นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ กล่าวถึง แจกเอกสารสิทธิที่ทำกินในพื้นที่ปฏิรูปที่ดิน หรือ สปก.4-01ว่า การแก้ปัญหาที่ทำกินก็เป็นปัญหาใหญ่ แล้วต้องเดินต่อ รูปแบบการปฏิรูปที่ดิน ถ้าทำตามกฎหมาย ก็เป็นประโยชน์มาก เพียงแต่อาจจะมีแนวทางอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เหมือนเรื่องโฉนดชุมชม แต่ในกรณีอื่นๆก็เป็นอันตรายมากกว่า เพราะสปก.หลักเกณฑ์ตามกฎหมายต้องใช้ในการเกษตร ห้ามโอน ขาย ซึ่งเป็นข้อดี ส่วนความผิดพลาดในอดีตก็ต้องแก้ไข เพราะมีบทเรียนและมีบรรทัดฐาน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจอย่างไรว่าเรื่องสปก.จะไม่มีช่องว่าง นายอภสิทธิ์ กล่าวว่า เขาต้องไปเสนอเกณฑ์มาว่ารอบนี้จะทำอย่างไร ก็จะต้องดูให้รัดกุม ส่วนที่ยังมีข้อเป็นห่วงว่านายทุนจะฮุบแทนประชาชนที่เป็นเกษตรกรรายได้นั้น สภาพพื้นที่ ที่มีการประกาศเขตก็มีการบุกรุกกันอยู่แล้ว ทั้งโดยราษฏรรายได้น้อยและนายทุนด้วย ฉะนั้นต้องไปแยกแยะกันให้ดีว่าจะดำเนินการอย่างไร อย่างไรก็ตามถ้าพื้นที่ไหน ทำโฉนดชุมชนได้ก็อยากทำ เพราะโฉนดชุมชนไม่ได้ให้สิทธิ์ตัวบุคคล เป็นการให้กับกลุ่มองค์กรชุมชน และไปกำกับดูแลกันเอง
ถ้าเราปล่อยสภาพที่ทำกินอย่างที่เป็นอยู่ เรียนตรงๆ นายทุนก็ได้ประโยชน์เยอะ แต่เราเข้าไปจัดให้มีระบบ และต้องการให้หลักประกันกับเกษตรกร ที่จริงมีคนพยายามเสนอให้โฉนดด้วยซ้ำ แต่ที่เรากำลังวลเรื่องการขายต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการกำชับรัฐมนตรีที่ผ่านมามันมีช่องว่างให้แสวงหาผลประโยชน์จากตรงนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นโครงการหรือข้อเสนอที่ทำมาเลย เป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรฯ เมื่อถามว่าถ้าเทียบเรื่องนี้กับการแปลงทรัพย์สินเป็นทุนมีความแตกต่างกันอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แปลงทรัพย์สินเป็นทุน ในที่สุดเดินได้ค่อนข้างน้อย หลักคิดเรื่องนี้เริ่มต้นมามันไม่ใช่ลักษณะทรัพย์สิน ที่เป็นที่ของสาธารณะ เพราะถ้าเป็นที่สาธารณะจะมีปัญหามาก
มาร์คให้ยึดคำวินิจฉัยศาลแจกสปก.
