ เป็นประวัติการณ์
รายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เอฟโอเอ็มซี) วันที่ 15 – 16 ธันวาคม ซึ่งมีการนำออกเผยแพร่ในวันอังคาร(6) ชี้ว่าการลงมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 0 – 0.25% ในคราวนี้ เป็นสิ่งที่สมาชิกทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันเป็นเอกฉันท์ อีกทั้งแสดงให้เห็นด้วยว่า บรรดาผู้นำของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)เหล่านี้ ได้รับรายงานคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจจากทีมงานของเฟด ซึ่งให้ภาพที่ย่ำแย่มืดมน
ในรายงานดังกล่าวนั้นบ่งบอกว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจ “จะดูเหมือนว่าอ่อนตัวอย่างสำคัญในไตรมาสสี่ของปี 2008”
“ทีมงานได้ปรับลดการคาดการณ์กิจกรรมทางเศรษฐกิจในปี 2009 ลงไปอย่างมาก แต่ก็ยังคงคาดไว้เหมือนเดิมว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวพอประมาณในปี 2010” รายงานการประชุมระบุ
ข้อมูลที่มีการนำมาต่อภาพภาวะเศรษฐกิจ แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอยลงในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นตลาดแรงงาน, กำลังซื้อของผู้บริโภครวมทั้งการจับจ่ายใช้สอยของบริษัทต่าง ๆ, ความมั่งคั่งในตลาดหลักทรัพย์ และภาวะสินเชื่อที่ตึงตัว
ในรายงานยังได้กล่าวด้วยว่า ตลาดที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นต้นกำเนิดของวิกฤตคราวนี้นั้น “คาดว่าจะหดตัวต่อไปอีก”
นอกจากนี้ “ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ(จีดีพี)ที่แท้จริงก็คาดว่าจะดิ่งลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2009 มากกว่าที่ได้เคยคาดไว้เดิม ก่อนหน้าที่จะฟื้นตัวอย่างช้า ๆในช่วงที่เหลือของปี” โดยที่ปี 2009 ในภาพรวมแล้ว จีดีพีที่แท้จริงน่าจะลดต่ำลง และจะไปค่อยๆ ขยับขึ้นจนอยู่ในอัตราที่มีการเติบโตในปี 2010
การประชุมของเอ็มโอเอ็มซีคราวนี้ นอกจากได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย เฟดเดอรัล ฟันด์ส เรตจาก 1% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำเตี้ยอยู่แล้ว ให้ลงไปอยู่ที่ระหว่าง 0- 0.25% เฟดยังแถลงด้วยว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำนี้อาจจะอยู่ไปอีกระยะหนึ่ง
บรรดาสมาชิกเอฟโอเอ็มซียอมรับว่า เมื่ออัตราดอกเบี้ยอยูที่เกือบเป็น 0% เช่นนี้ กลไกลดอัตราดอกเบี้ยก็จะไม่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป ดังนั้นเฟด “จะต้องเน้นที่กลไกอื่น ๆเพื่อใช้เป็นเครื่องมือการเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตต่อไปในระยะเวลาอันใกล้นี้” รายงานการประชุมบอก
รายงานการประชุมยังระบุอีกว่า “การสื่อสารออกมาให้ทราบกันถึงความคาดหมายของคณะกรรมการที่ว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นน่าจะต้องอยู่ในระดับต่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอีกสักระยะหนึ่งนั้น น่าจะเป็นประโยชน์”
ในรายงานกล่าวว่า เฟดจะยังคงมีท่าทีเชิงรุกเกี่ยวกับงบดุลของตน --ซึ่งก็หมายถึงเดินหน้าเพิ่มปริมาณเงินต่อไป เพื่อนำไปซื้อสินทรัพย์ที่มีปัญหา ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะช่วยให้เกิดสภาพคล่องและกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
“มันเป็นไปได้ว่า ในระหว่างช่วงความผันผวนทางด้านการเงินนี้ ขนาดปริมาณงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯนั้น จำเป็นจะต้องรักษาเอาไว้ให้อยู่ในระดับสูง” รายงานชี้
กิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯนั้นได้หดตัวลงไปในราว 0.5% ในช่วงไตรมาสที่สาม ทว่านักเศรษฐศาสตร์ไม่น้อยคาดว่าในไตรมาสสี่ เศรษฐกิจจะยิ่งหดตัวแรงในอัตราถึง 6.0% และก็จะดิ่งลงไปอีกในปี 2009
ตามรายงานการประชุมคราวนี้ ได้มีการระบุไว้เช่นกันว่า “ในช่วงระหว่างการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์และทิศทางแนวโน้มทางเศรษฐกิจ บรรดาผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าเศรษฐกิจขาลงได้ขยายความรุนแรงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง”
“ข้อมูลที่ได้มีการพิจารณากันในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ได้ชี้ไปที่การหดตัวอย่างมีนัยสำคัญในกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่”
กระนั้นก็ตามที รายงานชี้ ว่าบรรดาผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ต่างก็คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเริ่มกระเตื้องขึ้นอย่างช้า ๆในช่วงครึ่งหลังของปี 2009 ด้วยการหนุนส่งของนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และแผนกระตุ้นทางด้านการคลังที่กำลังรอให้ประกาศออกมา
“ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นพ้องกันอย่างกว้างๆ ว่า ความไม่แน่นอนในภาพรวมของทิศทางอนาคตนั้นปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด และความเสี่ยงที่จะติดลบไปอีกจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ย่ำแย่อยู่แล้วก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก”
มีข้อมูลบางอย่างชี้ให้เห็นถึง “ความเป็นไปได้ที่จะเกิดการหดตัวที่ยาวนาน แม้ว่าจะยังไม่เห็นว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตก็ตาม”
อนึ่ง ในการประเมินเศรษฐกิจเมื่อเดือนพฤศจิกายน เฟดได้ยอมรับว่ามีความเสี่ยงแห่งการถดถอยในปี 2009 แต่ก็กล่าวว่าจีดีพีน่าจะอยู่ระหว่าง –0.2% ไปจนถึง +1.1%
รายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เอฟโอเอ็มซี) วันที่ 15 – 16 ธันวาคม ซึ่งมีการนำออกเผยแพร่ในวันอังคาร(6) ชี้ว่าการลงมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 0 – 0.25% ในคราวนี้ เป็นสิ่งที่สมาชิกทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันเป็นเอกฉันท์ อีกทั้งแสดงให้เห็นด้วยว่า บรรดาผู้นำของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)เหล่านี้ ได้รับรายงานคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจจากทีมงานของเฟด ซึ่งให้ภาพที่ย่ำแย่มืดมน
ในรายงานดังกล่าวนั้นบ่งบอกว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจ “จะดูเหมือนว่าอ่อนตัวอย่างสำคัญในไตรมาสสี่ของปี 2008”
“ทีมงานได้ปรับลดการคาดการณ์กิจกรรมทางเศรษฐกิจในปี 2009 ลงไปอย่างมาก แต่ก็ยังคงคาดไว้เหมือนเดิมว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวพอประมาณในปี 2010” รายงานการประชุมระบุ
ข้อมูลที่มีการนำมาต่อภาพภาวะเศรษฐกิจ แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอยลงในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นตลาดแรงงาน, กำลังซื้อของผู้บริโภครวมทั้งการจับจ่ายใช้สอยของบริษัทต่าง ๆ, ความมั่งคั่งในตลาดหลักทรัพย์ และภาวะสินเชื่อที่ตึงตัว
ในรายงานยังได้กล่าวด้วยว่า ตลาดที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นต้นกำเนิดของวิกฤตคราวนี้นั้น “คาดว่าจะหดตัวต่อไปอีก”
นอกจากนี้ “ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ(จีดีพี)ที่แท้จริงก็คาดว่าจะดิ่งลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2009 มากกว่าที่ได้เคยคาดไว้เดิม ก่อนหน้าที่จะฟื้นตัวอย่างช้า ๆในช่วงที่เหลือของปี” โดยที่ปี 2009 ในภาพรวมแล้ว จีดีพีที่แท้จริงน่าจะลดต่ำลง และจะไปค่อยๆ ขยับขึ้นจนอยู่ในอัตราที่มีการเติบโตในปี 2010