ส่วน สปก.ที่อยู่กับนายทุนมีอยู่เท่าไหร่ที่ต้องเอาคืนนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าตรวจสอบว่ามันขัดกับเงื่อนไขตามกฎหมาย ก็ต้องเอาคืน จริงๆ ขณะนี้มีการดำเนินการกันมาเป็น 10 กว่าปี หลังจากเกิดเหตุสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย และมีการดำนเนินคดีเป็นระยะ บางคดีศาลพิพากษาว่าต้องคืน บางคดีก็พิพากษาว่า มีสิทธิ์รับไป ก็ว่าไปตามกระบวนการ
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยรัฐบาลนายชวน ท่านมีจุดยืนที่จะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องแก้ไข และมีความรับผิดชอบ แต่มันต้องดูเหตุการณ์ก่อน สมมติว่ามันเกิดความผิดพลาดขึ้น ต้องดูว่าเกิดขึ้นโดยใคร เงื่อนไขคืออะไร ถ้าจะพูดลักษณะรวมๆ คงไม่ได้
ผมคิดว่าเราอย่ามองในแง่ลบ ไม่อย่างนั้นนโยบายเรื่องที่ทำกินเดินยากมาก นายอภสิทธิ์กล่าวและว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากเดิมนั้นเนื่องจาก เข้าใจข้อกฎหมายไม่ตรงกัน วันนี้กฎหมายไม่มีปัญหาแล้ว เพราะมีคำวินิจฉัยของศาล และของคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นบรรทัดฐานแล้ว ก็ยึดตามนั้น ส่วนใครปฏิบัตินอกแนวทางก็ต้องมีความผิด
ปัดแลกสปก.กับรถเมล์เอ็นจีวี
ส่วนที่ฝ่ายค้านโจมตีว่ารัฐบาลแแลกกับเรื่องรถเมล์เอ็นจีวี กับเรื่องสปก. นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีแลก เรี่องรถเมล์กระทรวงกำลังทบทวนและฟังเสียงอยู่ เรื่องที่มีการเรียกร้องให้ประกอบในประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีเรื่องเสนอโครงการถนนไร้ฝุ่น ให้กระทรวงการคลังไปหาเงิน มาจะมีการแลกในส่วนนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีเรื่องแลก โครงการไร้ฝุ่น เป็นนโยบายรัฐบาล ไม่ใช่นโยบายของกลุ่มพรรคใหม่ เพียงแต่งบกลางปี เป็นงบที่ต้องเร่งออกมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ได้บอกโครงการนี้ไม่ดี โครงการนี้ดี ต้องหาทางเดินต่อ ถ้ากระทรวงคลังจัดหาเงินมาได้ก็ดี ถ้าไม่ได้ก็ว่าในงบประมาณในปีหน้าอยู่แล้ว ยังไงอยู่ในโครงการที่เราอยากจะทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการบีบหรือไม่เพราะมีการเสนอยอดเงินจำนวน 13,500 ล้านบาท แล้วให้กระทรวงการคลังหาเงินมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จริงๆ ตัวเลขมันล็อกด้วยจำนวนกิโลเมตรของถนนที่ยังไม่ได้ทำ ซึ่งมันมีตัวเลขของมันอยู่แล้ว เมื่อถามว่า คิดว่าเป็นการกดดันรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่วว่า ไม่คิดว่า เป็นการทำงานร่วมกัน และในการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบต่อไป จะเป็นลักษณะโครงการแบบนี้มากขึ้น ในส่วนคลังต้องพิจาราณาว่าแหล่งเงินไหนเหมาะสมที่สุด
ชี้ถนนไร้ฝุนเป็นนโยบายปชป.ด้วย
ส่วนทำไมรัฐบาลยอมข้อเสนอของพรรคร่วมตลอดนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ครับ ถ้าเขาเสนอโครงการที่ไม่เป็นประโยชน์คงไม่ยอมหรอก แต่นี่เป็นนโยบาย ของผมด้วย เป็นนโยบายที่ต้องทำอยู่แล้ว ทำไมเราไปติดใจว่าใครเป็นคนเสนอ ในเมื่อนโยบายเป็นนโยบายของรัฐบาล จริงๆ นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ก็มีอยู่แล้วเรื่องถนนไร้ฝุ่น
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะทำอย่างไรรัฐบาลชุดนี้อยู่ได้โดยไม่มีผลประโยชน์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนย้ำว่าถนนไร้ฝุ่นเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ของประชาชน แต่ถ้ามีปัญหาเรื่อวงความไม่โปร่งใส ก็ต้องไปตรวจสอบไม่ให้เกิดขึ้น ขอย้ำว่า ไม่มีการยอมให้ทำการโครงการที่ไม่เป็นประโยชน์ และไม่ใช่นโยบาย แต่นี่เป็นนโยบาย แต่มีทรัพยากรจำกัดในการจัดสรรงบประมาณ พูดคุยก็เข้าใจกัน ตนอยากทำโครงการนี้ แต่จังหวะเวลาและของงกลางปีไม่เอื้อ ก็ต้องหาช่องทางอื่น
ปูดเพื่อนเนวินถูกกดดันจากผู้ที่จะได้งาน
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่ารัฐมนตรีกลุ่มเพื่อนเนวินจะทราบข้อจำกัดที่มีอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็พูดคุยด้วยเหตุด้วยผล ที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไร ดูจะเข้าใจ กันดี รมว.คมนาคมร่วมประชุมกับตนเกือบทุกวัน เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ก็ไปใต้ด้วยกัน
ผู้สื่อข่าวบอกว่านอกรอบก็แสดงความไม่พอใจผ่านสื่อ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่ามันมีแรงกดดัน เพราะโครงการนี้เคยบรรจุอยู่ในงบกลางปีของรัฐบาลชุดก่อน เขาก็มีความกดดันของคนที่คาดว่าว่าจะได้โครงการนี้ ก็ต้องเห็นใจเขา แต่พูดคุยด้วย เหตุผลแล้ว มันไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นเรื่องของประสิทธิภาพการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต่อไปต้องทำแน่
กมธ.ที่ดินฯหนุนแจกสปก.
นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ และรองประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านโจมตีรัฐบาล เรื่อง สปก.ว่าขอให้รัฐบาลเดินหน้าแก้วิกฤติปัญหาที่ดินทำกินซึ่งเป็นปัญหาที่สะสมมาเป็นเวลายาวนานอย่างจริงจังและรวดเร็ว ให้รับฟังฝ่ายค้านเพื่อเป็นข้อมูลในการ ปฏิบัติแต่อย่าได้ยุตินโยบายดังกล่าวเพราะรัฐบาลชุดนี้มีนโยบายและแนวทางในการแก้ปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนที่ชัดเจนที่สุดกว่า 2-3 รัฐบาลที่ผ่านมา เช่น มีนโยบาย ให้เร่งจัดทำแนวเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยจัดแบ่งประเภทที่ดินของรัฐและเอกชนให้ชัดเจน โดยขอให้ใช้ทุกวิธี ทุกมาตรการ เช่น สทก. ,สปก. เร่งออกโฉนด นส. 3. โดยให้ยึดหลักว่าต้องออกเอกสารสิทธิ์ทุกแปลง ที่เอกชนครอบครองโดยชอบ
ส่วนพื้นที่ที่ให้ สปก.ไปแล้วต้องตรวจสอบว่าได้ดำเนินการตามเงื่อนไขหรือไม่ หากไม่ดำเนินการก็ให้ใช้กฎหมายดำเนินการโดยเคร่งครัด ตลอดจนให้เร่งรัดให้ สปก.ในพื้นที่ที่รับมอบจากกรมป่าไม้มาแล้ว โดยเร็ว และส่วนที่เป็นป่าที่สมบูรณ์ ก็ให้รีบส่งคืนกรมป่าไม้เพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์ต่อไป
สปก.เป็นมาตรการที่ดีมาตรการหนึ่งในการแก้ปัญหาที่ดินแต่การดำเนินการ ในอดีตมีปัญหาในระดับปฏิบัติบ้างในเรื่องการพิสูจน์การใช้ประโยชน์เพราะขาดเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่มีความเที่ยงตรง เช่น ภาพถ่ายทางอากาศ ภาพถ่ายดาวเทียม และ จีพีเอส แต่ระดับนโยบายไม่เคยผิดพลาด และหาก สปก. ไม่ดีตามที่ฝ่ายค้านอ้าง ทำไมถึงมีนโยบายด้านนี้ในทุกรัฐบาลไม่เว้นรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และไม่พบว่ารัฐบาลชุดดังกล่าวคิดจะยุบหน่วยงาน สปก.แต่อย่างใด กลับเดินหน้าปฏิรูปเรื่อยมา และเห็นว่า สปก.เป็นนโยบายที่ไม่ทำให้ที่ดินตกไปอยู่ในมือของนายทุนเหมือน นโยบา ยแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของ 2-3 รัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
พท.โวมีหลักฐานคนในรัฐบาลจ่อทุจริต
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลมีนโยบายการจัดสรรที่ดินทำกิน สปก.4-01 นั้นหากมีการแจกถึงมือพี่น้องประชาชนถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ขณะนี้ได้รับข้อมูลจากผู้หวังดีทำให้ทราบว่า 4 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา ภูเก็ต มีการครอบครองที่ดินโดยคนในพรรครัฐบาลไว้แล้ว โดยมีตัวแทนหรือนอมินีไปถือครองที่ดินจำนวนหลายแสนไร่ หากมีการแจกจริงจะทำอย่างไรซึ่งเราเตรียมเรื่องนี้ไว้อภิปรายในสภา หวังว่าฝันร้ายในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย จะไม่เป็นฝันร้ายในสมัยรัฐบาลนาย อภิสิทธิ์ ซึ่งจะเป็นหรือไม่ต้องติดตามกันต่อไป โดยที่ดิน ในจ.สุราษฎร์ธานีรอยต่อ จ.อื่นๆ มีของบริษัทศรีสุบรรณฟาร์ม รวมอยู่ด้วย ซึ่งตรงนี้เรามีข้อมูลครบหมดแล้วรอเพียงให้เขาแจกเราก็จะดำเนินการทันที