การประชุมของเอ็มโอเอ็มซีคราวนี้ นอกจากได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย เฟดเดอรัล ฟันด์ส เรตจาก 1% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำเตี้ยอยู่แล้ว ให้ลงไปอยู่ที่ระหว่าง 0- 0.25% เฟดยังแถลงด้วยว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำนี้อาจจะอยู่ไปอีกระยะหนึ่ง
บรรดาสมาชิกเอฟโอเอ็มซียอมรับว่า เมื่ออัตราดอกเบี้ยอยูที่เกือบเป็น 0% เช่นนี้ กลไกลดอัตราดอกเบี้ยก็จะไม่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป ดังนั้นเฟด “จะต้องเน้นที่กลไกอื่น ๆเพื่อใช้เป็นเครื่องมือการเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตต่อไปในระยะเวลาอันใกล้นี้” รายงานการประชุมบอก
รายงานการประชุมยังระบุอีกว่า “การสื่อสารออกมาให้ทราบกันถึงความคาดหมายของคณะกรรมการที่ว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นน่าจะต้องอยู่ในระดับต่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอีกสักระยะหนึ่งนั้น น่าจะเป็นประโยชน์”
ในรายงานกล่าวว่า เฟดจะยังคงมีท่าทีเชิงรุกเกี่ยวกับงบดุลของตน --ซึ่งก็หมายถึงเดินหน้าเพิ่มปริมาณเงินต่อไป เพื่อนำไปซื้อสินทรัพย์ที่มีปัญหา ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะช่วยให้เกิดสภาพคล่องและกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
“มันเป็นไปได้ว่า ในระหว่างช่วงความผันผวนทางด้านการเงินนี้ ขนาดปริมาณงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯนั้น จำเป็นจะต้องรักษาเอาไว้ให้อยู่ในระดับสูง” รายงานชี้
กิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯนั้นได้หดตัวลงไปในราว 0.5% ในช่วงไตรมาสที่สาม ทว่านักเศรษฐศาสตร์ไม่น้อยคาดว่าในไตรมาสสี่ เศรษฐกิจจะยิ่งหดตัวแรงในอัตราถึง 6.0% และก็จะดิ่งลงไปอีกในปี 2009
ตามรายงานการประชุมคราวนี้ ได้มีการระบุไว้เช่นกันว่า “ในช่วงระหว่างการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์และทิศทางแนวโน้มทางเศรษฐกิจ บรรดาผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าเศรษฐกิจขาลงได้ขยายความรุนแรงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง”
“ข้อมูลที่ได้มีการพิจารณากันในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ได้ชี้ไปที่การหดตัวอย่างมีนัยสำคัญในกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่”
กระนั้นก็ตามที รายงานชี้ ว่าบรรดาผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ต่างก็คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเริ่มกระเตื้องขึ้นอย่างช้า ๆในช่วงครึ่งหลังของปี 2009 ด้วยการหนุนส่งของนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และแผนกระตุ้นทางด้านการคลังที่กำลังรอให้ประกาศออกมา
“ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นพ้องกันอย่างกว้างๆ ว่า ความไม่แน่นอนในภาพรวมของทิศทางอนาคตนั้นปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด และความเสี่ยงที่จะติดลบไปอีกจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ย่ำแย่อยู่แล้วก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก”
มีข้อมูลบางอย่างชี้ให้เห็นถึง “ความเป็นไปได้ที่จะเกิดการหดตัวที่ยาวนาน แม้ว่าจะยังไม่เห็นว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตก็ตาม”
อนึ่ง ในการประเมินเศรษฐกิจเมื่อเดือนพฤศจิกายน เฟดได้ยอมรับว่ามีความเสี่ยงแห่งการถดถอยในปี 2009 แต่ก็กล่าวว่าจีดีพีน่าจะอยู่ระหว่าง –0.2% ไปจนถึง +1.1%