นายกมล บันไดเพชร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยโดนปรามาสว่าค้านไม่เป็น นับจากนี้จะติดตามตรวจสอบรัฐบาลทุกเรื่องซึ่งตนได้รับมอบหมายให้ติดตามเรื่อง ที่ดินสปก.4-01 ทั้งนี้นโยบายปฏิรูปที่ดินถือเป็นเรื่องที่ดีซึ่งขณะนี้ยังเร็วไปหากจะวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ รวมทั้งไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการซื้อ ที่ดินเอกชน1แสนไร่ เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชน
จี้แก้ที่ดินทับซ้อนของสปก.ก่อน
นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่อง สปก.4-01 สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเอาเงินไปซื้อที่ดิน เอกชนแล้วนำมา แจกจ่ายประชาชน ไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะเรื่องนี้ไม่ต้องเป็นถึงรัฐบาล ใครก็ทำได้ ไปซื้อที่มาแจก อยากให้รัฐบาลไปแก้ไขปัญหา ที่ต้องรีเชฟ (พื้นที่ทับซ้อนระหว่างหน่วยงานอื่นกับ สปก.) ในปัจจุบันกว่า 3ล้านไร่ที่ยังไม่แล้วเสร็จ ก่อนเพราะยังไม่ได้รับการแก้ไข เรื่อง สปก.4-01 เราไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยนำที่ดิน ไปแจกจ่ายให้คนรวย ส่วนท่าทีของนักการเมืองกลุ่ม16 ปัจจุบันไปร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์กลับไม่ดำเนินการตรวจสอบเหมือนในอดีตนั้น อาจมีบางอย่าง ปกปิด ปิดบังไว้หรือจะมีอะไรลับลวงพรางกันหรือไม่ ไม่ทราบ ทำให้มองข้ามไป
แต่ทราบมาว่าตอนนี้กลุ่มอะไรไม่รู้กำลังไม่พอใจ มีควันออกหูด้วย เรื่องอะไรไม่รู้ที่ขอไป 3 หมื่นล้านบาทแต่ได้มาแค่ 1.5พันล้านบาท เห็นว่าไม่พอใจอย่างมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจอย่างไรว่าเรื่องสปก.จะไม่มีช่องว่าง นายอภสิทธิ์ กล่าวว่า เขาต้องไปเสนอเกณฑ์มาว่ารอบนี้จะทำอย่างไร ก็จะต้องดูให้รัดกุม ส่วนที่ยังมีข้อเป็นห่วงว่านายทุนจะฮุบแทนประชาชนที่เป็นเกษตรกรรายได้นั้น สภาพพื้นที่ ที่มีการประกาศเขตก็มีการบุกรุกกันอยู่แล้ว ทั้งโดยราษฏรรายได้น้อยและนายทุนด้วย ฉะนั้นต้องไปแยกแยะกันให้ดีว่าจะดำเนินการอย่างไร อย่างไรก็ตามถ้าพื้นที่ไหน ทำโฉนดชุมชนได้ก็อยากทำ เพราะโฉนดชุมชนไม่ได้ให้สิทธิ์ตัวบุคคล เป็นการให้กับกลุ่มองค์กรชุมชน และไปกำกับดูแลกันเอง
ถ้าเราปล่อยสภาพที่ทำกินอย่างที่เป็นอยู่ เรียนตรงๆ นายทุนก็ได้ประโยชน์เยอะ แต่เราเข้าไปจัดให้มีระบบ และต้องการให้หลักประกันกับเกษตรกร ที่จริงมีคนพยายามเสนอให้โฉนดด้วยซ้ำ แต่ที่เรากำลังวลเรื่องการขายต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการกำชับรัฐมนตรีที่ผ่านมามันมีช่องว่างให้แสวงหาผลประโยชน์จากตรงนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นโครงการหรือข้อเสนอที่ทำมาเลย เป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรฯ เมื่อถามว่าถ้าเทียบเรื่องนี้กับการแปลงทรัพย์สินเป็นทุนมีความแตกต่างกันอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แปลงทรัพย์สินเป็นทุน ในที่สุดเดินได้ค่อนข้างน้อย หลักคิดเรื่องนี้เริ่มต้นมามันไม่ใช่ลักษณะทรัพย์สิน ที่เป็นที่ของสาธารณะ เพราะถ้าเป็นที่สาธารณะจะมีปัญหามาก
มาร์คให้ยึดคำวินิจฉัยศาลแจกสปก.
ส่วน สปก.ที่อยู่กับนายทุนมีอยู่เท่าไหร่ที่ต้องเอาคืนนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าตรวจสอบว่ามันขัดกับเงื่อนไขตามกฎหมาย ก็ต้องเอาคืน จริงๆ ขณะนี้มีการดำเนินการกันมาเป็น 10 กว่าปี หลังจากเกิดเหตุสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย และมีการดำนเนินคดีเป็นระยะ บางคดีศาลพิพากษาว่าต้องคืน บางคดีก็พิพากษาว่า มีสิทธิ์รับไป ก็ว่าไปตามกระบวนการ
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยรัฐบาลนายชวน ท่านมีจุดยืนที่จะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องแก้ไข และมีความรับผิดชอบ แต่มันต้องดูเหตุการณ์ก่อน สมมติว่ามันเกิดความผิดพลาดขึ้น ต้องดูว่าเกิดขึ้นโดยใคร เงื่อนไขคืออะไร ถ้าจะพูดลักษณะรวมๆ คงไม่ได้
ผมคิดว่าเราอย่ามองในแง่ลบ ไม่อย่างนั้นนโยบายเรื่องที่ทำกินเดินยากมาก นายอภสิทธิ์กล่าวและว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากเดิมนั้นเนื่องจาก เข้าใจข้อกฎหมายไม่ตรงกัน วันนี้กฎหมายไม่มีปัญหาแล้ว เพราะมีคำวินิจฉัยของศาล และของคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นบรรทัดฐานแล้ว ก็ยึดตามนั้น ส่วนใครปฏิบัตินอกแนวทางก็ต้องมีความผิด
ปัดแลกสปก.กับรถเมล์เอ็นจีวี
ส่วนที่ฝ่ายค้านโจมตีว่ารัฐบาลแแลกกับเรื่องรถเมล์เอ็นจีวี กับเรื่องสปก. นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีแลก เรี่องรถเมล์กระทรวงกำลังทบทวนและฟังเสียงอยู่ เรื่องที่มีการเรียกร้องให้ประกอบในประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีเรื่องเสนอโครงการถนนไร้ฝุ่น ให้กระทรวงการคลังไปหาเงิน มาจะมีการแลกในส่วนนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีเรื่องแลก โครงการไร้ฝุ่น เป็นนโยบายรัฐบาล ไม่ใช่นโยบายของกลุ่มพรรคใหม่ เพียงแต่งบกลางปี เป็นงบที่ต้องเร่งออกมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ได้บอกโครงการนี้ไม่ดี โครงการนี้ดี ต้องหาทางเดินต่อ ถ้ากระทรวงคลังจัดหาเงินมาได้ก็ดี ถ้าไม่ได้ก็ว่าในงบประมาณในปีหน้าอยู่แล้ว ยังไงอยู่ในโครงการที่เราอยากจะทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการบีบหรือไม่เพราะมีการเสนอยอดเงินจำนวน 13,500 ล้านบาท แล้วให้กระทรวงการคลังหาเงินมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จริงๆ ตัวเลขมันล็อกด้วยจำนวนกิโลเมตรของถนนที่ยังไม่ได้ทำ ซึ่งมันมีตัวเลขของมันอยู่แล้ว เมื่อถามว่า คิดว่าเป็นการกดดันรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่วว่า ไม่คิดว่า เป็นการทำงานร่วมกัน และในการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบต่อไป จะเป็นลักษณะโครงการแบบนี้มากขึ้น ในส่วนคลังต้องพิจาราณาว่าแหล่งเงินไหนเหมาะสมที่สุด
ชี้ถนนไร้ฝุนเป็นนโยบายปชป.ด้วย
ส่วนทำไมรัฐบาลยอมข้อเสนอของพรรคร่วมตลอดนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ครับ ถ้าเขาเสนอโครงการที่ไม่เป็นประโยชน์คงไม่ยอมหรอก แต่นี่เป็นนโยบาย ของผมด้วย เป็นนโยบายที่ต้องทำอยู่แล้ว ทำไมเราไปติดใจว่าใครเป็นคนเสนอ ในเมื่อนโยบายเป็นนโยบายของรัฐบาล จริงๆ นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ก็มีอยู่แล้วเรื่องถนนไร้ฝุ่น
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะทำอย่างไรรัฐบาลชุดนี้อยู่ได้โดยไม่มีผลประโยชน์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนย้ำว่าถนนไร้ฝุ่นเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ของประชาชน แต่ถ้ามีปัญหาเรื่อวงความไม่โปร่งใส ก็ต้องไปตรวจสอบไม่ให้เกิดขึ้น ขอย้ำว่า ไม่มีการยอมให้ทำการโครงการที่ไม่เป็นประโยชน์ และไม่ใช่นโยบาย แต่นี่เป็นนโยบาย แต่มีทรัพยากรจำกัดในการจัดสรรงบประมาณ พูดคุยก็เข้าใจกัน ตนอยากทำโครงการนี้ แต่จังหวะเวลาและของงกลางปีไม่เอื้อ ก็ต้องหาช่องทางอื่น
ปูดเพื่อนเนวินถูกกดดันจากผู้ที่จะได้งาน
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่ารัฐมนตรีกลุ่มเพื่อนเนวินจะทราบข้อจำกัดที่มีอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็พูดคุยด้วยเหตุด้วยผล ที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไร ดูจะเข้าใจ กันดี รมว.คมนาคมร่วมประชุมกับตนเกือบทุกวัน เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ก็ไปใต้ด้วยกัน
ผู้สื่อข่าวบอกว่านอกรอบก็แสดงความไม่พอใจผ่านสื่อ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่ามันมีแรงกดดัน เพราะโครงการนี้เคยบรรจุอยู่ในงบกลางปีของรัฐบาลชุดก่อน เขาก็มีความกดดันของคนที่คาดว่าว่าจะได้โครงการนี้ ก็ต้องเห็นใจเขา แต่พูดคุยด้วย เหตุผลแล้ว มันไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นเรื่องของประสิทธิภาพการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต่อไปต้องทำแน่
กมธ.ที่ดินฯหนุนแจกสปก.
นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ และรองประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านโจมตีรัฐบาล เรื่อง สปก.ว่าขอให้รัฐบาลเดินหน้าแก้วิกฤติปัญหาที่ดินทำกินซึ่งเป็นปัญหาที่สะสมมาเป็นเวลายาวนานอย่างจริงจังและรวดเร็ว ให้รับฟังฝ่ายค้านเพื่อเป็นข้อมูลในการ ปฏิบัติแต่อย่าได้ยุตินโยบายดังกล่าวเพราะรัฐบาลชุดนี้มีนโยบายและแนวทางในการแก้ปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนที่ชัดเจนที่สุดกว่า 2-3 รัฐบาลที่ผ่านมา เช่น มีนโยบาย ให้เร่งจัดทำแนวเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยจัดแบ่งประเภทที่ดินของรัฐและเอกชนให้ชัดเจน โดยขอให้ใช้ทุกวิธี ทุกมาตรการ เช่น สทก. ,สปก. เร่งออกโฉนด นส. 3. โดยให้ยึดหลักว่าต้องออกเอกสารสิทธิ์ทุกแปลง ที่เอกชนครอบครองโดยชอบ
ส่วนพื้นที่ที่ให้ สปก.ไปแล้วต้องตรวจสอบว่าได้ดำเนินการตามเงื่อนไขหรือไม่ หากไม่ดำเนินการก็ให้ใช้กฎหมายดำเนินการโดยเคร่งครัด ตลอดจนให้เร่งรัดให้ สปก.ในพื้นที่ที่รับมอบจากกรมป่าไม้มาแล้ว โดยเร็ว และส่วนที่เป็นป่าที่สมบูรณ์ ก็ให้รีบส่งคืนกรมป่าไม้เพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์ต่อไป
สปก.เป็นมาตรการที่ดีมาตรการหนึ่งในการแก้ปัญหาที่ดินแต่การดำเนินการ ในอดีตมีปัญหาในระดับปฏิบัติบ้างในเรื่องการพิสูจน์การใช้ประโยชน์เพราะขาดเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่มีความเที่ยงตรง เช่น ภาพถ่ายทางอากาศ ภาพถ่ายดาวเทียม และ จีพีเอส แต่ระดับนโยบายไม่เคยผิดพลาด และหาก สปก. ไม่ดีตามที่ฝ่ายค้านอ้าง ทำไมถึงมีนโยบายด้านนี้ในทุกรัฐบาลไม่เว้นรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และไม่พบว่ารัฐบาลชุดดังกล่าวคิดจะยุบหน่วยงาน สปก.แต่อย่างใด กลับเดินหน้าปฏิรูปเรื่อยมา และเห็นว่า สปก.เป็นนโยบายที่ไม่ทำให้ที่ดินตกไปอยู่ในมือของนายทุนเหมือน นโยบา ยแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของ 2-3 รัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
พท.โวมีหลักฐานคนในรัฐบาลจ่อทุจริต
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลมีนโยบายการจัดสรรที่ดินทำกิน สปก.4-01 นั้นหากมีการแจกถึงมือพี่น้องประชาชนถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ขณะนี้ได้รับข้อมูลจากผู้หวังดีทำให้ทราบว่า 4 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา ภูเก็ต มีการครอบครองที่ดินโดยคนในพรรครัฐบาลไว้แล้ว โดยมีตัวแทนหรือนอมินีไปถือครองที่ดินจำนวนหลายแสนไร่ หากมีการแจกจริงจะทำอย่างไรซึ่งเราเตรียมเรื่องนี้ไว้อภิปรายในสภา หวังว่าฝันร้ายในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย จะไม่เป็นฝันร้ายในสมัยรัฐบาลนาย อภิสิทธิ์ ซึ่งจะเป็นหรือไม่ต้องติดตามกันต่อไป โดยที่ดิน ในจ.สุราษฎร์ธานีรอยต่อ จ.อื่นๆ มีของบริษัทศรีสุบรรณฟาร์ม รวมอยู่ด้วย ซึ่งตรงนี้เรามีข้อมูลครบหมดแล้วรอเพียงให้เขาแจกเราก็จะดำเนินการทันที
นายกมล บันไดเพชร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยโดนปรามาสว่าค้านไม่เป็น นับจากนี้จะติดตามตรวจสอบรัฐบาลทุกเรื่องซึ่งตนได้รับมอบหมายให้ติดตามเรื่อง ที่ดินสปก.4-01 ทั้งนี้นโยบายปฏิรูปที่ดินถือเป็นเรื่องที่ดีซึ่งขณะนี้ยังเร็วไปหากจะวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ รวมทั้งไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการซื้อ ที่ดินเอกชน1แสนไร่ เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชน
จี้แก้ที่ดินทับซ้อนของสปก.ก่อน
นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่อง สปก.4-01 สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเอาเงินไปซื้อที่ดิน เอกชนแล้วนำมา แจกจ่ายประชาชน ไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะเรื่องนี้ไม่ต้องเป็นถึงรัฐบาล ใครก็ทำได้ ไปซื้อที่มาแจก อยากให้รัฐบาลไปแก้ไขปัญหา ที่ต้องรีเชฟ (พื้นที่ทับซ้อนระหว่างหน่วยงานอื่นกับ สปก.) ในปัจจุบันกว่า 3ล้านไร่ที่ยังไม่แล้วเสร็จ ก่อนเพราะยังไม่ได้รับการแก้ไข เรื่อง สปก.4-01 เราไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยนำที่ดิน ไปแจกจ่ายให้คนรวย ส่วนท่าทีของนักการเมืองกลุ่ม16 ปัจจุบันไปร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์กลับไม่ดำเนินการตรวจสอบเหมือนในอดีตนั้น อาจมีบางอย่าง ปกปิด ปิดบังไว้หรือจะมีอะไรลับลวงพรางกันหรือไม่ ไม่ทราบ ทำให้มองข้ามไป
แต่ทราบมาว่าตอนนี้กลุ่มอะไรไม่รู้กำลังไม่พอใจ มีควันออกหูด้วย เรื่องอะไรไม่รู้ที่ขอไป 3 หมื่นล้านบาทแต่ได้มาแค่ 1.5พันล้านบาท เห็นว่าไม่พอใจอย่างมาก